ตอน ตอนที่ 1150 ใช้ความสามารถแห่งตนเข้าถึงมรรค จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1150 ใช้ความสามารถแห่งตนเข้าถึงมรรค คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
หอมกุฎ
สูงโดดเด่นทะลวงเมฆ ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทุกๆ แดนล้วนมีหอที่คล้ายกันหนึ่งหอ ภายในมีการต่อสู้ทดสอบ
มีเพียงบุคคลขอบเขตมกุฎหนึ่งพันอันดับแรกจึงจะมีคุณสมบัติเข้าไปแสวงศุภโชคและวาสนาในแดนเก้าบน ผ่านทางเดินที่เปิดออกโดยหอแห่งนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า!
นี่ก็หมายความว่าภายในหนึ่งปีนี้ ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ปรารถนาจะเข้าไปในแดนเก้าบน ล้วนต้องเข้ามารับการทดสอบในหอนี้
แน่นอนว่าการเข้าสู่แดนเก้าบนยังมีอีกทางหนึ่ง
นั่นก็คือบรรลุระดับราชันให้ได้ในหนึ่งปีนี้
สามารถมองเห็นผู้ฝึกปราณมากมายกำลังเข้าไปในหอแต่ไกล และมีผู้ฝึกปราณมากมายเดินออกจากหอมกุฎ
“อันดับเกิดการเปลี่ยนแปลงทุกวัน นอกเสียจากสามารถแทรกเข้าไปอยู่หนึ่งร้อยอันดับแรกในรวดเดียว มิฉะนั้นแม้ตอนนี้สามารถแทรกเข้ามาอยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกเบียดลงไปตลอดเวลา”
มีคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์พูดคุยกัน
“พยายามเข้าเถอะ แดนเผาเซียนนี้ศุภโชคมากมาย ขอเพียงแค่คว้าเอาไว้ได้ ทำให้ศักยภาพของตนยกระดับขึ้นอย่างก้าวกระโดดก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้”
“เฮ้อ แต่ยากเกินไป ผู้ฝึกปราณที่เข้ามาในแดนเผาเซียนครั้งนี้มากถึงหลายล้านคน กลับมีเพียงหนึ่งพันคนที่มีสิทธิ์เข้าไปในแดนเก้าบน การแข่งขันนี้โหดร้ายจริงๆ”
“ข้าน่ะไม่หวังแล้ว ขอเพียงแค่สามารถช่วงชิงวาสนาจำนวนหนึ่งได้ ทำให้ข้าบรรลุระดับราชันได้อย่างราบรื่นก็เพียงพอมากแล้ว”
“บรรลุราชันหรือ เหอะๆ ยังไม่ต้องพูดถึงมกุฎราชัน เพียงแค่สามารถก้าวสู่ระดับราชันก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้!”
“ในโลกนี้เต็มไปด้วยระดับกึ่งราชัน แม้พวกเขาจะโดดเด่น แต่ว่ากันถึงแก่นแท้แล้วล้วนเป็นผู้ที่พลาดจากการบรรลุสู่ระดับราชัน! คนที่สามารถเหยียบย่างระดับราชันได้จริงๆ แม้ในบรรดาผู้กล้าพันคนก็ยังไม่มีสักคน!”
“ไม่ นี่คือแดนมกุฎ วาสนาและศุภโชคมากมาย การบรรลุราชันก็ถูกกำหนดให้ง่ายกว่าโลกภายนอก”
ห่างออกไปหลินสวินกับอาหลู่ที่กำลังหอมกุฎ หลังจากได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้จิตใจก็ไม่สั่นคลอน
ถ้าอยากกลายเป็นราชัน พวกเขาสามารถทะลวงระดับได้นานแล้ว
แต่เป้าหมายของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
อยากจะเป็นราชัน และอยากจะบรรลุขอบเขตมกุฎระดับราชัน!
ส่วนเรื่องที่จะแทรกตัวเข้าไปในหนึ่งพันอันดับแรก หลินสวินกับอาหลู่มั่นใจว่าจะทำได้
“พี่ใหญ่ ตอนนี้ไปเล่นกันหน่อยมั้ย” อาหลู่ยิ้มพูด
“ไว้ก่อนเถอะ”
หลินสวินตัดสินใจหาที่พักผ่อนก่อนจะได้จัดการมรรคาในตัวด้วย เพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้างเมล็ดพันธุ์มรรคของตน!
ได้ฟังคำพูดของเซียนผลาญเฉินหลินคงทำให้หลินสวินตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงว่า มรรคาของตนทำได้เพียงแค่แสวงหาด้วยตัวเอง
พูดง่ายๆ ก็คือคำว่า ‘อย่าคิดหาจากภายนอก!’
สำหรับหอมกุฎ ภายในหนึ่งปียังมีโอกาสเข้าไปทะลวงอีกมาก
กลับเป็นเจดีย์มกุฎนั่นที่ทำให้หลินสวินสนใจไม่น้อย
ขอเพียงแค่ได้รับการยอมรับจากเจดีย์นี้ ก็สามารถเข้าไปแสวงหาศุภโชคในแดนอื่นของสามพันแดนได้
นี่ก็เท่ากับการจัดแจงเส้นทางหนึ่ง ทำให้ระหว่างผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ในสามพันแดนสามารถลงมือข้ามพื้นที่ได้
‘ก็ไม่รู้ว่าแม่นางจิ่งเซวียนอยู่ในแดนไหน…’
จู่ๆ หลินสวินก็นึกถึงจ้าวจิ่งเซวียน จากนั้นพลันส่ายหน้าจากไปพร้อมอาหลู่
……
มุมอันห่างไกลเปล่าเปลี่ยวในเมืองเผาเซียน
หลินสวินเปลี่ยนรูปลักษณ์ จ่ายโอสถราชันไปต้นหนึ่งเพื่อซื้อบ้านหลังหนึ่งจากมือผู้ฝึกปราณ
จากเรื่องนี้ก็สามารถดูออกว่ามูลค่าของเมืองโบราณเผาเซียนแพงแค่ไหน!
แน่นอนว่าก็มีเพียงแค่หลินสวินที่ยอมควักโอสถราชันต้นหนึ่งแลกกับบ้านหนึ่งหลัง ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ คงยอมตายในเมืองแต่ไม่ยอมเสียโอสถราชันต้นหนึ่งกับเรื่องแบบนี้
แต่พักอยู่ในเมืองก็มีข้อดี อย่างเช่นการสืบข่าว หรือซื้อโอสถวิญญาณและวัตถุดิบเทพในมือผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ เป็นต้น
ถึงขั้นที่ในระหว่างฝึกปราณ ก็สามารถดูดซับไอวิญญาณที่บริสุทธิ์และหนาแน่นกว่า
เพราะทั้งเมืองโบราณราวกับกระบวนรอยสลักวิญญาณรวมที่ใหญ่โตอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำให้ไอวิญญาณทั่วทุกทิศต่างมารวมตัวกัน!
เรียกได้ว่าการฝึกปราณในเมืองก็ไม่ต่างกับการฝึกปราณที่ถ้ำสวรรค์แดนมงคล ถึงขั้นที่ผลลัพธ์ดีกว่าด้วยซ้ำ
ที่หลินสวินเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ก็เพราะไม่อยากถูกรบกวน
ตอนนี้เขากำลังมีชื่อเสียง หากเปิดเผยฐานะจะต้องดึงดูดเรื่องเป็นเรื่องมากมายแน่นอน และอาจจะนำพาความเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง
บ้านหลังนี้เก่าคร่ำคร่า พื้นที่ไม่ใหญ่ แต่ได้เปรียบที่ความเงียบสงบ
หลังจากหลินสวินวางกระบวนค่ายกลจตุลักษณ์ราชันไว้หลังบ้านจึงรู้สึกผ่อนคลายลงมาก เช่นนี้แม้มีศัตรูภายนอกบุกรุกเข้ามา อย่างน้อยก็มีพลังป้องกันระดับหนึ่ง
“พี่ใหญ่ ข้าอยากไปสืบข่าวเกี่ยวกับแดนโบราณหมื่นคชาสักหน่อย”
ทันทีที่จัดแจงทุกอย่างลงตัวอาหลู่ก็รีบพูดขึ้น
จากการชี้แนะของเซียนผลาญเฉินหลินคง ศุภโชคของอาหลู่มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกี่ยวข้องกับแดนโบราณหมื่นคชา
“อยากให้ข้าไปกับเจ้าหรือไม่”
หลินสวินพูด
“ไม่ต้อง แค่สืบข่าวเท่านั้น ข้าคนเดียวก็พอ”
อาหลู่พูดและออกไปอย่างเร่งรีบในวันนั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังคือ ในเมืองโบราณเผาเซียนที่กว้างใหญ่ไพศาล กลับไม่มีผู้ฝึกปราณคนไหนเคยได้ยินชื่อ ‘แดนโบราณหมื่นคชา’
สุดท้ายเขาตัดสินใจพึ่งเจดีย์มกุฎ มุ่งหน้าไปสืบในแดนอื่นๆ ของสามพันแดน ดูว่าสามารถสืบเบาะแสของแดนโบราณหมื่นคชาได้หรือไม่
เดิมหลินสวินตัดสินใจจะไปกับเขา แต่อาหลู่กลับปฏิเสธ
จากที่เขาบอกนี่คือมรรคาของเขา ต้องไปแสวงหาด้วยตัวเอง หากต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง
การฝึกปราณก็เช่นกัน
ยิ่งยืนอยู่สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใจว่ามรรคาที่ตนเดินก่อนหน้านี้เป็นทางที่ขดเขี้ยว หรือเป็นทางตรงที่เปิดสว่าง
สิ่งที่เมื่อก่อนคิดว่าถูก ก็ใช่ว่าจะถูกจริงๆ
สิ่งที่เมื่อก่อนคิดว่าผิด บางทีอาจจะซ่อนความเร้นลับที่เป็นเบาะแสของอะไรบางอย่าง
การฝึกปราณตลอดทางนี้ ก็เหมือนเดินอยู่ระหว่างภูเขาและแม่น้ำ
เมื่อก่อนเห็นภูเขาเป็นภูเขา เห็นน้ำเป็นน้ำ
จากนั้นเห็นภูเขาไม่ใช่ภูเขา เห็นน้ำก็ไม่ใช่น้ำ
สุดท้ายจึงเข้าใจว่า ภูเขาก็ยังคงเป็นภูเขาลูกเดิม น้ำก็ยังคงเป็นน้ำสายเดิม
เพียงแต่ถึงตอนนั้นแก่นอัศจรรย์ในจิตใจและสิ่งที่หยั่งรู้ได้ ได้แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแล้ว!
หลินสวินในตอนนี้กำลังพิสูจน์มรรคาในอดีตของตน เปรียบเทียบและอ้างอิง ใช้มันเป็นตัวนำเพื่อแสวงหาและสำรวจมกุฎมรรคาของตน!
เวลาสามเดือนทำให้เขาเข้าใจอะไรได้มากมาย ผลเก็บเกี่ยวไม่น้อย
รายละเอียดที่ไม่เคยสังเกตเห็นในการฝึกปราณที่ผ่านมา ล้วนทำให้เขามีการรับรู้และสัมผัสในรูปแบบใหม่ จากนั้นดำเนินการสรุปและยืนยัน อนุมานอ้างอิง ตรวจสอบข้อบกพร่องและชดเชยสิ่งที่ขาดตก แสวงหาความสมบูรณ์แบบขั้นสุด
‘มรรคของข้า หากหมายจะแตกต่างจากที่ผ่านมา แตกต่างจากโลก มีเพียงเสาะหาด้วยตัวเอง พึ่งพาตนเองเท่านั้น คนอื่น… ไม่สามารถชี้แนะข้าได้อย่างแท้จริง!’
การปิดด่านฝึกตนและทำความเข้าใจตลอดสามเดือน ทำให้จิตมรรคของหลินสวินยิ่งบริสุทธิ์และมั่นคง
บางทีแดนมกุฎแห่งนี้ที่มีวาสนานับไม่ถ้วนศุภโชคไม่มีที่สิ้นสุด แต่สำหรับเขาแล้ว หากต้องการแสวงหามกุฎมรรคาที่แตกต่างจากโลก จุดสำคัญยังคงเป็นการพึ่งตัวเอง
การชี้แนะของคนอื่นกับคัมภีร์ตำราที่ตนครอบครอง เป็นได้เพียงแค่ข้ออ้างอิงและการสะท้อนอย่างหนึ่ง มรรคาของตนจะต้องเดินด้วยตัวเองเพื่อพิสูจน์และเข้าถึง
นี่ก็คือการเข้าถึงมรรค
ใช้ตนเองเข้าถึงมรรค!
อย่างเช่นเจ้าคางคก มรรคาของเขามีวาสนากับเซียนผลาญเฉินหลินคง เป็นมรรคาสายหนึ่งเช่นกัน และมีความหวังที่จะก้าวขึ้นสู่ระดับมกุฎราชัน
แต่นี่ไม่เหมาะกับหลินสวินแน่นอน
ไม่ถึงขั้นแยกได้ว่าดีหรือไม่ดี เพียงแต่มรรคาที่เสาะหาแตกต่างกันก็เท่านั้น
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน
‘ควรออกไปเดินเล่นสักหน่อยแล้ว’
วันนี้หลินสวินที่ฝึกตนอยู่ลืมตาขึ้นแล้ว หยัดกายลุกขึ้น เงาร่างว่างเปล่าไร้โลกีย์
ปิดด่านฝึกตนถึงตอนนี้ราวกับจันทร์เพ็ญทะเลมรกตแล้ว แม้ปิดด่านต่อไปก็ไร้ประโยชน์
สิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ ก็คือไปแสวงหาและสำรวจหนทางที่จะควบรวมเมล็ดพันธุ์มรรคของตน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าถึงขอบเขตมกุฎระดับราชัน!
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์