เจ้าคางคกอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ตื่นตระหนกอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
บนเสาทองแดงแดงเพลิงที่ราวกับสูงเทียมฟ้านั่น ภาพวาดที่ปรากฏออกมาเป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์คนหนึ่ง ผมขาวพลิ้วไหว ดวงตาสีทองอร่าม มุมปากแฝงรอยยิ้ม
รอบตัวเขากลืนตะวันคายจันทรา บนฝ่ามือเรียวยาวขาวผ่องปรากฏเหรียญทองแดงสีทองที่ด้านในกลมด้านนอกเหลี่ยม มีปีกงอกออกมาสองข้างเหรียญหนึ่ง
ทอดสายตามองไป ชายที่หล่อเหล่าไร้เทียมทานให้ความรู้สึกน่าทึ่ง
แต่พอสัมผัสอย่างละเอียดแล้วกลับมีความเย่อหยิ่งที่เหยียดหยันฟ้าดินอย่างหนึ่ง ไม่ปกปิดเลยสักนิด สะท้านขวัญไร้เทียมทาน!
“นี่คือบรรพบุรุษของข้า! ไม่ผิดแน่!”
เจ้าคางคกสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ยากจะเชื่อ
ในใจของหลินสวินและอาหลู่เองก็ไม่สามารถสงบได้
นี่คือตำหนักลึกลับแห่งหนึ่งที่อยู่ในแดนมกุฎ คล้ายจะเกี่ยวข้องกับ ‘เซียนผลาญ’ ท่านนี้ แต่รูปบรรพบุรุษของเผ่าคางคกทองสามขากลับปรากฏอยู่ที่นี่ นี่หมายความว่าอะไร
บนผนังห่างไป เงาร่างเย่อหยิ่งกำยำที่หันหลังให้ทุกคนเคยบอกว่า แม่ทัพเทพหนึ่งร้อยแปดคนนี้เคยติดตามเขากรำศึกเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
บรรพบุรุษของเผ่าคางคกทองสามขาก็เป็นหนึ่งในแม่ทัพเทพจากทั้งหนึ่งร้อยแปดคนอย่างไม่ต้องสงสัย!
และพอคาดเดาเช่นนี้ ที่มาของ ‘แม่ทัพเทพ’ คนอื่นๆ ก็ไม่ธรรมดาแน่ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นบรรพบุรุษของทุกเผ่า!
แต่ก็เพราะเช่นนี้ยิ่งขับให้ที่มาของเงาร่างบนผนังซึ่งหันหลังให้ทุกคนไม่ธรรมดา
เขาคือใคร
เขามีอานุภาพเช่นไรกันแน่ จึงสามารถทำให้บรรพบุรุษหนึ่งร้อยแปดคนจากเผ่าที่แตกต่างกันยอมติดตามเขาไปกรำศึก
ยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ!
“เจ้าคางคกยังอึ้งอยู่ทำไม ศุภโชคครั้งนี้มีวาสนากับเจ้า!” อาหลู่ฟาดฝ่ามือใส่ไหล่เจ้าคางคกทีหนึ่ง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอิจฉา
เจ้าคางคกได้สติ กลับดูไม่ตื่นเต้นและดีใจเท่าไหร่อย่างยากจะเห็น แต่พูดพร้อมสีหน้าสับสน “ในความทรงจำของข้า บรรพบุรุษเหมือนปริศนามาโดยตลอด ในประทับสายเลือดของข้าแทบไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเขา ไม่คิดว่าข้ากลับมาเจอเบาะแสที่นี่”
เสียงทุ้มต่ำราวกับดีใจและเสียใจในขณะเดียวกัน
หลินสวินพูด “คราวก่อนตอนที่เจ้าเข้ามาในแดนมกุฎก็ค้นพบที่แห่งนี้แล้ว ตอนนี้มาถึงที่นี่อีกครั้งราวกับถูกกำหนดไว้แล้ว นี่คือวาสนาชะตาลิขิต”
เจ้าคางคกเอ่ยเสียงถอนหายใจ “เฮ้อ วาสนาชะตาลิขิตอะไร ข้าเองก็เพียงแค่พึ่งบารมีบรรพบุรุษ หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นเขาเคยติดตามผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไปออกศึก มีหรือข้าจะมีโอกาสได้รับศุภโชคในวันนี้”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งเหลือบมองหลินสวินและอาหลู่แวบหนึ่งก่อนเอ่ยว่า “พวกเจ้าอย่าได้อิจฉาไป คนอื่นใช้บิดาเข้าสู้ ข้าคงทำได้แค่เอาบรรพบุรุษเข้าสู้ โชคดีที่บรรพบุรุษคนนี้ของข้าก็ถือว่าไม่เลว”
พูดถึงตอนท้าย เจ้าหมอนั่นก็เริ่มได้ใจอีกแล้ว ท่าทางย่ามใจ
อาหลู่กลอกตาใส่ เหยียดหยามเขาอย่างรุนแรง
หลินสวินเองก็ยังรู้สึกอยากฆ่าเจ้าหมอนี่ เมื่อครู่นี้ยังทำท่าถอนหายใจหดหู่ เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นก็เปลี่ยนไปแล้ว น่ารังเกียจจริงๆ!
“คางคกน้อยอย่างเจ้านี่นับว่าน่าสนใจ”
จู่ๆ เสียงที่ราวกับลอยมาจากชั้นเมฆดังขึ้น
เงาร่างดุจภาพมายาพลันปรากฏขึ้นพร้อมเสียงนั้น
เงาร่างของเขาราวกับก่อตัวจากละอองแสงที่ตัดสลับกัน คล้ายภาพในฝัน ท่าทางดูพร่ามัว สามารถดูออกเพียงว่ารูปร่างตรงสง่าผึ่งผาย ประหนึ่งภูเขาที่สันโดษพุ่งทะลวงขึ้นฟ้า
สิ่งเดียวที่สามารถมองเห็นได้ชัดก็คือดวงตาคู่หนึ่ง เมื่อลืมตาราวกับดวงดาวนับพันล้านท่ามกลางความว่างเปล่าโดยรอบดวงดับสูญ เดือดพล่าน แพร่กระจายอยู่ภายใน สะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่ที่จักรวาลผันเปลี่ยน สรรพชีวิตเกิดดับ
เพียงแค่ถูกสายตาของเขากวาดผ่านก็ทำให้จิตวิญญาณของพวกหลินสวินสั่นไหว ขนลุกไปทั้งตัว ราวกับทั้งภายในและนอกร่างกายล้วนถูกมองทะลุ!
แต่ไม่นานอีกฝ่ายก็เก็บสายตา กลางนัยน์ตาปรากฏความนิ่งสงบอย่างที่สุด ไม่มีคลื่นความรู้สึกอีกต่อไป เสมือนบ่อน้ำโบราณที่คล้ายกับสามารถสะท้อนฟ้าได้
ตำหนักเงียบสงบ เงาร่างของพวกหลินสวินต่างแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น รู้สึกถึงความกดดันและตะลึงอย่างที่สุด ต่างไม่กล้าเชื่อ
“นี่เป็นเพียงแค่พลังกฎระเบียบเสี้ยวหนึ่งของข้า พวกเจ้าไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้” เงาที่ราวกับภาพมายาพูดขึ้น
พร้อมกับเสียงนั้น ในชั่วพริบตาบรรยากาศกดดันในตำหนักก็หายไป ในอากาศปรากฏกลิ่นอายที่กลมกลืนและสงบ ทำให้รู้สึกสบายใจโดยไม่รู้ตัว ราวกับอาบอยู่ท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ในใจพวกหลินสวินวูบไหวอีกครั้ง ราวกับขอเพียงแค่เป็นความปรารถนาของเงาร่างมายานี่ สรรพสิ่งท่ามกลางฟ้าดินก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามความรู้สึกของเขา!
นี่ ประหนึ่งนายเหนือหัวแห่งฟ้าดินอย่างแท้จริง!
“มหายุคมาเยือนแล้ว”
แววตาของชายผู้นี้กวาดผ่านคราบเลือดในตำหนัก อดถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่งไม่ได้ เคลื่อนสายตาไปมองเจ้าคางคกแล้วพูดว่า “คราวนั้นตอนที่กลุ่มพวกเราออกจากดินแดนรกร้างโบราณ ข้าเป็นห่วงว่าการไปครั้งนี้จะมีอันตราย เป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน จึงทิ้งมรดกวิชาและศุภโชคไว้ที่นี่เพื่อสืบทอดพลัง แม้พวกข้าเสียชีวิตในต่างแดน การสืบทอดก็จะไม่ขาดหาย”
“บรรพบุรุษของเจ้าเป็นอัจฉริยะ มีจิตใจที่ซื่อตรงต่อข้า เคยพิชิตใต้หล้าเคียงบ่าเคียงไหล่ข้า ในเมื่อเจ้าเป็นคนรุ่นหลังของสหายเก่า ศุภโชคที่นี่ย่อมคืนสู่เจ้า”
เจ้าคางคกชะงัก อดถามไม่ได้ “ผู้อาวุโส บรรพบุรุษของเข้าเขา…”
ชายคนนั้นส่ายหน้า “เจ้าไม่ต้องถาม รอในอนาคตมีโอกาสไปจากดินแดนรกร้างโบราณ เจ้าจะเข้าใจเองว่าตอนนั้นพวกข้าไปไหน”
“ไปเถอะ มหายุคมาเยือนแล้ว โอกาสที่จะกลายเป็นขอบเขตมกุฎระดับราชันก็เริ่มขึ้นแล้ว พวกข้าในตอนนั้นก็ไม่เคยเหยียบย่างสู่ขอบเขตนี้ หวังว่าพวกเจ้า… จะไปได้ไกลกว่าพวกข้า!”
ว่าแล้วเขาก็สะบัดแขนเสื้อ ร่างเงาของเจ้าคางคกถูกพลังไร้รูปสายหนึ่งห่อหุ้ม พุ่งเข้าไปในประตูของผนังบานนั้น หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตั้งแต่ต้นจนจบเจ้าคางคกไม่มีแม้แต่โอกาสจะปฏิเสธ!
เห็นเช่นนี้ในใจหลินสวินและอาหลู่ต่างสั่นสะท้านไม่หยุด แต่ทั้งสองต่างดูออกว่านี่เป็นศุภโชคที่ควรเป็นของเจ้าคางคก คงจะไม่มีอันตราย
“ผู้อาวุโส ท่านคิดว่าความสามารถของข้าเป็นอย่างไร” อาหลู่ถามอย่างหน้าด้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์