ตอน ตอนที่ 1165 บันไดสวรรค์มหามรรค จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1165 บันไดสวรรค์มหามรรค คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บันไดสวรรค์ทอดยาวลงมาจากขอบฟ้า ไม่อาจคาดเดาความสูงได้
ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล ฟ้าดินเงียบเชียบ
หลินสวินกวาดสายตาไปทั่ว นอกจากตนเองก็ไม่มีผู้ใดอีก
นี่คือภายในหอมกุฎ กล่าวอย่างเคร่งครัดหน่อยก็คือเป็นแดนลี้ลับพิสดารแห่งหนึ่ง
ภายในแดนลี้ลับมีเพียงบันไดสวรรค์
มหามรรคประหนึ่งฟ้า บันไดสวรรค์คือทางข้าม!
ก่อนเข้ามาหลินสวินทำความเข้าใจมาแล้วว่า การทดสอบของหอมกุฎนั้นง่ายดายมาก คือการปีนขึ้นบันไดโดยอาศัยมรรควิถีของตัวเอง ท้ายที่สุดดูว่าสามารถปีนไปถึงตำแหน่งไหนของบันไดสวรรค์มหามรรค
มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่อยู่หนึ่งพันขั้นแรก ที่เมื่อทางผ่านไปยังแดนเก้าบนปรากฏออกมาจึงจะเข้าไปในนั้นได้อย่างราบรื่น
ทว่าบันไดสวรรค์มหามรรคนี้ไม่ได้มีแค่หนึ่งพันขั้นเท่านั้น!
ครืน!
หลินสวินก้าวเท้าเหยียบลงบนขั้นที่หนึ่ง ชั่วพริบตาแรงกดดันมหามรรคก็ปรากฏ ทำให้ร่างของเขาชะงักไปเล็กน้อย
หลังจากนั้นสีหน้าเขายังคงไม่แปรเปลี่ยน ก้าวไปขั้นถัดไป
ก้าวย่างมั่นคง ราวกับเยื้องกรายบนทางเรียบ ดุจเดินเล่นผ่อนคลายในสวน
ทุกขั้นบันไดพลังมหามรรคที่แผ่ออกมาล้วนแตกต่างกัน ยิ่งสูงขึ้นก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
เพียงแต่ทั้งหมดนี้ไม่สามารถทำอะไรหลินสวินได้
หลินสวินก้าวไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่วายหวนนึกถึงยามอยู่ในโลกชั้นล่าง ในสำนักศึกษามฤคมรกตมีเขาบันไดเช่นนี้ลูกหนึ่ง ภายในนั้นประทับร่องรอยมหามรรคที่แตกต่างกัน
ตอนนั้นขณะที่เขาปีนบันได เคยแข่งขันประลองฝีมือกับกู้อวิ๋นถิงอยู่กลายๆ
กู้อวิ๋นถิงในเวลานั้นโดดเด่นเจิดจ้า ถูกมองว่าเป็นคนรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของสำนักศึกษามฤคมรกต ไม่นานนักก็เดินทางออกจากโลกชั้นล่าง เข้ามาฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณ
ทว่าตอนนี้วันเวลาผันผ่าน ทุกสิ่งไม่เหมือนดังเดิมแล้ว
ในดินแดนรกร้างโบราณคนโดดเด่นนับไม่ถ้วน ผู้กล้ามากมาย กู้อวิ๋นถิงในเวลานั้นไม่อาจกล่าวได้ว่ากลืนหายไปในฝูงชน แต่เมื่อเทียบกับตัวเขาขณะอยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกตแล้ว เห็นได้ชัดว่าหม่นแสงลงมาก
แท้จริงแล้ว นี่ก็คือการต่อสู้มหามรรครูปแบบหนึ่ง
บนเส้นทางแสวงหามรรคา บางคนดั่งดาวหางที่พุ่งทะยาน และมีบางคนที่เหมือนดาวหางที่อับแสงร่วงหล่น หากหมายอยู่ค้างฟ้าไปตลอด ย่อมไม่ต่างอะไรจากการทวนกระแสน้ำ ยากเย็นยิ่งนัก!
เพราะบนโลกนี้แต่ไหนแต่ไรล้วนไม่เคยขาดนักสู้ ไม่เคยขาดคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเจ้า!
‘ก็ไม่รู้ว่าพวกสืออวี่ หนิงเหมิง เย่เสี่ยวชีตอนนี้อยู่ที่ไหน…’
‘แล้วยังหลิ่วชิงเยียน การแสวงหามรรคแห่งศาสตร์ดนตรีของนางก้าวไปถึงขั้นไหนแล้ว’
สีหน้าหลินสวินเลื่อนลอย หวนนึกถึงคนรู้จักและประสบการณ์ที่ผ่านมาในวัยเยาว์ ถึงกับรู้สึกเหมือนอยู่โลกอีกใบ
หืม
ทันใดนั้นแสงประกายสายหนึ่งปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของหลินสวิน ทำให้เขาได้สติตื่นจากภวังค์ความคิด
เมื่อมองไปก็เห็นว่าด้านหนึ่งของบันไดหินที่กำลังจะก้าวไป ปรากฏเปลวเพลิงเป็นลูกๆ มีทั้งสีขาวเงิน สีครามม่วง สีเหลืองทอง สีแดงเพลิง สีฟ้าอ่อน…
ลูกเปลวไฟทุกลูกสอดรับกับบันไดหินแต่ละขั้น ลอยอยู่กลางอากาศ ทอประกายแสงและอานุภาพที่แตกต่างกันออกไป
นี่คือ ‘เพลิงมรรค’!
ดังคำกล่าวที่ว่าเพลิงมรรคไม่ดับมอด มรรคาไม่หยุดยั้ง
พูดง่ายๆ ได้ว่า เพลิงมรรค ก็คือรอยประทับของการต่อสู้ที่ผู้ฝึกปราณทิ้งไว้บนบันไดสวรรค์มหามรรคแห่งนี้ ในนั้นแฝงด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้!
มีเพียงผู้แข็งแกร่งหนึ่งพันคนแรก ถึงมีสิทธิ์ประทับเพลิงมรรคของตนบนบันไดพันขั้นนี้
แน่นอนว่าเมื่อถูกโจมตีจนพ่าย เพลิงมรรคก็จะถูกกำจัดออกไป และมีผู้อื่นเข้ามาแทนที่
หลินสวินสีหน้าท่าทางขึงขังขึ้นมา
เขารู้ว่าการทดสอบของจริงมาถึงแล้ว
…
เพลิงมรรคลูกแรกมีสีเขียวอ่อน ตั้งอยู่ด้านข้างของบันไดขั้นที่หนึ่งพันนับจากด้านบน
วู้ม!
เมื่อหลินสวินเหยียบบันไดหินขั้นนี้ เบื้องหน้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปรากฏฟ้าดินที่กว้างขวางว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
พร้อมกันนั้นเพลิงมรรคสีเขียวอ่อนลูกนั้นก็กลายร่างเป็นผู้หญิงรูปร่างอรชรคนหนึ่ง กลิ่นอายเยียบเย็น ทั่วร่างเต็มไปด้วยบรรยากาศคร่ำเคร่งช่ำชอง
ฉึบ!
ทันทีที่ผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวก็พุ่งเข้ามา เงาร่างดุจรุ้งเทพสีเขียวสายหนึ่ง เจิดจรัสพร่าตา
นางสะบัดข้อมือขาว เถาวัลย์สีเขียวหยกเส้นหนามากมายทะลวงอากาศ มีมากเรือนพันเรือนหมื่น โบกสะบัดอย่างดุเดือดกลางฟ้าดิน ตัดสลับไปมา ปิดล้อมหลินสวินเอาไว้ กลายเป็นกรงขังแห่งหนึ่ง
ครึ่ก!
จากนั้นบนเถาวัลย์แต่ละเส้นก็ผลิหน่อแตกกิ่งอย่างบ้าคลั่ง ดอกไม้ประหลาดแต่ละดอกผลิช่อรับลม ส่องแสงวับวาวน่าสะพรึงกลัว หมายให้หลินสวินขาดใจตาย
“แก่นมรรคธาตุไม้ กำเนิดไม่สิ้น… นับว่ายอดเยี่ยมไร้เทียมทาน”
นัยน์ตาหลินสวินสงบนิ่ง แต่รอบตัวเขาโคจรอานุภาพไร้รูปสายหนึ่ง
ตูม!
ดอกไม้ประหลาดที่อยู่ใกล้เพียงคืบล้วนแหลกเป็นผุยผง กิ่งก้านเขียวชอุ่มระเบิดออก เถาวัลย์เส้นหนาราวกับร่างงูแตกกระจายเป็นชิ้นๆ เส้นแล้วเส้นเล่า…
จากนั้นกรงขังพลันหายวับไป
และในเวลานี้ ผู้หญิงคนนั้นก็พุ่งเข้ามา
เพียงแต่ขณะที่นางกำลังเตรียมโจมตีรอบที่สอง บนร่างหลินสวินปลดปล่อยอานุภาพและกวาดออกไปเบาๆ ร่างของนางพลันสลายในทันที
ฉึบ!
เวลาต่อมาหลินสวินกลับมายังบันไดสวรรค์อีกครั้ง
เพียงแต่ด้านข้างบันไดหินที่เขายืนอยู่นั้น เพลิงมรรคสีเขียวอ่อนลูกนั้นเลือนหายไปแล้ว
หลินสวินไม่มั่วรีรอ ก้าวขึ้นบันไดหินขั้นที่เก้าร้อยเก้าสิบเก้า
นี่คือเพลิงมรรคสีเงินยวง แปลงเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าโบราณแสงทมิฬคนหนึ่ง แข็งแกร่งองอาจยิ่ง
ทว่าสำหรับหลินสวินแล้วก็ยังไม่มีค่ามากพอให้ใส่ใจ
ชั่วพริบตาเดียวผลแพ้ชนะปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มผู้นั้นพลันสะดุ้ง ร้องเสียงหลงโดยพลัน “อะไรนะ ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”
ภายในเมืองโบราณเผาเซียน มีคนชื่อหลินสวินเพียงผู้เดียวเท่านั้น เขายังมีฉายาที่คุ้นหูมากยิ่งกว่าคือ…
เทพมารหลิน!
มีหรือชายหนุ่มจะไม่เคยได้ยิน
“มิน่าถึงได้วิปริตปานนี้ ที่แท้ก็เป็นเจ้าหมอนี่…”
เดิมทีในใจของชายหนุ่มยังรู้สึกไม่ยอมอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับยอมรับอย่างหมดใจ การเปรียบเทียบกับเทพมารหลิน ย่อมเป็นการหาเรื่องใส่ตัว!
หนึ่งก้านธูปให้หลัง
หลินสวินมาถึงหน้าบันไดขั้นที่หนึ่งร้อยแล้ว!
ระดับความเร็วเช่นนี้ทำลายการทะลวงด่านของผู้ฝึกปราณคนใดๆ ที่เคยทำไว้ก่อนหน้าจนหมดสิ้น เรียกได้ว่าอานุภาพดั่งผ่าลำไผ่ รวดเร็วทะลุฟ้า
อีกทั้งตลอดเส้นทาง หลินสวินยังได้พบผู้ฝึกปราณบางส่วนที่กระจัดกระจายกันอยู่ ทำให้เกิดเสียงตื่นตระหนกตลอดทาง
ช่วยไม่ได้ ความเร็วในการมุ่งหน้าของหลินสวินรวดเร็วมากเกินไปจริงๆ!
เป็นอานุภาพที่แห่งการบดขยี้โดยแท้!
และผู้ฝึกปราณบนเส้นทางนี้ มีใครที่เคยพบเห็นคนพรรค์นี้ตัวเป็นๆ บ้าง
ทว่าเมื่อมาถึงบันไดขั้นที่หนึ่งร้อย หลินสวินเริ่มสัมผัสได้ถึงแรงกดดันแล้ว
ซ้ำเขายังตระหนักได้ว่า นับจากจุดนี้เป็นต้นไป คู่ต่อสู้ที่ต้องพานพบ ย่อมเป็นผู้แข็งแกร่งระดับ ‘บรรลุสูงสุด’ บนมกุฎมรรคา!
แต่ก็ยังคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงของหลินสวิน
เขาไม่เคยแม้แต่จะหยุดพักฟื้นฟูกำลัง ก้าวขึ้นไปเบื้องหน้าต่อ
สิ่งที่ทำให้หลินสวินรู้สึกยินดีในใจก็คือ นับจากจุดนี้ไปทุกครั้งที่หลินสวินสามารถโค่นคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ ก็จะทำให้เขาได้พบเจอมกุฎมรรคาที่แตกต่างกันออกไป
บางคนใช้กระบี่เข้าสู่มรรค จนถึงระดับมกุฎสุดยอด การสังหารเฉียบขาด เจตกระบี่สะท้านฟ้า
บางคนอนุมานพลังมหามรรคบางอย่างที่ตนครอบครองจนถึงขั้นสุดยอด เมื่อสำแดงออกมาไปรากฏลักษณ์ประหลาด แข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัว
และมีบางคนเดินบนเส้นทางสายฝึกจิตวิญญาณ ครอบครองวิชาการโจมตีด้วยจิตวิญญาณที่พบเห็นได้ยากบนโลก เมื่อต่อสู้ล้วนทำให้คนยากจะป้องกัน
ถึงขั้นที่ยังมีผู้หลอมกายเช่นเดียวกับอาหลู่ ร่างกายทั้งร่างเคี่ยวกรำจนถึงขอบเขตมกุฎ จนแทบกล่าวได้ว่าเป็นอมตะก็ไม่ปาน อานุภาพแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
การประมือกับบุคคลขอบเขตมกุฎเหล่านี้ ทำให้หลินสวินได้เปิดโลกกว้าง อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบมรรคและวิชาของตนจากการต่อสู้ ได้รับประโยชน์มากมาย
หลินสวินต่อสู้ไปเช่นนี้ ไม่ทันรู้ตัวก็มาถึงบันไดขั้นที่หกสิบหกแล้ว
เพียงแต่ขณะที่เขาเพิ่งเตรียมตัวก้าวขึ้นไป เพลิงมรรคที่อยู่เบื้องหน้าก็เคลื่อนตัวถอยร่นลงไปอยู่อีกตำแหน่ง
ชั่วพริบตาเพลิงมรรคลำดับที่หกสิบห้า เข้ามาแทนที่เพลิงมรรคลำดับที่หกสิบหกที่พ่ายแพ้ให้แก่เขาตั้งแต่แรก
ในร้อยขั้นที่อยู่เบื้องหน้านี้ ยังมีคนกำลังทะลวงด่านอยู่หรือ
หลินสวินเงยหน้าขึ้นทันใด เพียงเหลือแลไปก็มองเห็นทันที ว่ามีเงาร่างหนึ่งอยู่เหนือขึ้นไปสิบกว่าขั้นบันได
น่าเสียดาย ไม่ทันรอให้เขาเห็นชัด ด้วยเหตุที่เพลิงมรรคจากด้านบนเลื่อนลงมา ทำให้เขายังไม่ทันก้าวไปขั้นถัดไปก็บังเกิดการต่อสู่อีกหนหนึ่ง และหายลับไปจากตำแหน่งนั้น
ขณะเดียวกันบนบันไดหินที่อยู่เบื้องหน้า เงาร่างนั้นส่งเสียงร้องเอ๊ะเบาๆ สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดด้านหลังจึงหันหน้ามาทันใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์