หากอยากโต้กลับ จะต้องฟื้นฟูแผลมรรคของตนให้หายดีอย่างถึงที่สุด ก่อนที่กระบวนค่ายกลจตุลักษณ์ราชันจะแตก
มิฉะนั้นคงต้องตายสถานเดียว!
หลินสวินไม่มัวพะว้าพะวังในเรื่องนี้ ยิ่งไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่ตนจะถูกสังหารอีกด้วย
ทำการใหญ่จิตใจต้องนิ่ง หลายปีมานี้เขาได้พานพบกับความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน อันตรายที่อยู่เบื้องหน้านี้ย่อมไม่มีทางจัดการเขาได้สำเร็จ
แผลมรรค ก็ไม่ต่างจากรอยแตกร้าวที่ปรากฏอยู่บนเครื่องกระเบื้องเคลือบงามวิจิตร
หากหมายจะฟื้นฟูแผลมรรคก็ไม่ใช่เรื่องยากประการใด
ทว่าหากต้องการฟื้นฟูแผลให้สมบูรณ์ดีดังเดิมถือว่าเป็นเรื่องยากเอาการ!
ช่วงก่อนหน้านี้หลินสวินได้เข้าสู่สภาวะ ‘ว่างเปล่าไร้ตัวตน’ จนสามารถค้นหามรรคาอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนผู้ใดของตัวเองได้
เดิมทีก็ขาดเพียงโอกาสจุดเปลี่ยนในการควบรวมเมล็ดพันธุ์มรรค ก็จะสามารถลองทะลวงขอบเขตมกุฎระดับราชันได้
มาบัดนี้ ด้วยแผลมรรคที่ปรากฏขึ้นกลับทำให้แผนการของเขาเกิดความเสียหาย!
ตัวเขาเองย่อมรู้ดีว่าต่อให้ฟื้นฟู มรรควิถีของตนก็จะเหลือภัยแฝงเร้นไว้เสี้ยวหนึ่ง ภายภาคหน้าเมื่อควบรวมเมล็ดพันธุ์มรรคอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
นี่ก็คือรอยแผลที่เมี่ยวเฉินฝากไว้แก่เขา แค่ปราณกระบี่ที่เฉือนเพียงเล็กน้อยแต่แฝงเร้นพลังมรรคราชันเอาไว้ ก็เกิดเป็นบาดแผลที่สุดแสนสาหัสกับหลินสวิน!
นี่จะไม่ให้หลินสวินแค้นนางได้อย่างไร
‘ไม่ทำลายและไม่กำเนิด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้สร้างมรรควิถีใหม่ขึ้นอีกหน!’
หลินสวินตริตรองและตัดสินเงียบๆ
ไม่มีเวลามาลังเลอีกต่อไปแล้ว ด้านนอกกระบวนค่ายกลจตุลักษณ์ราชันกำลังถูกโจมตีอยู่ทุกขณะ
ช่วงเวลานี้ล้ำค่าอย่างยิ่ง!
‘ปีนั้นข้าเคยสร้างมรรควิถีใหม่ขึ้นที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในแดนลับอสูรมารอริยะ หลังจากนั้นยามทะลวงระดับกระบวนแปรจุติก็ได้สร้างมรรควิถีใหม่อีกหนหนึ่ง…’
‘ครั้งนี้ข้าอุดรอยรั่วในมรรควิถีทั้งหมดของตนแล้ว เสาะแสวงหาจนค้นพบมรรคาที่จะก้าวเดิน ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ล้วนต้องสร้างมรรควิถีใหม่!’
จิตใจของหลินสวินนั้นว่างเปล่า ละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านในสมองได้อย่างสิ้นเชิง เริ่มดำเนินการแล้ว
รอยแตกร้าวของเครื่องกระเบื้องเคลือบ ย่อมไร้หนทางซ่อมแซมให้เป็นดังเดิม เช่นนั้นก็ทุบมันให้แตก อาศัยฝีมือและสัมผัสรับรู้ที่ตนครอบครองมาสร้างเครื่องกระเบื้องเคลือบใบใหม่ที่สมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม!
ปัง!
ถัดมาพลังขับเคลื่อนรอบกายหลินสวินก็ปะทุออกมาประหนึ่งลูกโป่งระเบิดก็ไม่ปาน กลิ่นอายรอบกายอ่อนกำลังลงถึงขีดสุดในชั่วพริบตา เนื้อหนังมังสาทั่วเรือนกายไปจนถึงเส้นผมต่างสีซีดอับแสงลง
ราวกับว่าเพียงครู่เดียวก็แก่ตัวลงไปมากโข
นี่ก็คือการทำลายมรรคาของตน!
“หืม”
เสี่ยวอิ๋นที่อยู่ห่างออกไปประหลาดใจ ขณะที่มองเห็นภาพเหตุการณ์นั้น สีหน้าของเขาก็อดถอดสีไม่ได้ “นายท่านธาตุไฟเข้าแทรกแล้วหรือ”
เขากระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก ทว่ากลับไม่กล้าเข้าไปขัดขวางแต่อย่างใดด้วยกลัวจะเป็นการรบกวนอีกฝ่าย ทำให้เขาร่วงหล่นสู่แดนดินที่ไม่อาจหวนคืน
นี่คือด่านเคราะห์ของการบำเพ็ญเพียร ต้องพิชิตด้วยตนเอง!
เพียงแต่เสี่ยวอิ๋นไม่รู้เลยว่าหลินสวินกำลังลงมือทำลายมรรควิถี หมายจะสร้างขึ้นมาใหม่
…
ภายนอกกระบวนค่ายกลจตุลักษณ์ราชันเกิดเสียงดังครั่นครืนอยู่เนืองๆ แสงศักดิ์สิทธิ์ยิงพุ่งดุระเบิดปะทุ
ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่ทั้งหลายต่างก็สลับผลัดเปลี่ยนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า จู่โจมค่ายกลใหญ่อย่างไม่หยุดยั้ง หวังให้ค่ายกลนี้สูญเสียพลังจนหมดไป
สาเหตุนั้นง่ายดายมาก การโคจรของกระบวนค่ายกลนั้นจำเป็นต้องมีพลังเกื้อหนุน เมื่อไร้พลังเติมเต็มเพียงพอ พลานุภาพของกระบวนค่ายกลก็ย่อมอ่อนกำลังลงไปด้วย
ในขณะเดียวกันเหล่านักสลักวิญญาณรวมตัวอยู่ด้วยกัน เรียกสมบัติลับสลักวิญญาณ อาทิ จานกระบวนวิญญาณ กระดองเต่า กรงจักรดาราเป็นต้น ทำการอนุมานหาความลี้ลับของกระบวนค่ายกลจตุลักษณ์ราชัน หมายทำลายค่ายกลให้แตก!
ไกลออกไปยังมีผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจอีกมากมายต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
เพียงแต่สีหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความร้อนรนกระสับกระส่ายอยู่รำไร
นับตั้งแต่เริ่มจู่โจมกระบวนค่ายกลเป็นต้นมา เวลาได้ล่วงเลยไปหนึ่งวันเต็มๆ แล้ว กระนั้นก็เกิดผลเพียงเล็กน้อยไม่อาจฝ่าเข้าไปได้ นี่จะไม่ให้พวกเขาร้อนใจได้อย่างไร
เวลายิ่งผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ความเป็นไปได้ที่เทพมารหลินจะฟื้นฟูแผลมรรคก็ยิ่งมีมากเท่านั้น!
“เจ้าพวกเศษสวะ!”
เสียงตวาดกู่ก้องมาจากนอกเมืองโบราณเผาเซียน แน่นอนว่าเป็นเหล่าผู้แข็งแกร่งระดับราชันที่ไม่อาจเข้าเมืองได้ ในเวลานี้ต่างหงุดหงิดจนต้องระบายความอัดอั้นออกมา
เบื้องหน้ากระบวนค่ายกล ผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจทั้งหลายต่างมีสีหน้าซีดเซียวหม่นแสง รู้สึกยากจะทำใจยอมรับได้
คนบาดเจ็บปางตายอยู่เบื้องหน้าพวกเขาแท้ๆ ทว่ากลับมีค่ายกลมาขวางกั้นถึงได้ไร้หนทางปลิดชีพเขา
ช่างเป็นรสชาติที่ทุกข์ทรมานผู้อื่นดีเสียจริง!
ไกลออกไปผู้ฝึกปราณทั้งหลายต่างตั้งตาเฝ้าชม
มีทั้งผู้ฝึกปราณอิสระ และผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจเล็กๆ ล้วนแต่คาดหวังอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจให้เทพมารหลินสามารถพ้นเคราะห์ และสำแดงอานุภาพยิ่งใหญ่
เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่ามานี้เหล่าขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ทำการควบคุมเมืองโบราณเผาเซียนเอาไว้ ขอเพียงแค่เข้าเมืองก็จำต้องจ่ายค่าผ่านทางให้พวกเขา นี่สร้างความขุ่นข้องหมองใจแก่บรรดาผู้ฝึกปราณทั้งหลาย
หากเทพมารหลินรอดไปได้ จะต้องชำระแค้นกวาดล้างทุกหย่อมหญ้า เมื่อถึงเวลานั้นบรรดาขุมอำนาจใหญ่ทั้งหลายก็จะต้องประสบหายนะ!
ฉะนั้น พวกเขาถึงคาดหวังให้หลินสวินมีชีวิตรอด!
นอกจากผู้ฝึกปราณเหล่านี้ ยังมีผู้แข็งแกร่งจากขุมอำนาจใหญ่บางส่วนเฝ้าชมเช่นกัน ไม่ได้มีส่วนร่วมลงมือจัดการหลินสวิน
ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เพราะแรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้มีความแค้นเคืองอันใด เหตุใดต้องซ้ำเติมด้วยเล่า
หากเทพมารหลินมีชีวิตรอด บางทีอาจคุกคามมาถึงพวกเขา แต่การต่อสู้แย่งชิงก็ล้วนเป็นเช่นนี้ทุกที่ เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่หวาดเกรง
หากเทพมารหลินสิ้นล่ะ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา อีกทั้งไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการเคลื่อนไหวในภายหน้าของพวกเขา
ส่วนเรื่องการยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขา…
นี่ย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นนอน!
หากช่วยเขาก็เท่ากับตั้งตัวเป็นอริกับบรรดาขุมอำนาจใหญ่พวกนั้น จะถูกดึงให้ต้องลำบากอย่างยิ่งไปด้วย มีแต่พวกโง่งมเท่านั้นที่ทำเรื่องได้ไม่คุ้มเสียเช่นนี้
สรุปแล้วเมืองโบราณเผาเซียนในเวลานี้ จากสถานการณ์ของหลินสวินเพียงผู้เดียวกลับมัดใจผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วน หากกล่าวว่าผู้คนทั้งเมืองต่างจับจ้องก็คงไม่เกินจริง
บ้างก็คาดหวังให้เขารอดชีวิต บ้างก็อยากให้เขาตายโดยไว อีกทั้งบ้างก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวชมพอให้ครื้นเครง
ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์