เมืองเผาเซียน
ระหว่างที่เรื่องเผ่าอีกาทองถูกเทพมารหลินปล้นยังคงเป็นที่ฮือฮาอยู่ ก็มีข่าวน่าตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แพร่กระจายออกไป
“เทพมารหลินบุกเข้าไปในหุบเขาผลาญสวรรค์เพียงลำพัง กำลังจะถูกบุคคลขอบเขตมกุฎของแต่ละขุมอำนาจใหญ่สังหาร!”
หินก้อนหนึ่งทำให้เกิดคลื่นพันระลอก เดือดพล่านขึ้นมาทั้งเมือง
“ไป ไปดูสักหน่อย!”
“เพิ่งเข้ามาในแดนมกุฎได้ไม่เท่าไหร่ เทพมารหลินก็จะประสบเคราะห์แล้วหรือ”
ไม่นานผู้สืบทอดขุมอำนาจจำนวนหนึ่งต่างเคลื่อนไหว มุ่งหน้าไปที่หุบเขาผลาญสวรรค์หมายจะไปสืบให้ชัด
ตอนที่ไปถึงหุบเขาผลาญสวรรค์ทุกคนกลับพบว่า การดวลครั้งนี้เกิดขึ้นในตำหนักลึกลับแห่งนี้ ไม่สามารถรู้ได้ว่าเทพมารหลินถูกฆ่าไปแล้วหรือยัง
ดังนั้นผู้ฝึกปราณที่ตามมาใหม่จึงจำต้องรออยู่ด้านนอก
“มีบุคคลขอบเขตมกุฎยี่สิบกว่าคน ในนั้นยังมีบุคคลเยี่ยมยอดอย่างอูหลิงเฟยองค์ชายเจ็ดเผ่าอีกาทอง เหลียงเซวี่ยอิ๋นแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูร เทพธิดาหลิงหวาแห่งสำนักยุทธ์นครนิล เทพมารหลินคงไม่สามารถเดินออกมาได้อีกแล้ว”
ตอนที่รู้สถานการณ์ในตำหนัก ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างตกใจ
ผู้แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้รวมตัวกัน อย่าว่าแต่เทพมารหลิน แม้เป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎคนอื่นๆ ก็คงต้านทานไม่อยู่!
“เทพมารหลินนี่ก็ถือว่ากล้าหาญ เพื่อช่วยสหายไม่สนอันตราย หากเป็นสหายกับเขาย่อมเป็นเรื่องที่โชคดีเรื่องหนึ่ง”
มีคนถอนหายใจ เรียกเสียงเห็นด้วยไม่น้อย
รู้ทั้งรู้ว่าเป็นถ้ำเสือก็ยังเสียสละชีวิตมาเพียงเพื่อช่วยสหายที่ตกระกำลำบาก การกระทำเช่นนี้เพียงพอจะทำให้ทุกคนหวั่นไหว
“ไม่ เป็นสหายกับเขาก็เป็นความโชคร้ายอย่างหนึ่งเช่นกัน อย่าลืมว่าศัตรูของเจ้าหมอนี่มีนับไม่ถ้วน ใครกล้าข้องเกี่ยวกับเขาก็ล้วนต้องรับผลลัพธ์ที่พลอยลำบากไปด้วย!”
มีคนหัวเราะเยาะ มองหลินสวินเป็นศัตรู
นี่คือผู้แข็งแกร่งของเผ่าอีกาทอง ต่างขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ก่อนหน้านี้หลินสวินปล้นสะดมที่พักของพวกเขา ทำให้พวกเขาเคียดแค้นจนคลั่ง
“ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องตายแน่!”
พวกหลูชวนแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูร เกาเซวียนแห่งสำนักยุทธ์นครนิลก็มาด้วย ตอนนี้ต่างเฝ้ารอ ย่ามใจอย่างมาก
เทพมารหลินน่ากลัวเกินไป
เขาทำอะไรไม่สนกฎเกณฑ์ พลังต่อสู้พลิกฟ้า ถึงขั้นกล้ามองข้ามกฎระเบียบ ไม่ยึดตามเหตุผลทั่วไป เข่นฆ่าในเมืองโบราณเผาเซียนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน
ถ้าเขามีชีวิตอยู่ หากกำเริบเสิบสานต่อไปเช่นนี้ก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยจริงๆ
เพราะฉะนั้นพวกเขาต่างอยากฆ่าหลินสวินเสียเดี๋ยวนี้!
“หืม! ประตูตำหนักเปิดออก สวรรค์ นั่น… นั่น…”
ทันใดนั้นมีคนร้องด้วยความตกใจ สร้างความฮือฮาในที่นั้น
จากนั้นทุกคนต่างเห็นว่าประตูตำหนักเพลิงเทพนั่นไม่รู้ว่าเปิดออกเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีเงาร่างสองร่างเดินมาจากด้านใน
ร่างหนึ่งสูงใหญ่ราวกับภูเขา หยาบกระด้างและป่าเถื่อน เห็นได้ชัดว่าเป็นอาหลู่!
ก่อนหน้านี้หลายคนต่างเห็นอย่างชัดเจนว่าอาหลู่ถูกจับพร้อมกับเจ้าคางคก ถึงได้ทำให้เทพมารหลินต้องมาช่วย
เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าเขากลับรอดออกมา!
“เทพมารหลิน!?”
แทบจะในเวลาเดียวกันมีคนร้องเสียงหลง ตกใจจนเกือบจะกระโดดขึ้นมา
ข้างๆ อาหลู่มีคนหนุ่มคนหนึ่งในชุดคลุมสีขาวพระจันทร์ เงาร่างสง่างามผมดำพลิ้วไสว เป็นหลินสวินที่คนส่วนใหญ่มั่นใจว่าจะต้องตาย
“นี่เป็นผีหรือ”
มีผู้หญิงหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างมาก
“ไม่มีทาง เป็นไปได้อย่างไร”
กลุ่มผู้สืบทอดเผ่าอีกาทอง เขาวิญญาณหมื่นอสูรและสำนักยุทธ์นครนิลตอนนี้ต่างเหมือนถูกฟ้าผ่า ลูกตาแทบจะหลุดออกมา
เทพมารหลินยังมีชีวิตอยู่ งั้น… คนอื่นๆ ล่ะ
คิดถึงตรงนี้ผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยในที่นั้นต่างใจสั่น และยังมีคนยื่นคอออกมา หมายจะดูสถานการณ์ในตำหนักนั่น
ที่น่าเสียดายคือประตูตำหนักถูกปิดไปอย่างไร้สุ้มเสียงนานแล้ว
“สหายยุทธ์หลิน คนอื่นๆ ล่ะ”
มีคนทำใจกล้าถาม
หลินสวินกวาดสายตามองทั่วทั้งที่นั้นแวบหนึ่งก่อนถึงพูดว่า “กำลังแย่งศุภโชคกันอยู่ ความสามารถของข้าสู้ไม่ได้ ทำได้เพียงถอยออกมาก่อน”
แม้จะพูดเช่นนี้แต่สีหน้ากลับไม่มีความผิดหวังเสียใจเลยสักนิด
นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณหลายคนสงสัย ในการรับรู้ของพวกเขา บุคคลขอบเขตมกุฎทั้งยี่สิบหกอย่างพวกอูหลิงเฟยไม่มีทางปล่อยหลินสวินแน่
“แล้วสหายอีกคนของเจ้าล่ะ” มีคนถามอย่างอ้อมค้อม
“ดวงขึ้น กำลังแย่งชิงศุภโชคอยู่เหมือนกัน” อาหลู่ตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ
นี่ทำให้ยากจะเชื่อเหลือเกิน!
สีหน้าของเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองต่างเปลี่ยนไป ผลลัพธ์เช่นนี้เหนือความคาดหมายของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกตั้งตัวไม่ติด
“พี่ใหญ่ ไม่ได้ครอบครองศุภโชคข้าเสียใจมาก อยากระบายสักหน่อย” อาหลู่พูด สายตาพินิจเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้พวกเขาขวัญหนีดีฝ่อ
“ช่างเถอะ กลางคืนเตรียมของอร่อยให้เจ้าสักหน่อย นี่เป็นเรื่องดีที่เจ้าคางคกไม่อาจได้รับเชียวนะ” หลินสวินส่ายหน้า ในที่นี้มีผู้ฝึกปราณมากมาย ยากมากที่จะแยกแยะว่ามีศัตรูอยู่เท่าไหร่
“ดีเลย” อาหลู่ตาเป็นประกาย
ในขณะที่พูดทั้งสองก็เดินไปนอกหุบเขา
“หยุด!”
หลูชวนแห่งเขาวิญญาณหมื่นอสูรก้าวออกมาพูดเสียงเย็น “ไม่พูดให้รู้เรื่องก็คิดจะไปหรือ”
ในเวลาเดียวกันสีหน้าของเกาเซวียนแห่งสำนักยุทธ์นครนิลก็มองมาอย่างไม่หวังดี
ลางสังหรณ์ของพวกเขาบอกว่านี่ไม่ค่อยปกตินัก
“พูดให้รู้เรื่องหรือ ได้สิ งั้นข้าไปพูดกับพวกเจ้าให้รู้เรื่องที่อาณาเขตของพวกเจ้าในเมืองดีหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์