Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1167

ขั้นที่สามสิบหก

ขั้นที่สามสิบห้า

……

ยิ่งขึ้นบันไดสูงขึ้น ความเร็วของหลินสวินก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

เพราะคู่ต่อสู้ที่ได้พบแข็งแกร่งขึ้นไม่ว่างเว้น แต่ละคนหากอยู่ในโลกภายนอกต่างเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะแห่งยุค บนมกุฎมรรคาขนานนามได้ว่าเป็นยอดคน!

การเอาชนะพวกเขา สำหรับหลินสวินแล้วก็ง่ายดายนัก แต่คิดจะเอาชนะคู่ต่อสู้ทีละคนโดยไม่หยุดพักในแต่ละก้าวเดิน กลับเป็นเรื่องยาก!

ตั้งแต่ขึ้นบันไดสวรรค์มหามรรคจนถึงตอนนี้ หลินสวินไม่ได้หยุดพัก ไม่เคยฟื้นพลังกายเลย

ทั้งหมดทั้งมวลล้วนอาศัยลูกฮึด ทะยานสูงขึ้นไป!

‘ยังเหลือพลังราวหนึ่งในสาม สู้ถึงที่สุดก็น่าจะพอแล้ว…’

หลินสวินสูดหายใจลึก ในดวงตาดำมีแต่ความหนักแน่น

จากนั้นเขาก็ก้าวย่างต่อไป

……

ขั้นที่ยี่สิบเจ็ด

ขั้นที่ยี่สิบหก

…เท้าเปลือยเปล่าขาวโพลนของชื่อเหยายืนอยู่บนบันไดหิน ดวงตากระจ่างราวสาวน้ำเพ่งพิศไกลๆ ไปยังเงาร่างที่เดินอยู่บนบันไดหินโดยลำพังนั้น

ผมสีเพลิงของนางปลิวสยาย ผิวพรรณขาวยิ่งกว่าหิมะ สีหน้าเจือไปด้วยความเฉยเมยและสันโดษ แววหนักอึ้งรวมตัวอยู่ในดวงตาสุกสกาวทั้งสองอย่างรางเลือน

เวลาล่วงเลยมากระทั่งตอนนี้ หลินสวินยังไม่ได้หยุดพัก อีกทั้งกลิ่นอายลุ่มลึก ก้าวย่างมั่นคง ไม่เห็นความลำบากเลยสักนิด

คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ชื่อเหยารู้ดีที่สุดว่า ในตอนนี้บุคคลขอบเขตมกุฎที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้อาจจะมี ทว่าต้องมีน้อยขนาดนับนิ้วได้!

และทั้งแดนเผาเซียน เกรงว่าจะไม่มีสักคนเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้!

ส่วนเจ้าพวกที่เลื่อนระดับเป็นราชันเหล่านั้น…

คิดถึงตรงนี้แววดูถูกก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชื่อเหยา ไม่ได้กลายเป็นระดับราชันขอบเขตมกุฎ ภายหน้าก็เป็นเพียงคนไร้ค่ากลุ่มหนึ่ง!

นางมีเหตุผลให้อวดดี เพราะหากต้องการเป็นราชัน นางก็สามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับนี้ได้อย่างสบายตั้งแต่ยุคบรรพกาลแล้ว

ทว่านางไม่ทำ!

แต่ยอมฝังตัวในหิมะแห่งกาลเวลาไร้ที่สิ้นสุด ทนทรมานกับความอ้างว้างและอันตรายไร้สิ้นสุด รอคอยจนกระทั่งยุคนี้ถึงฟื้นตื่นขึ้นมา เป้าหมายก็เพื่อขอบเขตมกุฎระดับราชัน!

เมื่อเทียบกันเช่นนี้ ชื่อเหยาย่อมไม่เห็นระดับราชันใดๆ อยู่ในสายตา

พูดได้ว่าในการช่วงชิงความเป็นหนึ่งในแดนมกุฎ การประชันบนมกุฎมรรคาในภายภาคหน้า ผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นราชันแล้วแต่ไม่เคยได้เหยียบย่างในขอบเขตมกุฎเหล่านั้น เรียกได้ว่าเป็นผู้ล้มเหลวไปแล้ว!

ความเร็วของหลินสวินค่อยๆ ลดลงตามเวลาที่เคลื่อนคล้อย แต่ก้าวย่างของเขากลับมั่นคงดังเดิม เงาร่างผ่าเผยและสูงโปร่งนั้นคล้ายยอดเขาที่ไม่อาจสั่นคลอน ไม่เคยหวั่นไหว

ความหนักอึ้งระลอกหนึ่งบังเกิดขึ้นในใจชื่อเหยาอย่างไร้สาเหตุ ดวงตากระจ่างราวสายน้ำเต็มไปด้วยความจริงจังแล้ว แม้แต่ตัวนางเองยังไม่ได้สังเกตว่ามือขาวสะอาดทั้งสองข้างกำแน่นอย่างเงียบๆ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร

เพลิงเทพแปลกประหลาดลูกแล้วลูกเล่าปรากฏขึ้นบนผิวขาวแวววาวราวหิมะนั้น ทำให้ตัวนางดุจดั่งคันธนูที่ดึงจนตึงคันหนึ่ง!

‘หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง เกรงว่าคงไม่อาจจินตนาการได้ ว่าในยุคปัจจุบันจะมีบุคคลเย้ยฟ้าปานนี้ได้อย่างไร…’

ชื่อเหยาพึมพำในใจ

หากไม่ใช่ว่านางแน่ใจ คงออกจะเคลือบแคงว่าหลินสวินก็เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่จำศีลเก็บตัวในกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุดผู้หนึ่ง มีอดีตที่น่าหยิ่งทระนงและโดดเด่นถึงที่สุด

แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินไม่ใช่!

นี่ก็พาให้คนสะท้านแล้ว

‘เป็นศัตรูกับเด็กคนนี้เพื่อไม้โพธิ์ท่อนหนึ่ง ทำถูกจริงหรือ…’

ยามเห็นเงาร่างของหลินสวินปรากฎตัวบนบันไดขั้นที่สิบ ในใจชื่อเหยาเริ่มหวั่นไหวบ้างแล้ว ความลำพองและหยิ่งทระนงแต่เดิมก็ลดลง

ตอนนางสนทนากับหลินสวินก่อนหน้านี้ ไม่เคยเผยความดูถูกใดๆ แต่ก็ไม่ได้มองเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่ต้องหวั่นกลัวและให้ความสำคัญ

ดังนั้นนางจึงสามารถพูดไปยิ้มไป เผยรอยยิ้มงดงามสดใส ควบคุมได้ดังใจ

แต่ตอนนี้…

ต่างออกไปแล้ว!

เพราะหลินสวินได้เหยียบย่างลงบนบันไดสวรรค์มหามรรคขั้นที่สิบแล้ว!

ชื่อเหยารู้ดีว่าบุคคลขอบเขตมกุฎคนใดๆ หากคิดจะเหยียบย่างมาถึงที่แห่งนี้ยากลำบากเพียงไหน

และถ้าอยากทำเช่นเดียวกับหลินสวิน ที่ตั้งแต่เริ่มจนจบก็ก้าวขึ้นมาโดยไม่หยุดพักเลยแม้สักอึดใจเดียว ก็ยิ่งลำบากขึ้นไปอีก แทบจะเป็นปาฏิหาริย์ที่ไม่อาจทำสำเร็จได้ครั้งหนึ่ง!

เมื่อถามใจตัวเองดู แม้แต่ตัวชื่อเหยาเองยังรู้สึกว่ายากนัก ต้องสู้สุดชีวิตถึงจะทำได้

แต่ว่า…

ก้าวเดินของหลินสวินยังมั่นคงดังเดิม!

นี่จึงจะเป็นสาเหตุที่จิตใจชื่อเหยาหวั่นไหวขึ้นมาบ้าง

และถึงเริ่มใคร่ครวญอย่างจริงจังว่าการเป็นศัตรูกับหลินสวินนั้นถูกหรือผิด!

‘หากอยู่ในยุคบรรพกาล ความเก่งกาจของเด็กคนนี้คงสามารถเป็นที่ตื่นตาในใต้หล้า ไม่อาจถูกบดบังได้กระมัง’

ชื่อเหยาอึ้งไป จิตใจไหวกระเพื่อม

……

ลมหายใจของหลินสวินหอบอยู่บ้าง หน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา

เป็นบันไดขั้นที่แปดแล้ว

ตั้งแต่เริ่มขั้นที่หนึ่งพันกระทั่งตอนนี้ เขาได้ต่อสู้โดยไม่หยุดพักมาแล้วเก้าร้อยเก้าสิบสองครั้ง!

คู่ต่อสู้แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลชั้นยอดในรุ่นเดียวกัน

อีกทั้งยิ่งขึ้นมาก็ยิ่งแข็งแกร่ง!

ต่อให้รากฐานพลังของหลินสวินจะแกร่งกล้ากว่านี้ ต่อสู้อย่างต่อเนื่องเช่นนี้ก็เป็นการเปลืองพลังอย่างยิ่งยวด พลังกายแทบจะแห้งเหือดแล้ว

เดิมทีสามารถฟื้นฟูและพักผ่อนได้

แต่หลินสวินไม่ได้ทำเช่นนี้

เขากำลังเสาะหาขีดจำกัดของมรรคาตนในระหว่างการต่อสู้!

สู้!

สู้!

สู้!

แม้จะเหนื่อยล้าหาใดเทียบไปทั้งกาย แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ไฟต่อสู้กลับเดือดพล่านแผดเผา จิตต่อสู้ถูกหล่อหลอมถึงที่สุด

เวลานี้เขาไม่ต้องออกตัว วิชาอริยะยุทธ์ก็โคจรเอง เข้าประสานกับสารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ และเจตจำนงของเขาโดยสมบูรณ์ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์