แดนม่วงแท้
ในตำหนักอันโอ่โถงแห่งหนึ่ง ณ เมืองโบราณม่วงแท้
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณทุกคนต่างยินดีปรีดา ยิ้มแย้มแจ่มใส
“ยินดีกับศิษย์พี่เยี่ยนที่ขึ้นสู่ขั้นสูงสุดของบันไดสวรรค์มหามรรคได้ในคราวเดียว!”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฐานะของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณในแดนม่วงแท้แห่งนี้จะไม่มีผู้ใดสั่นคลอนได้!”
เสียงอวยพรผ่านหูไม่ขาด
เยี่ยนจั่นชิวที่สวมอาภรณ์สีขาวทั้งชุดแย้มยิ้ม ความหยิ่งทระนงในใจก็เพิ่มขึ้นอย่างเอ่อล้น
ในหมู่ผู้แข็งแกร่งนับล้านในแดนม่วงแท้ มีเพียงเขาเยี่ยนจั่นชิวผู้เดียวเท่านั้นที่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด!
ผู้กล้าและสัตว์ประหลาดยุคโบราณในขุมอำนาจอื่นล้วนถูกเขากำราบอยู่เบื้องล่าง สิ่งนี้ก็ย่อมเป็นเรื่องที่เพียงพอให้ภูมิใจในตนเอง!
แต่ท่ามกลางเสียงอวยพรทั้งมวล กลับมีคนผู้หนึ่งที่ใจลอยอยู่
เป็นจ้าวจิ่งเซวียนนั่นเอง
เยี่ยนจั่นชิวนิ่วหน้าอย่างยากสังเกตเห็น จากนั้นก็เดินไปหาแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องจิ่งเซวียน เจ้ามีเรื่องกังวลใจหรือ”
จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ยว่า “ไม่มีอะไร”
“เจ้ายังกังวลใจแทนเจ้าเด็กหลินสวินผู้นี้อยู่อีกหรือ” เยี่ยนจั่นชิวกล่าว
จ้าวจิ่งเซวียนอึ้งไป ดวงตากระจ่างไม่หวั่นไหว พยักหน้าแล้วพูดว่า “เป็นห่วงอยู่บ้างจริงๆ”
สามพันแดนในขณะนี้แทบจะถูกขุมอำนาจสำนักใหญ่ต่างๆ ควบคุม อีกทั้งยังมีผู้เลื่อนระดับเป็นราชันนับไม่ถ้วน หลินสวินหัวเดียวกระเทียมลีบ สถานการณ์ย่อมยากลำบาก
หากเขาไม่บรรลุระดับมกุฎราชัน จะเอาอะไรไปช่วงชิงความเป็นหนึ่งกับขุมอำนาจอื่นได้
และจ้าวจิ่งเซวียนเข้าใจนิสัยของหลินสวินดี รู้ว่าเขาไม่มีทางก้มหัวให้ขุมอำนาจใด และไม่มีทางเข้าหาขุมอำนาจไหนเด็ดขาด
เพียงแต่…
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาคิดจะผงาดขึ้นแต่เพียงผู้เดียวก็เป็นเรื่องยากเกินไปจริงๆ!
จ้าวจิ่งเซวียนคิดถึงเรื่องที่กังวลใจอยู่ จึงไม่สังเกตเลยว่าหว่างคิ้วของเยี่ยนจั่นชิวมีแววเย็นชาปรากฏขึ้นวูบหนึ่งก่อนหายไป
“ศิษย์น้องจิ่งเซวียน เจ้าควรจดจำฐานะของตัวเองเอาไว้ เขาหลินสวินเป็นศัตรูของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเรา!” เยี่ยนจั่นชิวเอ่ยเตือนเสียงขรึม
จ้าวจิ่งเซวียนพูดอย่างเย็นชาว่า “แต่เขาก็เป็นสหายของข้าจ้าวจิ่งเซวียนด้วย”
น้ำเสียงมีความหนักแน่นอยู่ในที
สีหน้าของเยี่ยนจั่นชิวเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นก็ยิ้มขึ้นทันทีแล้วพูดว่า “ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้แล้ว สุดท้ายเจ้าเด็กนี่ก็จะต้องเป็นหนูเดินตรอก ถูกผู้คนมากมายจับจ้อง อย่าว่าแต่บรรลุขอบเขตมกุฎระดับราชันเลย เกรงว่ากระทั่งจะเอาชีวิตรอดยังลำบากหาใดเทียบ”
ความขุ่นเคืองไหวเคลื่อนในดวงตากระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียน จากนั้นนางก็พูดอย่างเรียบเฉยว่า “ถ้าเป็นการช่วงชิงความเป็นหนึ่งในรุ่นเดียวกัน ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่ด้อยไปกว่าใคร! ศิษย์พี่เยี่ยน ในเมื่อเป็นศัตรู ท่านดูถูกเขาเช่นนี้จะทำให้หมดสง่าเอา”
เยี่ยนจั่นชิวสีหน้าถมึงทึง
ไม่รอให้เขาเอ่ยปากจ้าวจิ่งเซวียนก็เงยมองเขาตรงๆ พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้ารู้ว่าในใจท่านอยากฆ่าเขาให้ตาย แต่พูดกันตามจริง ต่อให้ท่านเหยียบย่างลงบนจุดสูดสุดของบันไดสวรรค์มหามรรคในแดนนี้ หลินสวินก็จะไม่กลัวท่านแม้แต่นิดเดียว!”
เยี่ยนจั่นชิวเดือดดาลจนยิ้มแล้ว “ศิษย์น้องจิ่งเซวียน เจ้าต้องเถียงกับข้าด้วยหรือ เพราะหลินสวินคนเดียวเจ้าเลยออกจะไร้เหตุผลเสียแล้ว พูดตามตรง ยามข้าเหยียบย่างลงบนจุดสูดสุดของบันไดสวรรค์มหามรรค ก็ไม่เห็นหลินสวินนั่นอยู่ในสายตานานแล้ว!”
ก็ในตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าเร่งรีบระลอกหนึ่งดังขึ้นนอกตำหนัก นำพาข่าวน่าตื่นตะลึงข่าวหนึ่งมาให้…
“เทพมารหลินเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในแดนเผาเซียน ล้างบางขุมอำนาจมากมาย!”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ บรรยากาศครึกครื้นเปรมปรีดิ์ในที่นั้นพลันหยุดนิ่ง แปรเปลี่ยนเป็นเงียบเชียบ ทุกคนฉงนใจไม่ว่างเว้น
เรื่องของแดนเผาเซียนถึงกับกระจายมาถึงแดนม่วงแท้เลยหรือ
โดยเฉพาะข่าวนี้ยังเกี่ยวข้องกับเทพมารหลิน เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว!
เยี่ยนจั่นชิวสีหน้าขรึมลงทันที เวลานี้พลันมีข่าวเช่นนี้แพร่ออกมา ทำให้ในใจเขามีความโกรธเคืองที่พูดไม่ออกอยู่ เหมือนจงใจประชันกับเขา
จ้าวจิ่งเซวียนไม่สนจะเขา ในชั่วขณะเดียวจิตใจก็ถูกดึงดูด ซักไซ้อย่างละเอียด
เมื่อได้รู้เรื่องใหญ่สะเทือนเลื่อนลั่นเรื่องแล้วเรื่องเล่าที่หลินสวินก่อในแดนเผาเซียน ทุกคนในที่นั้นก็ต่างนิ่งอึ้ง สั่นกลัวขึ้นมาทั้งอย่างนั้น
นี่ เป็นเทพสังหารคนหนึ่งชัดๆ!
ปล้นสะดมคลังสมบัติเผ่าอีกาทอง…
สังหารบุคคลขอบเขตมกุฎยี่สิบหกคนจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในหุบเขาผลาญสวรรค์…
รอดพ้นความยากลำบากจากการล้อมโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับราชันสี่คน…
ตัวคนเดียว ชำระเลือดล้างบางขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ในเมือง!
ทั้งหมดนี้ล้วนดูน่าเหลือเชื่อ พาให้ผู้คนสั่นสะท้าน
ต่างจากผู้อื่นที่จิตใจสั่นสะท้าน ดวงตากระจ่างของจ้าวจิ่งเซวียนเปล่งประกาย ความเริงร่าฮึกเหิมที่พูดไม่ออกปรากฏขึ้นบนใบหน้าใสกระจ่างดงาม
แต่สีหน้าของเยี่ยนจั่นชิวกลับแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึม ครู่หนึ่งถึงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “เด็กนี่กำเริบและอำมหิตปานนี้ ยามเข้าสู่แดนเก้าบนก็จะเป็นวันตายของเขา!”
จ้าวจิ่งเซวียนยิ้มอย่างสดใส ไม่เกรี้ยวกราดเลยสักนิด เอ่ยเนิบนาบว่า “เรื่องในภายหน้าใครจะรู้ได้เล่า อย่างน้อยตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังอยู่ดีกว่าใครๆ แม้แต่เรื่องที่สร้างไว้บางเรื่องยังแพร่ออกมาจากแดนเผาเซียน กระจายมาถึงทั้งสามพันแดน!”
เยี่ยนจั่นชิวส่งเสียงหึหยัน ยิ่งหลินสวินแสดงความสามารถโดดเด่น ก็ยิ่งทำให้เขาชิงชังและมองอีกฝ่ายเป็นศัตรู ในใจเหมือนมีก้อนหินมากดทับ ไม่พอใจยิ่งนัก
“อ้อ คาดการณ์เช่นนี้ จุดสูงสุดแห่งบันไดสวรรค์มหามรรคของแดนเผาเซียนก็จะต้องเป็นของหลินสวินแล้ว…” จ้าวจิ่งเซวียนกล่าว
ประโยคแผ่วเบาประโยคหนึ่งทำให้เยี่ยนจั่นชิวยิ่งไม่พอใจแล้ว
จู่ๆ เขาก็รับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง มุมปากยกยิ้มแปลกประหลาดพูดว่า “ศิษย์น้อยจิ่งเซวียน เจ้าอย่าดีใจเกินไปเร็วนัก พร้อมๆ กับที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกมา ขุมอำนาจที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ของสามพันแดนก็คงจะรู้เรื่องหนึ่งได้ทันที”
จ้าวจิ่งเซวียนเอ่ย “เรื่องอะไรหรือ”
“เจ้าเด็กหลินสวินนี่อยู่ที่แดนเผาเซียน!”
นี่เหมือนคำพูดไร้สาระ เพียงแต่ใบหน้างามของจ้าวจิ่งเซวียนกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ก่อนที่ข่าวนี้จะแพร่กระจายออกมา ย่อมมีน้อยคนที่จะรู้ว่าหลินสวินอยู่ในแดนใดของสามพันแดน
ต่อให้เป็นจ้าวจิ่งเซวียนก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ในตอนนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์