ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬบุกมา หันปลายหอกจ่อใส่เทพมารหลินโดยตรง!
ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไปในเมืองโบราณเผาเซียนก็อึกทึกครึกโครม ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนต่างฮือฮาด้วยเหตุนี้
“เป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎแห่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬโก่วเหยียนตง!”
ไม่ทันไรฐานะของชายหนุ่มที่สวมเกราะดำ ทั่วร่างอาบไล้ด้วยแสงสายฟ้าสีดำนั้นก็ถูกมองออก ก่อให้เกิดคลื่นถาโถมไม่น้อย
นี่เป็นถึงบุคคลร้ายกาจผู้หนึ่ง!
เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเดียวกับอวิ๋นชิ่งไป๋ เย่หมัวเฮอ หวังเสวียนอวี๋ หมีเหิงเจิน เป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎในปัจจุบัน
เพียงแต่ไม่ว่าใครต่างคิดไม่ถึง ว่าใครให้ความกล้ากับโก่วเหยียนตงกัน ถึงได้กล้าพุ่งมายังแดนเผาเซียนโดยตรงเช่นนี้ เขาคิดจริงๆ หรือว่าเทพมารหลินจะรังแกได้ง่าย
“รีบไปดูเร็ว!”
“มีคนไม่กลัวตายมาท้าทายเทพมารหลินจริงด้วย คราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”
ขณะวิพากษ์วิจารณ์ มีผู้ฝึกปราณมากมายรีบมุ่งไปยังตำหนักที่หลินสวินพักอยู่ก่อนแล้ว
…
หน้าตำหนักเก่าแก่
พวกโก่วเหยียนตงยืนอยู่ที่นี่ ล้วนไม่ปกปิดไอสังหารของตนแม้แต่น้อย ทำให้อาณาบริเวณนี้เต็มไปด้วยไอสังหารเยียบเย็นทันที
ขณะเดียวกันผู้ฝึกปราณมากมายปรากฏตัวเฝ้ามองจากไกลๆ เพียงแต่สายตาที่มองยังพวกโก่วเหยียนตงล้วนเจือแววประหลาดเสี้ยวหนึ่ง
ในเมืองโบราณเผาเซียนทุกวันนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกปราณทั่วไป ต่อให้เป็นบุคคลขอบเขตมกุฎและสัตว์ประหลาดยุคโบราณของเหล่าขุมอำนาจใหญ่ ก็ไม่กล้ามาหาเรื่องเทพมารหลิน เกรงแต่จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว
แต่ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬกลุ่มนี้กลับดีนัก เพิ่งออกจากเจดีย์มกุฎก็พุ่งสังหารมาทั้งอย่างนั้นโดยไม่สอบถามใดๆ!
นี่เห็นได้ชัดว่าแข็งกร้าวนัก แต่ก็ดูอวดดีและหลงระเริงมากเช่นกัน
ถึงขั้นในมุมมองผู้ฝึกปราณไม่น้อย พวกโก่วเหยียนตงช่างไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตายด้วยตนเอง
“เจ้าเด็กสวะหลินสวินอยู่ใช่ไหม ยังไม่ไสหัวมารับความตายอีกรึ”
ชายชุดเงินคนหนึ่งข้างโก่วเหยียนตงตวาดลั่น พลานุภาพเต็มเปี่ยม เสียงดั่งฟ้าคำรามสะท้อนก้องระหว่างฟ้าดิน
ทว่าที่ทำให้เขามุ่นคิ้วคือสีหน้าผู้ฝึกปราณบริเวณใกล้เคียงต่างเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล ปฏิกิริยาลุกฮือและตกตะลึงสักนิดล้วนไม่มี
“พี่ใหญ่ พวกหน้าโง่นี้ถูกทำให้ตกใจจนตะลึงไปแล้วรึ”
ชายชุดเงินกล่าวอย่างมึนงง
โก่วเหยียนตงก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่เขากลับไม่ใส่ใจ กล่าวราบเรียบ “เทพมารหลินเคยเปิดฉากชำระเลือดล้างบางผู้สืบทอดขุมอำนาจไม่น้อยที่เมืองนี้ บางทีจิตใต้สำนึกของผู้ฝึกปราณพวกนี้ อาจคิดว่าการกระทำของพวกเราออกจะบ้าบิ่นอยู่บ้างกระมัง”
“ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เหตุใดพวกเจ้ายังมาหาที่ตายอีก” ในฝูงชนที่ห่างออกไปมีเสียงเจือความไม่เข้าใจหนึ่งดังขึ้น
“บังอาจ!”
ชายชุดเงินหน้าอึมครึมทันที ดวงตาฉายแววดุดัน
โก่วเหยียนตงปรามเขาแล้วกล่าวเฉยชา “แมลงฤดูร้อนไม่รู้จักน้ำแข็ง เอาความกับพวกคนพื้นๆ ก็เป็นการลดฐานะตัวเองเปล่าๆ”
จากนั้นนัยน์ตาแดงก่ำเขาก็สำรวจตำหนักใหญ่ตรงหน้า “ยามอยู่โลกภายนอกพวกเราไร้โอกาสจัดการเจ้าเด็กนี่ แต่ตอนนี้ในเมื่อรู้ว่ามันซ่อนตัวอยู่ที่แดนเผาเซียนนี้ แน่นอนว่าต้องกำจัดมันทิ้งซะ!”
วาจานี้กล่าวอย่างราบเรียบ แต่กลับเผยความภาคภูมิและหยิ่งทะนงหาใดเปรียบ
ทว่าสายตาทุกคนที่มองมาจากไกลๆ กลับผิดแปลกยิ่งกว่าเดิม เหมือนกับกำลังจ้องมองคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง ไม่ขาดกลิ่นอายของความเวทนา เห็นใจ และมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
นี่ทำให้โก่วเหยียนตงมุ่นคิ้วอย่างเลี่ยงไม่ได้ จากนั้นหน้าจึงเปลี่ยนเป็นเฉยชาและเยียบเย็นขึ้นมา
พวกหน้าโง่นี้ถูกการสังหารของเทพมารหลินทำเอากลัวกันไปหมดแล้วรึ
“ที่แท้พวกเจ้าก็ได้ยินว่าเทพมารหลินอยู่ที่นี่ถึงได้รีบเร่งมาแก้แค้น เพียงแต่พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะทำเช่นนี้จริงๆ”
ไกลออกไปมีคนเอ่ยปากขึ้น
“ทำไมจะทำเช่นนี้ไม่ได้”
โก่วเหยียนตงสีหน้าขรึมทันที วันนี้ทุกอย่างดูแปลกเกินไปแล้ว ปฏิกิริยาของผู้ชมพวกนี้ก็ผิดปกติมาก เหมือนกำลังเวทนาพวกเขาอยู่
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาโก่วเหยียนตงต้องให้คนมาเวทนาสงสาร!?
กบในกะลามองการณ์ตื้นเขินพวกนี้ ตัวเองหวาดกลัวเทพมารหลินก็ช่างเถอะ ตอนนี้ยังกล้านำตัวเองมาเปรียบเทียบกับผู้อื่น มาสงสารพวกเขา ช่างทำให้คนชิงชังซะจริง!
“สหาย ข้าว่าพวกเจ้าคิดให้รอบคอบก่อนดีกว่า”
ในฝูงชนมีคนถอนหายใจ ตั้งท่าโน้มน้าวโดยละม่อม
นี่ทำให้โก่วเหยียนตงรับไม่ได้อยู่บ้าง เขายักษ์ใหญ่ยอดมกุฎแห่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่น่าเกรงขาม ในอดีตเดินไปที่ไหนล้วนแต่มีคนหวั่นเกรงและหวาดกลัว ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ถูกคนดูแคลนเช่นนี้
“พวกเจ้าคงไม่ได้คิดว่าข้าโก่วเหยียนตงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเทพมารหลินได้กระมัง”
โก่วเหยียนตงโกรธจัดจนยิ้มออกมาแล้ว สีหน้าเยียบเย็น ทั่วร่างพรั่งพรูประกายสายฟ้าสีดำชวนประหวั่น หยิ่งผยองและน่าพรั่นพรึง
แต่เหนือความคาดหมายของเขา ผู้ชมในที่นั้นต่างพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง!
โก่วเหยียนตงนิ่งอึ้งไปแล้ว คนในเผ่าข้างกายเขาพวกนั้นก็ตกตะลึงเช่นกัน
ภาพนี้…
ช่างทำให้คนอยากกระอักเลือดจนเกือบจะคลุ้มคลั่ง!
ถูกคนสบประมาทไม่เป็นไร แต่ถูกคนมากมายดูแคลนเช่นนี้ คิดว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพมารหลิน นี่มันน่าโมโหเกินไปแล้ว
หากไม่ใช่ว่าโก่วเหยียนตงข่มกลั้นไอสังหารภายในใจไว้เต็มที่ คงได้กำจัดผู้ชมในลานพวกนี้ไปแล้ว แม่งน่าโมโหเกินไปแล้ว
“พี่ใหญ่ อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับพวกคนพื้นๆ พวกนี้เลย ลดฐานะตัวเองเปล่าๆ”
ชายชุดเงินที่อยู่ด้านข้างรีบเกลี้ยกล่อม
โก่วเหยียนตงมุมปากกระตุกเล็กน้อย คำพูดนี้เป็นคำพูดที่เขาเพิ่งเตือนชายชุดเงินไป คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะย้อนมาใช้กับตัวเองแทน
เพียงแต่…
เจ้าคนชั้นต่ำพวกนี้ช่างน่าโมโหเสียจริง!
โก่วเหยียนตงสูดหายใจลึก นัยน์ตาแดงก่ำอวลจิตสังหารน่าตระหนก กล่าวว่า “วันนี้ข้าจะตัดหัวเจ้าเดรัจฉานหลินสวินนี่ ให้พวกตาไร้แววอย่างพวกเจ้าดูเอง!”
ทุกคนได้ยินดังนั้นไม่เพียงแต่ไม่ตระหนก สีหน้ากลับเวทนายิ่งกว่าเดิม
ดังคำกล่าวที่ว่าคำพูดดีเพียงไรไม่อาจกล่อมผีที่ต้องตาย มีเมตตาแค่ไหนล้วนไม่เข้าถึงผู้ละทิ้งความหวัง!
ชั่วพริบตาเขาก็รู้สึกว่าผิวหนังทั้งตัวแทบระเบิดออก เลือดลมภายในร่างโหมซัดย้อนทวน ร่างกายพลันสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เกือบจะถูกฟาดให้คุกเข่าลง
ส่วนทวนยักษ์สีดำในมือยิ่งถูกฟาดฟันจนโค้งงอราวธนูที่ง้างเต็มที่ ส่งเสียงคร่ำครวญเสียดหูคล้ายกำลังจะรับไม่ไหว
ความรู้สึกนั้นเหมือนถูกภูเขาเทพบรรพกาลกดอัดลงบนร่าง!
“กระบวนท่าที่สอง!”
การโจมตีนี้ถูกต้านไว้ได้ หลินสวินคล้ายไม่เกินคาดหมาย ดาบหักยกตัว อานุภาพพลันเปลี่ยนแปลง พื้นผิวปรากฏลายมรรคคลุมเครือแน่นหนา
แย่แล้ว!
โก่วเหยียนตงหนังหัวชาวาบ สัมผัสได้ถึงอันตรายยิ่งยวด ทำให้เขาเลือกหลีกหลบโดยไม่ลังเล
ไม่ใช่ว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอ
กลับกัน เป็นเพราะเขาจัดอยู่ในเหล่ายักษ์ใหญ่ยอดมกุฎ ประสบการณ์ต่อสู้มากมายต่างหาก ถึงสามารถสังเกตเห็นอันตรายได้ในทันที
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น เกรงว่าคงไม่มีแม้แต่การตอบสนองเช่นนี้!
พรูด!
ทว่าต่อให้โก่วเหยียนตงตอบสนองทันที แต่เขายังประเมินความน่ากลัวของกระบวนท่านี้ต่ำไป การเกิดดับปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา
หลังของเขาถูกฟันเป็นทางยาวเลือดไหลทะลัก อวัยวะภายในถูกกระเทือนอย่างหนัก ร่างกายครึ่งบนเกือบถูกตัดขาด!
ซ่า… ฝนโลหิตสาดพรมแดงระอุ
โก่วเหยียนตงร้องโหยหวน หน้าพลันซีดเผือดทันที
ผู้ฝึกปราณที่เฝ้ามองอยู่ไกลๆ แม้ต่างแน่ใจว่าโก่วเหยียนตงไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้
แต่เมื่อเห็นว่าแค่กระบวนท่าที่สอง ยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎที่มีนับนิ้วได้ในปัจจุบันคนหนึ่งอย่างโก่วเหยียนตงก็ถูกโจมตีอย่างหนัก เกือบถูกผ่าเป็นสองท่อน ต่างก็ตกใจจนสะท้านไปทั้งตัว
เทพมารหลิน… ทรงพลังเกินไปแล้วกระมัง
พร้อมกันนี้เหล่าชายหญิงข้างกายโก่วเหยียนตงต่างเบิกตาโต ท่าทางยากจะยอมรับ ไม่อาจเชื่อได้
เมื่อครู่ยามโก่วเหยียนตงบาดเจ็บ พวกเขาล้วนไม่ทันได้ตอบสนอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเข้าไปช่วยเลย!
“ถอย!”
โก่วเหยียนตงแผดเสียงคำราม เขารับรู้ได้ว่าเทพมารหลินมารผจญคนนี้ แตกต่างกับแต่ก่อนราวกับเป็นคนละคน เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมแล้ว
และตนก็ประเมินคู่ต่อสู้คนนี้ต่ำไปตั้งแต่แรก!
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดสีหน้าของผู้ชมพวกนั้นถึงเวทนา ไม่เห็นด้วยกับพวกเขาเช่นนี้…
ใช่ว่าเจตนาดูถูก แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของเทพมารหลินอยู่ก่อนแล้ว!
นึกถึงตรงนี้โก่วเหยียนตงแทบอยากตบปากตัวเอง ถ้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้คงไม่รีบร้อนพุ่งเข้าไปแต่แรก อย่างน้อยก็ต้องรู้พลังที่แท้จริงของเทพมารหลินก่อนค่อยลงมือ
น่าเสียดาย เสียใจตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์!
ทำได้แค่หนี!
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์