ตอนที่ 1139 หุบเขาผลาญสวรรค์ – ตอนที่ต้องอ่านของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
ตอนนี้ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1139 หุบเขาผลาญสวรรค์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ภายใต้สายตาตะลึงงันของผู้คน ในประตูใหญ่ตำหนักของเผ่าอีกาทอง เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งเดินออกมา…
อาภรณ์สีขาวพระจันทร์ โดดเด่นเป็นเอกเทศ มีกลิ่นอายแปลกแยกเหนือธรรมชาติ
เทพมารหลิน!
ทั่วลานล้วนอึ้งค้าง ไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อครู่เห็นชัดๆ ว่ามีบุคคลขอบเขตมกุฎเผ่าอีกาทองสี่คนเข้าไปในตำหนัก แต่ทำไมเทพมารหลินถึงเดินตัวปลิวออกมาเช่นนี้ได้
แล้วผู้แข็งแกร่งขอบเขตมกุฎเผ่าอีกาทองสี่คนนั้นล่ะ
พวกเขาวิญญาณหมื่นอสูรอย่างหลูชวน สำนักยุทธ์นครนิลอย่างเกาเซวียน เวลานี้ในใจต่างผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา คงไม่ใช่ว่า…
เมื่อนึกถึงผลลัพธ์แบบนั้น พวกเขาล้วนหน้าเปลี่ยนสี น่องแข็งเกร็ง สายตาที่มองหลินสวินเจือแววหวาดวิตก
หลินสวินไม่ได้สนใจพวกเขา หมุนตัวเดินดุ่มๆ ออกไป
ไม่มีใครขวาง!
ต่อให้ทุกคนในลานต่างรู้ดีว่าก่อนหน้านี้หลินสวินบุกรุกอาณาเขตเผ่าอีกาทอง กระทำการอุกอาจฆ่าฟันดุเดือด ทำลายกฎของเมืองโบราณเผาเซียนอย่างร้ายแรง
แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครกล้าชี้หน้าหาว่าเขาผิด?
แล้วใครจะกล้าลงโทษเขากัน
เว้นแต่มีสัตว์ประหลาดยุคโบราณออกหน้า บางทีอาจข่มเพลิงกำแหงของเทพมารหลินได้ แต่ใครจะไปผูกพยาบาทกับเทพมารหลินโดยใช่เหตุกันเล่า
ก็เหมือนกับสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งคิดไว้ กฎ เป็นเพียงวิธีผูกมัดผู้อ่อนแอ ผู้แข็งแกร่งแท้จริงต่างยืนอยู่เหนือกฎเกณฑ์ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว!
“รีบไปดูเร็วเข้า!”
ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งเคลื่อนสายตามองไปทางตำหนักโอ่โถงซึ่งเป็นที่พำนักของเผ่าอีกาทอง
แม้ว่าจะไม่สามารถบุกเข้าไปโดยพลการ แต่อาศัยจิตรับรู้ก็ยังพอสำรวจสถานการณ์ส่วนหนึ่งได้อยู่
“สวรรค์!”
ไม่นานผู้ฝึกปราณจำนวนมากต่างตัวสั่น ศีรษะมึนชา ได้เห็นภาพนองเลือดฉากหนึ่ง…
ผู้แข็งแกร่งขอบเขตมกุฎสี่คนที่กรูเข้าตำหนักก่อนหน้านี้ สามคนสิ้นชีพคาที่ ร่างถูกระเบิด เลือดสดๆ เจิ่งนอง
อีกคนกลับไม่เห็นร่องรอย
และในตำหนัก ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่ถูกหลินสวินสยบก่อนหน้านี้ต่างรอดชีวิต แต่ล้วนมีอาการเหม่อลอย สีหน้าเห็นได้ชัดว่าตกใจจนไร้สติ
ไม่ทันไรกลุ่มคนนอกตำหนักก็รู้เรื่องทั้งหมดนี้ ทุกคนล้วนสมองตื้อ ช่างเหี้ยมหาญเกินไปแล้ว สามคนนั้นเป็นถึงบุคคลแกนหลักของเผ่าอีกาทองเชียว เป็นอัจฉริยะที่มีหวังจะย่างเหยียบขอบเขตมกุฎระดับราชัน แต่ทั้งหมดล้วนถูกหลินสวินสังหาร ศพเกลื่อนตายคาที่!
“เทพมารหลินแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่”
เป็นครั้งแรกที่คนมากมายได้เห็นหลินสวินสำแดงอานุภาพเกรียงไกร
“อย่าลืมสิ เขาเคยสยบจินเซี่ยวหมิงสัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่างูสวรรค์ทองคำ พลังต่อสู้ของเขา ทอดสายตาทั่วแดนเผาเซียนก็เพียงพอจะทะยานสู่อันดับหนึ่งได้!”
บางคนทอดถอนใจ
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่นานก็หอบม้วนไปทั่วเมืองโบราณเผาเซียนราวกับมรสุมก็ไม่ปาน บังเกิดคลื่นลมครั้งใหญ่ พาให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตื่นตระหนก
นี่เพิ่งเข้าสู่แดนมกุฎไม่กี่วันเท่านั้น เทพมารหลินก็สำแดงอานุภาพ ไม่เห็นกฎของเมืองในสายตา บุกเข้าถิ่นเผ่าอีกาทองเสียแล้ว!
นี่เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ชวนให้ผู้คนสยองยามได้ยิน!
การต่อสู้ครั้งนี้ยังเสริมสร้างอานุภาพมารของหลินสวิน ทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายกริ่งเกรง แม้แต่ขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นยังเริ่มหวาดระแวงขึ้นมาแล้ว
……
นอกเมืองโบราณเผาเซียน หลินสวินกำลังเหินทะยานด้วยความเร็วเต็มที่
“นี่เจ้าหาเหาใส่หัวชัดๆ!”
ในมือหลินสวินยังหิ้วผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนหนึ่งเอาไว้ ยามนี้เขาสีหน้าคล้ำเขียว สายตาที่มองหลินสวินเปี่ยมด้วยแววอาฆาต
“เจ้าแค่ต้องบอกเส้นทางข้าก็พอ” หลินสวินสีหน้าราบเรียบ
ก่อนหน้านี้ในตำหนักของเผ่าอีกาทอง หลังจากจัดการฆ่าบุคคลขอบเขตมกุฎสามคนที่โผล่มากะทันหันแล้ว หลินสวินยั้งมือไว้แล้วคว้าตัวผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนนี้ออกมา
คนผู้นี้นามว่าอูเทียนซุ่น เป็นหนึ่งในทายาทแกนหลักรุ่นนี้ของเผ่าอีกาทอง เหยียบย่างขอบเขตมกุฎ โดดเด่นอย่างยิ่ง
พร้อมกันนั้นเขายังเป็นหนึ่งในลูกน้องคนสำคัญขององค์ชายเจ็ดเผ่าอีกาทองอูหลิงเฟย
“พวกเขาอยู่ที่หุบเขาผลาญสวรรค์”
อูเทียนซุ่นตอบอย่างหน้าชื่นตาบาน เพราะเขารู้ดี เทพมารหลินไปที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการไปตาย!
“หุบเขาผลาญสวรรค์?”
“ถูกต้อง สหายสองคนนั้นของเจ้าระวังตัวมาก เมื่อวานหลังจากเข้าเมืองก็จับสังเกตถึงความไม่ปกติ จึงออกจากเมืองโบราณเผาเซียนก่อนหนึ่งก้าว น่าเสียดาย พวกเขาถูกองค์ชายเจ็ดหมายหัวตั้งแต่แรก จะปล่อยให้พวกเขาหนีรอดได้อย่างไร”
จากข้อมูลของอูเทียนซุ่น เมื่อวานเจ้าคางคกกับอาหลู่เข้าเมืองโบราณเผาเซียนแล้ว แต่กลับรู้สึกถึงอันตราย จึงถอนตัวออกจากเมืองโบราณอย่างเด็ดขาด
แต่อูหลิงเฟยหมายหัวพวกเขาแต่เนิ่นๆ ดังนั้นจึงเคลื่อนกำลังออกไล่ล่า
ตอนนี้ทั้งคู่ล้วนถูกขังอยู่ในเทือกเขาที่มีชื่อเรียกว่า ‘หุบเขาผลาญสวรรค์’
“มีกี่คนที่ลงมือ” หลินสวินถาม
อูเทียนซุ่นอึ้งงัน ก่อนหัวเราะหยันขึ้นมา “เยอะแยะมากมาย ไม่เพียงองค์ชายเจ็ดเผ่าข้าเท่านั้น ยังมีเทพธิดาหลิงหวาแห่งสำนักยุทธ์นครนิล เหลียงเซวี่ยอิ๋นสัตว์ประหลาดยุคโบราณแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรอีกด้วย”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งค่อยกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ยังมีบุคคลขอบเขตมกุฎจากขุมอำนาจโบราณอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ขาดพวกร้ายกาจส่วนหนึ่งด้วย…”
หลินสวินขมวดคิ้ว ในใจงงงวยยิ่ง อูหลิงเฟยหมายจับตัวอาหลู่กับเจ้าคางคก ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากบีบตนให้ยอมจำนนเท่านั้น แต่ขุมอำนาจอื่นๆ ไยต้องเข้ามาเกี่ยวด้วย
อีกทั้งยังออกจะยกขบวนเต็มกำลังเกินไปหน่อย
“กลัวแล้วใช่หรือไม่ ฮ่าๆ เทพมารหลินอย่างเจ้าก็มีเรื่องที่กลัวด้วยหรือ”
อูเทียนซุ่นพยักหน้า จากนั้นกล่าวว่า “ว่าอย่างไร เจ้าคิดดีแล้วหรือไม่ จากความแข็งแกร่งของเจ้า หากหลบภัยภายใต้ร่มบารมีขององค์ชายเจ็ดต้องไม่ถูกฝังกลบเป็นแน่ หนำซ้ำด้วยเหตุนี้เจ้ายังช่วยชีวิตสหายสองคนนั้นของเจ้าได้อีกด้วย สิ่งที่เรียกว่าทำหนึ่งได้ถึงสอง ต่างฝ่างต่างมีความสุข แล้วไยจะไม่ทำเล่า”
“เจ้าว่าหากข้าเอาชีวิตเจ้าไปแลก อูหลิงเฟยจะตกลงหรือไม่” หลินสวินถาม
อูเทียนซุ่นอึ้งงัน จากนั้นจึงหัวเราะเสียงเย็นกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ องค์ชายเจ็ดทำการใดล้วนเลือดเย็นที่สุด ไม่ถูกผู้อื่นคุกคามได้หรอก!”
“เช่นนั้นข้ายังจะไว้ชีวิตเจ้าเพื่อประโยชน์อะไร” หลินสวินถาม
อูเทียนซุ่นหน้าเปลี่ยนสีทันควัน ตระหนักถึงความไม่เข้าที ลุกลนในบัดดลกล่าวว่า “อย่าลืมสิ ข้าเป็นคนบอกทางให้เจ้ามาถึงที่นี่นะ…”
กร๊อบ!
ยังไม่ทันกล่าวจบก็ถูกหลินสวินหักคอ พลังจิตก็ถูกดับทำลาย ก่อนตายเขายังเบิกตาโพลง ไม่อยากเชื่อและไม่อยากยอมรับทุกสิ่งนี้
หลินสวินยกมือขึ้นเก็บศพเขาไว้ในแหวนเก็บของ จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เดินเข้าไปทางหุบเขาผลาญสวรรค์ที่อยู่ไกลๆ
เงาร่างสูงโปร่งของเขาปลดปล่อยอานุภาพบีบคั้นออกมาอย่างไร้รูป ภายในใจมีไอสังหารที่จวนจะควบคุมไม่อยู่กำลังพลุ่งพล่าน
เพิ่งจะมาถึงแดนมกุฎไม่กี่วัน เจ้าคางคกกับอาหลู่ก็ประสบอันตราย เรื่องนี้จะให้หลินสวินทนได้อย่างไรกัน
คิดว่าเขาหลินสวินรังแกง่ายจริงๆ หรือ
เช่นนั้นก็คิดผิดมหันต์แล้ว!
เมื่อเดินเข้าสู่หุบเขาผลาญสวรรค์ก็เป็นภาพทิวทัศน์อีกอย่างหนึ่ง มีเปลวเพลิงพราวตาพุ่งปราดจากบนโขดหิน ต้นไม้ใบหญ้าอยู่เป็นคราวๆ นี่เป็นภาพที่สะท้อนถึงพลังเปลวเพลิงอันน่าตกใจล้นเหลือ
อากาศร้อนเร่าแผดเผาอวัยวะของผู้คน คล้ายกับสามารถหลอมละลายโลหะจนหมด ยามหายใจพาให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกำลังกลืนถ่านหิน
แต่นี่ไม่เกินกำลังหลินสวินสักนิด
เขามุ่งหน้าสู่ส่วนลึกของหุบเขา ปรากฏเขาเปลวเพลิงขรุขระสูงโดด ความสูงเต็มหนึ่งพันจั้ง คล้ายเสาเพลิงค้ำฟ้าที่ลุกโหม
ด้านล่างของเขาเปลวเพลิงมีปากถ้ำตามธรรมชาติแห่งหนึ่ง
“หยุดนะ ที่แห่งนี้ถูกปิดผนึกแล้ว ห้ามเข้าไป!”
ยังไม่ทันรอให้หลินสวินเข้าใกล้ก็มีคนปรากฏตัวขึ้นขวางปากถ้ำเสียก่อน สีหน้าล้วนเยียบเย็นยิ่ง สายตาชวนสยองประหนึ่งมีดก็ไม่ปาน
“ข้ามาหาคน” หลินสวินกล่าว
“ใคร”
“พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์รู้ แค่หลีกทางก็พอ”
หลินสวินพูดไปพลางเดินมุ่งสู่ปากถ้ำไปพลาง สีหน้าเยือกเย็นสงบนิ่ง เพียงแต่ไม่มีใครรู้ ไอสังหารในใจเขาจวนจะควบคุมไม่อยู่แล้ว
แม้แต่ปากถ้ำแห่งนี้ยังถูกปิดผนึก แสดงให้เห็นว่าเจ้าคางคกและอาหลู่ตกอยู่ในอันตรายมากเพียงใด!
หลินสวินไม่อยากคิดเลยว่าหากพวกเขาประสบเคราะห์และไม่ได้เจอกันอีก ตนจะมีสภาพเป็นแบบไหน…
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์