ภายใต้สายตาตะลึงงันของผู้คน ในประตูใหญ่ตำหนักของเผ่าอีกาทอง เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งเดินออกมา…
อาภรณ์สีขาวพระจันทร์ โดดเด่นเป็นเอกเทศ มีกลิ่นอายแปลกแยกเหนือธรรมชาติ
เทพมารหลิน!
ทั่วลานล้วนอึ้งค้าง ไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อครู่เห็นชัดๆ ว่ามีบุคคลขอบเขตมกุฎเผ่าอีกาทองสี่คนเข้าไปในตำหนัก แต่ทำไมเทพมารหลินถึงเดินตัวปลิวออกมาเช่นนี้ได้
แล้วผู้แข็งแกร่งขอบเขตมกุฎเผ่าอีกาทองสี่คนนั้นล่ะ
พวกเขาวิญญาณหมื่นอสูรอย่างหลูชวน สำนักยุทธ์นครนิลอย่างเกาเซวียน เวลานี้ในใจต่างผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา คงไม่ใช่ว่า…
เมื่อนึกถึงผลลัพธ์แบบนั้น พวกเขาล้วนหน้าเปลี่ยนสี น่องแข็งเกร็ง สายตาที่มองหลินสวินเจือแววหวาดวิตก
หลินสวินไม่ได้สนใจพวกเขา หมุนตัวเดินดุ่มๆ ออกไป
ไม่มีใครขวาง!
ต่อให้ทุกคนในลานต่างรู้ดีว่าก่อนหน้านี้หลินสวินบุกรุกอาณาเขตเผ่าอีกาทอง กระทำการอุกอาจฆ่าฟันดุเดือด ทำลายกฎของเมืองโบราณเผาเซียนอย่างร้ายแรง
แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครกล้าชี้หน้าหาว่าเขาผิด?
แล้วใครจะกล้าลงโทษเขากัน
เว้นแต่มีสัตว์ประหลาดยุคโบราณออกหน้า บางทีอาจข่มเพลิงกำแหงของเทพมารหลินได้ แต่ใครจะไปผูกพยาบาทกับเทพมารหลินโดยใช่เหตุกันเล่า
ก็เหมือนกับสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งคิดไว้ กฎ เป็นเพียงวิธีผูกมัดผู้อ่อนแอ ผู้แข็งแกร่งแท้จริงต่างยืนอยู่เหนือกฎเกณฑ์ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว!
“รีบไปดูเร็วเข้า!”
ผู้ฝึกปราณส่วนหนึ่งเคลื่อนสายตามองไปทางตำหนักโอ่โถงซึ่งเป็นที่พำนักของเผ่าอีกาทอง
แม้ว่าจะไม่สามารถบุกเข้าไปโดยพลการ แต่อาศัยจิตรับรู้ก็ยังพอสำรวจสถานการณ์ส่วนหนึ่งได้อยู่
“สวรรค์!”
ไม่นานผู้ฝึกปราณจำนวนมากต่างตัวสั่น ศีรษะมึนชา ได้เห็นภาพนองเลือดฉากหนึ่ง…
ผู้แข็งแกร่งขอบเขตมกุฎสี่คนที่กรูเข้าตำหนักก่อนหน้านี้ สามคนสิ้นชีพคาที่ ร่างถูกระเบิด เลือดสดๆ เจิ่งนอง
อีกคนกลับไม่เห็นร่องรอย
และในตำหนัก ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่ถูกหลินสวินสยบก่อนหน้านี้ต่างรอดชีวิต แต่ล้วนมีอาการเหม่อลอย สีหน้าเห็นได้ชัดว่าตกใจจนไร้สติ
ไม่ทันไรกลุ่มคนนอกตำหนักก็รู้เรื่องทั้งหมดนี้ ทุกคนล้วนสมองตื้อ ช่างเหี้ยมหาญเกินไปแล้ว สามคนนั้นเป็นถึงบุคคลแกนหลักของเผ่าอีกาทองเชียว เป็นอัจฉริยะที่มีหวังจะย่างเหยียบขอบเขตมกุฎระดับราชัน แต่ทั้งหมดล้วนถูกหลินสวินสังหาร ศพเกลื่อนตายคาที่!
“เทพมารหลินแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่”
เป็นครั้งแรกที่คนมากมายได้เห็นหลินสวินสำแดงอานุภาพเกรียงไกร
“อย่าลืมสิ เขาเคยสยบจินเซี่ยวหมิงสัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่างูสวรรค์ทองคำ พลังต่อสู้ของเขา ทอดสายตาทั่วแดนเผาเซียนก็เพียงพอจะทะยานสู่อันดับหนึ่งได้!”
บางคนทอดถอนใจ
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่นานก็หอบม้วนไปทั่วเมืองโบราณเผาเซียนราวกับมรสุมก็ไม่ปาน บังเกิดคลื่นลมครั้งใหญ่ พาให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนตื่นตระหนก
นี่เพิ่งเข้าสู่แดนมกุฎไม่กี่วันเท่านั้น เทพมารหลินก็สำแดงอานุภาพ ไม่เห็นกฎของเมืองในสายตา บุกเข้าถิ่นเผ่าอีกาทองเสียแล้ว!
นี่เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ชวนให้ผู้คนสยองยามได้ยิน!
การต่อสู้ครั้งนี้ยังเสริมสร้างอานุภาพมารของหลินสวิน ทำให้ผู้ฝึกปราณมากมายกริ่งเกรง แม้แต่ขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นยังเริ่มหวาดระแวงขึ้นมาแล้ว
……
นอกเมืองโบราณเผาเซียน หลินสวินกำลังเหินทะยานด้วยความเร็วเต็มที่
“นี่เจ้าหาเหาใส่หัวชัดๆ!”
ในมือหลินสวินยังหิ้วผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนหนึ่งเอาไว้ ยามนี้เขาสีหน้าคล้ำเขียว สายตาที่มองหลินสวินเปี่ยมด้วยแววอาฆาต
“เจ้าแค่ต้องบอกเส้นทางข้าก็พอ” หลินสวินสีหน้าราบเรียบ
ก่อนหน้านี้ในตำหนักของเผ่าอีกาทอง หลังจากจัดการฆ่าบุคคลขอบเขตมกุฎสามคนที่โผล่มากะทันหันแล้ว หลินสวินยั้งมือไว้แล้วคว้าตัวผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนนี้ออกมา
คนผู้นี้นามว่าอูเทียนซุ่น เป็นหนึ่งในทายาทแกนหลักรุ่นนี้ของเผ่าอีกาทอง เหยียบย่างขอบเขตมกุฎ โดดเด่นอย่างยิ่ง
พร้อมกันนั้นเขายังเป็นหนึ่งในลูกน้องคนสำคัญขององค์ชายเจ็ดเผ่าอีกาทองอูหลิงเฟย
“พวกเขาอยู่ที่หุบเขาผลาญสวรรค์”
อูเทียนซุ่นตอบอย่างหน้าชื่นตาบาน เพราะเขารู้ดี เทพมารหลินไปที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการไปตาย!
“หุบเขาผลาญสวรรค์?”
“ถูกต้อง สหายสองคนนั้นของเจ้าระวังตัวมาก เมื่อวานหลังจากเข้าเมืองก็จับสังเกตถึงความไม่ปกติ จึงออกจากเมืองโบราณเผาเซียนก่อนหนึ่งก้าว น่าเสียดาย พวกเขาถูกองค์ชายเจ็ดหมายหัวตั้งแต่แรก จะปล่อยให้พวกเขาหนีรอดได้อย่างไร”
จากข้อมูลของอูเทียนซุ่น เมื่อวานเจ้าคางคกกับอาหลู่เข้าเมืองโบราณเผาเซียนแล้ว แต่กลับรู้สึกถึงอันตราย จึงถอนตัวออกจากเมืองโบราณอย่างเด็ดขาด
แต่อูหลิงเฟยหมายหัวพวกเขาแต่เนิ่นๆ ดังนั้นจึงเคลื่อนกำลังออกไล่ล่า
ตอนนี้ทั้งคู่ล้วนถูกขังอยู่ในเทือกเขาที่มีชื่อเรียกว่า ‘หุบเขาผลาญสวรรค์’
“มีกี่คนที่ลงมือ” หลินสวินถาม
อูเทียนซุ่นอึ้งงัน ก่อนหัวเราะหยันขึ้นมา “เยอะแยะมากมาย ไม่เพียงองค์ชายเจ็ดเผ่าข้าเท่านั้น ยังมีเทพธิดาหลิงหวาแห่งสำนักยุทธ์นครนิล เหลียงเซวี่ยอิ๋นสัตว์ประหลาดยุคโบราณแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรอีกด้วย”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งค่อยกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ยังมีบุคคลขอบเขตมกุฎจากขุมอำนาจโบราณอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ขาดพวกร้ายกาจส่วนหนึ่งด้วย…”
หลินสวินขมวดคิ้ว ในใจงงงวยยิ่ง อูหลิงเฟยหมายจับตัวอาหลู่กับเจ้าคางคก ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากบีบตนให้ยอมจำนนเท่านั้น แต่ขุมอำนาจอื่นๆ ไยต้องเข้ามาเกี่ยวด้วย
อีกทั้งยังออกจะยกขบวนเต็มกำลังเกินไปหน่อย
“กลัวแล้วใช่หรือไม่ ฮ่าๆ เทพมารหลินอย่างเจ้าก็มีเรื่องที่กลัวด้วยหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์