Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1123

บนเขาวิญญาณพันกระแสกลิ่นเนื้อเย้ายวนอบอวล ในอากาศล้วนเจือกลิ่นหอมที่ทำให้คนน้ำลายหก

เนื้องูสวรรค์ทองคำสดใหม่หาใดเปรียบอย่างแท้จริง ไม่ต้องปรุงรสเพิ่มเติมใดๆ หลังเนื้อขาวกระจ่างดุจหิมะนั้นถูกต้มสุกก็มีแสงวิญญาณเปล่งประกายไหลเวียน แฝงแก่นพลังวิญญาณน่าทึ่งไว้ภายใน

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเนื้อของสัตว์ประหลาดยุคโบราณตนหนึ่ง ตามปกติแล้วหากินไม่ได้แน่!

เจ้าคางคกและอาหลู่ต่างกินจนเต็มคราบ ในปากยังมีประกายแสงแผ่ออกมา

หลินสวินเองก็ไม่เกรงใจ ร่ำสุราพลางกินเนื้อ เป็นสุขเสียนี่กระไร

เดิมผู้ฝึกปราณคนอื่นยังปล่อยวางไม่ลงอยู่บ้าง ใจยังหวาดกลัวเพราะหากแพร่ออกไปว่าพวกเขาก็กินเนื้อของจินเซี่ยวหมิงด้วย เช่นนั้นผลที่ตามมาคงร้ายแรงอยู่บ้าง

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทนต่อความยั่วยวนของอาหารเลิศรสเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ ทยอยเข้าร่วมขบวนกินเนื้อดื่มน้ำแกง เมื่อได้ลิ้มรสก็เลิศล้ำเกินบรรยายดังคาด ทุกคนต่างเสียอาการทันที กินกันอย่างตะกละตะกลาม

แม้แต่หญิงสาวที่วางมาดมารยาทงามส่วนหนึ่ง ขณะนี้ต่างไม่สนภาพลักษณ์แล้ว

หากถูกจินเซี่ยวหมิงเห็นเข้าเกรงว่าคงโกรธจัดแน่ ทายาทเผ่างูสวรรค์ทองคำที่น่าเกรงขามเช่นเขา บัดนี้ร่างแยกกลับถูกคนเห็นเป็นอาหารปันสุข นี่ช่างน่าอัปยศโดยไม่ต้องสงสัย

“ศิษย์พี่หมี การต่อสู้ของท่านกับไป๋หลงถิงครั้งนี้ใครแพ้ใครชนะหรือ”

ในที่สุดฉีชงโต้วก็อดถามไม่ได้

ความสนใจของทุกคนล้วนถูกดึงดูดไปทันที

ไป๋หลงถิงเป็นถึงสัตว์ประหลาดยุคโบราณของเผ่าเจียวขาว วิชายุทธ์เลิศล้ำพลังต่อสู้ร้ายกาจ พูดถึงชื่อเสียงเทียบกับจินเซี่ยวหมิงแล้วมีแต่จะเหนือกว่า!

หมีเหิงเจินกล่าวอย่างใคร่ครวญ “ศึกนี้สู้กันลำบากนัก ผ่านไปหลายชั่วยามก็ตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ สุดท้ายแม้ข้าจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ไป๋หลงถิงก็ไม่ดีไปกว่ากัน หากว่ากันตามจริงการต่อสู้นี้คงถือว่าเสมอ”

พูดถึงตรงนี้เขาก็ยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าการต่อสู้ของข้ากับเขา ด้วยมีคนรุ่นเดียวกันไม่น้อยชมการประลองอยู่ด้านข้าง ไม่ว่าข้าหรือไป๋หลงถิงจึงไม่ใช้ไพ่ตายที่แท้จริง หากไม่ทำเช่นนี้ สุดท้ายเป็นไปได้มากว่าจะกลายเป็นพินาศไปพร้อมกันทุกสิ่ง”

เขาพูดอย่างผ่อนคลาย แต่ทุกคนกลับรู้ดีว่าการต่อสู้นี้ต้องดุเดือดหาใดเปรียบแน่!

ถึงอย่างไรไม่ว่าหมีเหิงเจินหรือไป๋หลงถิงต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งขอบเขตมกุฎที่แท้จริง ผลเสมอกันสำหรับพวกเขาก็ทำลายชื่อเสียงแต่ละคนแล้ว

หากมีสิทธิ์เอาชนะ ใครก็ล้วนไม่มีทางยอมรับผลที่ว่าเสมอกัน

“จากที่พี่หมีเห็น สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่อุบัติบนโลกตอนนี้ทรงพลังมากแค่ไหน” หลินสวินเอ่ยถาม

สีหน้าหมีเหิงเจินเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา นิ่งเงียบนานพอควรค่อยเอ่ยว่า “แข็งแกร่งมาก ปัจจุบันผู้ที่สามารถต่อกรกับพวกนั้นได้ มีเพียงบุคคลระดับยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎที่ก้าวสู่ระดับบรรลุสูงสุด คนรุ่นเดียวกันคนอื่นล้วนด้อยกว่าอยู่สามส่วน”

ทันทีที่วาจานี้กล่าวออกมา จิตใจทุกคนต่างหนักอึ้ง

ด้วยฐานะของหมีเหิงเจินไม่มีทางเอ่ยวาจายกยอคนอื่นทำลายอำนาจตัวเองเด็ดขาด ในเมื่อเขาสันนิษฐานเช่นนี้ก็เพียงพอพิสูจน์ได้ว่า สัตว์ประหลาดยุคโบราณพวกนั้นน่ากลัวระดับใด!

บทสนทนาต่อจากนั้นวนเวียนอยู่กับเรื่องสัตว์ประหลาดยุคโบราณแทบทั้งสิ้น ผู้ฝึกปราณมากมายนั่งถกวิเคราะห์สถานการณ์ในใต้หล้า ทำให้หลินสวินได้รู้ข่าวมากมายไปด้วย

ตัวอย่างเช่น ใต้หล้าทุกวันนี้บุคคลขอบเขตมกุฎชั้นยอดส่วนใหญ่แบ่งเป็นสามประเภท

ประเภทหนึ่งคือยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎในยุคปัจจุบันอย่างหมีเหิงเจิน หวังเสวียนอวี๋ เย่หมัวเฮอ เยี่ยนจั่นชิว

อีกประเภทหนึ่งคือปีศาจที่มาจากแดนเร้นอริยะ ในนั้นไม่ขาดแคลนเหล่าอัจฉริยะโดยกำเนิดและครรภ์วิญญาณ เพียงแต่ทุกวันนี้ต่างยังไม่เคยปรากฏตัวบนโลกอย่างแท้จริง

มีเพียงเมื่อแดนมกุฎมาเยือนปีศาจเหล่านี้ถึงจะ ‘เข้าสู่โลก’

นี่กลับทำให้หลินสวินนึกถึงเยวี่ยไฉ่เวยที่มาจากลัทธิไร้สวรรค์ในแดนเร้นอริยะ และนึกถึงมู่เจิ้งผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์

ประเภทที่สามก็คือสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ทยอยปรากฏตัวช่วงนี้

“อวิ๋นชิ่งไป๋เทียบกับบุคคลเหล่านี้แล้วเป็นอย่างไร”

หลินสวินพลันเอ่ยถาม

ทันทีที่วาจานี้ดังขึ้น ทุกคนในที่นั้นต่างเงียบงัน เหมือนชื่อนี้มีเวทมนตร์มหัศจรรย์

แม้แต่นัยน์ตาหมีเหิงเจินก็หดรัด เหลือบมองหลินสวินวูบหนึ่งอย่างค่อนข้างประหลาด “ปีนั้นที่ข้าเข้าร่วมการประลองกระดานดาราสี่แดนวิภู อวิ๋นชิ่งไป๋กลายเป็นอันดับหนึ่งใต้ระดับราชันแล้ว ความทรงพลังของเขากวาดสายตามองในใต้หล้าก็ไร้คนกระทู้ถาม”

“ปิดด่านสิบปีนี้ได้แค่พูดว่าอวิ๋นชิ่งไป๋แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน และยิ่งลึกล้ำยากหยั่งถึง!”

“ในฐานะสำนักโบราณ สำนักกระบี่เทียมฟ้าก็คือขุมอำนาจใหญ่ที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพกาล ไม่นานมานี้เคยมีสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่งนาม ‘ตวนมู่จื่ออี’ ปรากฏตัวในสำนักกระบี่เทียมฟ้า อวดอ้างว่าตนเหนือกว่าอวิ๋นชิ่งไป๋”

พูดถึงตรงนี้สีหน้าหมีเหิงเจินเปลี่ยนเป็นลุ่มลึก หว่างคิ้วเจือกลิ่นอายที่บอกไม่ถูกว่าชื่นชมหรือตกตะลึงเสี้ยวหนึ่งอยู่รางๆ “แต่เจ้ารู้ไหมว่าผลเป็นอย่างไร”

ทุกคนต่างหูผึ่ง

พวกเขาเพิ่งเคยได้ยินข่าวลึกลับเช่นนี้เป็นครั้งแรก

“ผลคือในวันที่สองที่ตวนมู่จื่ออีปรากฏตัวบนโลกก็มุ่งหน้าไปเยือนแหล่งพำนักของอวิ๋นชิ่งไป๋ด้วยตนเอง คารวะสุราให้อวิ๋นชิ่งไป๋สามจอก!”

ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้น ทั่วทั้งลานพลันเงียบเชียบ

สัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่งกลับไปเยี่ยมเยียนและคารวะสุราด้วยตัวเอง ความนัยนี้ช่างทำให้คนตกตะลึงเกินไปแล้ว

“ตวนมู่จื่ออีนี้หากมีความมั่นใจว่าเอาชนะอวิ๋นชิ่งไป๋ได้คงไม่ลดตัวเช่นนี้แน่ แต่เขากลับอ่อนน้อมถ่อมตนต่อหน้าอวิ๋นชิ่งไป๋เช่นนี้ นี่เพียงพิสูจน์ได้ว่าเขายอมรับว่าสู้อวิ๋นชิ่งไป๋ไม่ได้ หรือไม่ก็ไม่อยากขัดใจอวิ๋นชิ่งไป๋”

“แต่ไม่ว่าเป็นอย่างไหนล้วนสามารถพิสูจน์ได้ว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนี้… แข็งแกร่งถึงขั้นทำให้สัตว์ประหลาดยุคโบราณหวาดกลัวเขาแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์