Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1138

สรุปบท ตอนที่ 1138 ปล้นคลังสมบัติ: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

อ่านสรุป ตอนที่ 1138 ปล้นคลังสมบัติ จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1138 ปล้นคลังสมบัติ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เรื่องราวบานปลายใหญ่โต ผู้ฝึกปราณในพื้นที่แถบนี้ล้วนถูกทำให้ตกใจ

นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกปราณจำนวนมากที่กำลังเร่งรุดมาจากพื้นที่ต่างๆ

แต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินเหนือความคาดหมายคือ ปัญหาบานปลายมาจนถึงขั้นนี้แล้ว อูหลิงเฟยองค์ชายเจ็ดเผ่าอีกาทองกลับยังไม่เคยปรากฏตัวเลย

ยิ่งกว่านั้นผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่กรูกันออกมาพวกนี้ก็มีบุคคลขอบเขตมกุฎเพียงแค่หยิบมือ คนอื่นๆ ล้วนถือว่ามีฝีมือชั้นยอดในระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้น

พลังแค่นี้ ห่างไกลเกินกว่าจะสามารถข่มขู่หลินสวินได้

“อูหลิงเฟยไปไหนแล้วล่ะ”

นัยน์ตาดำของหลินสวินราวกับอสนี กวาดมองผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองพวกนั้น

“เทพมารหลิน เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!” คนเหล่านี้สีหน้าฉุนแกมโศก แต่กลับไม่มีใครกล้าพุ่งพรวดขึ้นมา เพราะความแข็งแกร่งนั้นแตกต่างกันลิบลับ

หลินสวินคร้านจะพูดไร้สาระ ก้าวขึ้นหน้า เพียงไม่กี่อึดใจก็สยบผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองเหล่านี้จนหมด ต่างล้มพับลงกับพื้นระเนระนาด

ขณะที่หลินสวินตั้งท่าจะเดินเข้าไปในตำหนักแห่งนั้น เสียงเย็นเยียบสายหนึ่งก็ดังก้องขึ้นมาแต่ไกล

“เทพมารหลิน ภายในเมืองไม่อนุญาตให้ฆ่าคน นี่เจ้ากำลังเหยียบย่ำกฎ!”

ครานี้เป็นคนกลุ่มหนึ่ง ต่างสวมเครื่องแต่งกายของผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูร ผู้ที่เอ่ยปากคือชายหนุ่มที่มีจอนหงอกสองข้าง

คนอื่นๆ ในใจสั่นสะท้าน รีบร้อนถอยห่างพื้นที่แถวนี้ทันที

เห็นได้ชัดว่าการกระทำที่ทำลายกฎเมืองของหลินสวิน ได้กระตุกต่อมความไม่พอใจของสำนักโบราณอย่างเขาวิญญาณหมื่นอสูรเข้าให้แล้ว

หลินสวินหันขวับทันที มุมปากโค้งองศาเยียบเย็นขึ้นกล่าวว่า “ข้ายังไม่ทันคิดบัญชีพวกเจ้าเลย พวกเจ้ากลับโร่ออกมาเอง! ทำไม พวกเจ้าอยากรับหน้าแทนเผ่าอีกาทองหรือ”

เขาไม่มีทางลืมว่าระหว่างทางที่มุ่งหน้ามายังเมืองนำทาง กองทัพเขาวิญญาณหมื่นอสูรจองหองเพียงใด กระแทกกระทั้นตลอดทาง เห็นเขา อาหลู่ และเจ้าคางคกเป็นสิ่งกีดขวาง หมายจะเหยียบย่ำพวกเขา!

“เจ้าพูดผิดแล้ว พวกเราก็แค่ปกป้องกฎของเมืองเท่านั้น หากเจ้ารามือเสียตอนนี้ พวกข้าก็จะให้โอกาสเจ้าสักครั้งหนึ่ง หาไม่ เกรงว่าผู้ฝึกปราณในเมืองทุกคนคงไม่ปล่อยให้เจ้าอาละวาดเช่นนี้ต่อไปแน่!”

ชายหนุ่มจอนหงอกเอ่ยปากเย็นเยียบ เขามีนามว่าหลูชวน เป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎคนหนึ่ง มีชื่อเสียงมานานแล้ว

ขณะพูดพวกเขาก็เดินเข้ามาเป็นที่เรียบร้อย ท่วงท่าบารมีแกร่งกล้า มีกันถึงสิบกว่าคน กลิ่นอายล้วนกร้าวแกร่งและไม่ธรรมดาอย่างที่สุด

“ไม่ผิด กฎก็คือกฎ ต่อให้เป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎก็ไม่อาจทำลายได้!”

เสียงเย็นยะเยือกสายหนึ่งดังก้องขึ้น ผู้ฝึกปราณอีกกลุ่มเดินออกมา บุคลิกองอาจ สายตาที่มองทางหลินสวินดูไม่เป็นมิตร

“ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์นครนิล!”

กลุ่มคนในลานฮือฮา จำฐานะของผู้มาเยือนได้ ชายหนุ่มผอมสูงชุดบัณฑิตที่นำหน้าคนนั้น นามว่าเกาเซวียน เป็นบุคคลแห่งยุคในหมู่คนรุ่นเยาว์สำนักยุทธ์นครนิล

“พวกเจ้าอยู่สำนักเดียวกับผู้หญิงอำมหิตหลิงหวาคนนั้นหรือ”

หลินสวินถาม

พวกเกาเซวียนต่างหน้าขรึม เทพธิดาหลิงหวาผู้นั้นเป็นถึงสัตว์ประหลาดยุคโบราณของสำนักพวกเขา กลับถูกด่าเสียเกียรติเช่นนี้ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาต่างฉุนเฉียว

“เทพมารหลิน เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับผู้ฝึกปราณทั้งเมืองจริงๆ หรือ”

เกาเซวียนเอ่ยเสียงเย็นชา

หลินสวินยิ้มเยาะ “พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้กล้าเป็นตัวแทนผู้ฝึกปราณทั้งเมือง พวกเจ้าคู่ควรด้วยหรือ ถ้ากล้า พวกเจ้าก็ลองขวางข้าดู!”

ขณะพูดเขาก็หันหน้าเดินไปกลางตำหนักแห่งนั้นแล้ว

ไม่พูดพร่ำทำเพลงสักนิด ตั้งแต่ต้นจนจบยิ่งไม่เคยเผยอาการหวาดกลัวใดๆ ออกมาสักเสี้ยว

สิ่งนี้พาให้ผู้ฝึกปราณเขาวิญญาณหมื่นอสูรและสำนักยุทธ์นครนิลพากันสีหน้าผิดแปลกอย่างที่สุด แค้นจนกัดฟันกรอด เทพมารหลินคนนี้ช่างยโสโอหังเกินไปแล้ว!

กลุ่มคนที่อยู่ไกลๆ พากันลอบปากอ้าตาค้าง เมื่อก่อนทุกคนรู้ดีว่าเทพมารหลินกล้าหาญเต็มเปี่ยม แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะใจกล้าถึงขั้นนี้!

อะไรที่เรียกว่าไม่เห็นหัวใคร

ก็นี่อย่างไรล่ะ!

ทิ้งไว้หนึ่งประโยคก็หมุนตัวออกไป มองเหล่าผู้กล้าราวกับไร้ตัวตน

“แย่แล้ว สมบัติชั้นเลิศที่เสาะหามาให้องค์ชายเจ็ดยังอยู่ในตำหนัก!”

ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนหนึ่งที่ถูกซัดหมอบกระแตร้องโพล่งขึ้น ดีดตัวขึ้นมาดังผึง พุ่งพราดไปด้านในตำหนัก

ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองคนอื่นๆ ที่นอนราบกับพื้นล้วนไม่อาจ ‘แกล้งตาย’ ต่อได้แล้ว หน้าเปลี่ยนสีกันใหญ่ รีบพุ่งเข้าไปในตำหนักด้วยความตื่นตระหนก

ผู้ฝึกปราณที่อยู่ไกลๆ เห็นภาพนี้เข้าต่างอดอึ้งค้างครู่หนึ่งไม่ได้ หากไม่เกรงกลัวอานุภาพเหี้ยมหาญของเผ่าอีกาทอง พวกเขาก็คงทนไม่ไหวพุ่งไปฮุบสมบัติสักตั้งเหมือนกัน

ต่อให้เทพมารหลินกินเนื้อไปแล้ว ให้พวกเขากินน้ำแกงเอาก็ยังได้!

ควรรู้ว่าหลายวันมานี้เผ่าอีกาทองใช้วิธีต่างๆ นานาในการรวบรวมสมบัติจำนวนมหาศาล ล้วนเป็นของล้ำค่าหายากสภาพเยี่ยม ไม่ขาดโอสถราชัน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสมบัติฝึกปราณที่เตรียมไว้สำหรับอูหลิงเฟยองค์ชายเจ็ดแห่งเผ่าอีกาทอง

นี่ก็เพียงพอจะทำให้ใครก็ตามน้ำลายหกและตาลุกวาวได้!

‘เทพมารหลินจะรวยแล้ว’ ผู้ฝึกปราณมากมายพึมพำในใจ

แม้แต่ผู้ฝึกปราณเขาวิญญาณหมื่นอสูรและสำนักยุทธ์นครนิลก็ยังใจเต้นไม่หยุด ภายในใจดิ้นรน ควรเข้าไปขวาง ‘การกระทำชั่วร้าย’ ของเทพมารหลินหรือไม่กันแน่

แต่สุดท้ายพวกเขาก็หักห้ามเอาไว้

ตำหนักนี้เป็นถิ่นของเผ่าอีกาทอง หากพวกเขาพรวดพราดเข้าไป นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการรุกล้ำอาณาเขตเผ่าอีกาทอง

‘ถึงจะไม่เข้าไป แต่ก็ลงมือกับเทพมารหลินได้อยู่ดี!’

จังหวะนี้หลูชวนแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรและเกาเซวียนจากสำนักยุทธ์นครนิล ต่างผุดความคิดเดียวกันขึ้นมาในหัวโดยไม่ได้นัดหมาย

……

ภายในตำหนักโอ่อ่าอลังการ

หลังจากเข้ามาแล้วหลินสวินเพิ่งสังเกตว่าฐานหลักของเผ่าอีกาทองนี้โล่งโถง มีเพียงบริวารชั้นยอดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แม้แต่ยอดฝีมือสักคนก็ยังไม่มี

‘ดูท่าอูหลิงเฟยคงไม่อยู่จริงๆ’

หลินสวินตั้งข้อสันนิษฐาน

หลินสวินเตะเขาปลิวในคราเดียว เขาไม่ได้เปิดขวดหยกมันแพะออก วางมันกลับเข้าไปในกล่องหยกม่วงสำริดใบนั้นตามเดิม จากนั้นก็เก็บเอาไว้

สมบัติข้างในนี้จะต้องชวนตกใจมากเป็นแน่ หาไม่คงไม่ปิดผนึกชั้นแล้วชั้นเล่าเช่นนี้

ต่อมาหลินสวินกวาดข้าวของในคลังสมบัติในคราวเดียว เก็บมันเอาไว้ ยึดไปอย่างหมดจด ทำเอาคนเผ่าอีกาทองพวกนั้นมองดูจนเลือดไหลในใจ แทบจะพังทลาย

ของพวกนี้ล้วนเป็นศุภโชคที่พวกเขาเก็บรวบรวมมาอย่างลำบากตรากตรำ แต่ตอนนี้กลับถูกคนแย่งไปจนหมด!

และในใจหลินสวินก็อดทอดถอนใจขึ้นมาไม่ได้ การปล้นสะดมเป็นวิธีรวบรวมทรัพย์สมบัติที่รวดเร็วที่สุดจริงๆ ด้วย ทั้งง่ายดาย ดุดัน ยังต้องเสาะหาศุภโชคและวาสนาอะไรกัน แค่ปล้นศัตรูคู่แค้นตรงๆ ก็ได้แล้ว

“เจ้าเอาไปไม่ได้! หากองค์ชายเจ็ดรู้เข้าต้องเดือดดาลเปิดฉากสังหารเป็นแน่ ถึงตอนนั้นใครก็ไม่อาจแบกรับเพลิงโทสะนี้ไว้ได้!”

ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นต่างกระวนกระวาย

“พูดถึงอูหลิงเฟย พวกเจ้ามีใครบอกข้าได้บ้างว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” หลินสวินเอ่ยถาม

เมื่อประโยคนี้เอ่ยออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เทพมารหลินคนนี้ทำเรื่องหน้าไม่อายไร้จิตสำนึกเช่นนี้ ยังมีหน้ากล้าไปหาองค์ชายเจ็ดอยู่อีกหรือ

ไม่กลัวตายอนาถหรือไร

และเวลานี้เอง ด้านนอกตำหนักก็มีเสียงดังสนั่นปานฟ้าคำรามดังก้องขึ้น

“เทพมารหลิน เจ้าถึงกับกล้าบุกมาอาละวาดถึงถิ่นข้า ช่างไม่รักตัวกลัวตาย!”

ตามหลังเสียงดังสนั่น เงาร่างสีทองอร่ามสี่สายก็พุ่งเข้ามา

คนเผ่าอีกาทองในตำหนักล้วนฮึกเหิมจนน้ำตาจะไหล ตื่นเต้นดีใจไร้ใดเปรียบ

ผู้ที่กลับมาคราวนี้คือบุคคลขอบเขตมกุฎสี่คน หนำซ้ำล้วนเป็นผู้โดดเด่นของเผ่าอีกาทองอีกด้วย พลังต่อสู้กร้าวแกร่งไร้ใดเปรียบ เพียงพอจะสยบยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎได้!

ด้านนอกตำหนัก

ผู้ฝึกปราณที่กำลังชมการต่อสู้พากันตื่นเต้น พวกเขาเป็นพยานเห็นบุคคลขอบเขตมกุฎสี่คนของเผ่าอีกาทองเร่งรุดกลับมา แต่ละคนกร้าวแกร่งกินกันไม่ลง พาให้ผู้คนใจสะท้าน

“บุคคลขอบเขตมกุฎชั้นยอดของเผ่าอีกาทอง ทั้งยังกลับมาพร้อมกันสี่คนอีก เทพมารหลินคนนั้นถึงคราวเคราะห์แล้ว!”

เหล่าผู้ฝึกปราณเขาวิญญาณหมื่นอสูรและสำนักยุทธ์นครนิลต่างพากันลอบถอนหายใจโล่งอก

แต่พร้อมกันนั้นพวกเขาก็รู้สึกผิดหวังน้อยๆ เดิมทีพวกเขายังตั้งใจว่ารอให้หลินสวินปล้นเผ่าอีกาทองแล้ว พวกเขาก็จะใช้วิธีโจรปล้นโจร ปล้นสะดมจากหลินสวินเหมือนกันเสียหน่อย

แต่ตอนนี้ดูท่าจะทำไม่ได้แน่นอนแล้ว

ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ต่างก็จับจ้องอย่างใกล้ชิด ครั้งนี้เทพมารหลินยากจะติดปีกหนีรอดหรือไม่

‘เฮ้อ เขากระทำการตามอำเภอใจเกินไปแล้ว เมื่อครู่ไม่ควรเข้าไปในที่พักของเผ่าอีกาทองเลย คราวนี้ดีนัก ถูกคนขวางเอาไว้ตรงๆ เข้าให้แล้ว…’ หวังตงทอดถอนใจในใจ หวาดหวั่นไม่หาย

เขามีความรู้สึกดีต่อหลินสวิน จึงเศร้าหมองใจเมื่อเขาต้องประสบเคราะห์

แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ภาพที่พาให้ผู้คนปากอ้าตาค้างก็บังเกิดขึ้น

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์