หากจะเหยียบย่างระดับราชัน จำต้องข้ามผ่านเคราะห์สวรรค์
นี่คือสิ่งที่รู้ร่วมกันของการฝึกปราณ
เคราะห์นี้ เมื่อข้ามผ่านก็สามารถหลุดพ้นจากปราณห้าระดับใหญ่ ยืนตระหง่านอยู่ในระดับราชันที่อยู่สูงยิ่งกว่าได้
หากผ่านไม่ได้ ถ้าไม่ร่างมอดม้วยมรรคสลาย ก็จะตกสู่ระดับกึ่งราชัน!
สิบแปดศิษย์แห่งกษิติครรภ์อย่างพวกมู่เจิ้ง สามารถพากันเรียกมหาเคราะห์มรรคราชันตามกันมาในเวลานี้ได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่การกระทำที่เพิ่งคิดขึ้นมาปุบปับ
หากแต่เตรียมการมานานแล้ว!
บนเวิ้งฟ้า เมฆาเคราะห์หนาทึบเกินกว่าธรรมดาหลายโข เรียกได้ว่าสะท้านโลกหาได้ยากยิ่ง
คณาเคราะห์ระดับนี้ ที่ผ่านมาล้วนยากจะได้พบเห็นสักครั้ง ใครจะไปจินตนาการว่าปุบปับจะมีผู้แข็งแกร่งสิบแปดคนข้ามเคราะห์พร้อมกัน
วู้ๆๆ!
กลางฟ้าดินมืดสลัวชวนกดดันหาใดเปรียบ ลมกระโชกพัดแรง โหยหวนกลางฟ้าดิน ประหนึ่งเสียงมารป่วนโลกหล้า สะท้านสะเทือนทั่วพิภพ
พวกมู่เจิ้งนิ่งเงียบไม่ไหวติง สีหน้าเคร่งขรึมเด็ดเดี่ยว พวกเขากำลังเฝ้ารอด่านเคราะห์ของตน ยิ่งตั้งตาคอยการมาเยือนของด่านเคราะห์ ใช้สิ่งนี้กำจัดมารนอกรีตอย่างหลินสวินเสีย
“บ้าไปแล้ว…”
หลินสวินพึมพำ ลาหัวโล้นพวกนี้บ้าคลั่งเกินไปแล้วจริงๆ อำมหิตเกินไป เพื่อจะต่อกรกับตน ขนาดชีวิตยังไม่ต้องการแล้ว
เขาแหงนหน้ามองฟ้า
เมฆาเคราะห์หนาทึบ ถึงแม้อสนีเคราะห์จะยังไม่ปรากฏ แต่หลินสวินรู้ดีว่าเมื่อมันมาเยือน จะต้องเป็นมหาเคราะห์สิบแปดด่านที่พุ่งยิงออกมาพร้อมกัน เพียงพอจะปิดครอบพื้นที่แถบนี้เอาไว้
เขาไม่เหลือทางให้หนี!
แต่ทว่า หลินสวินมีหรือจะนั่งนิ่งรอความตาย
เวลานี้เขาเงยหน้าทอดมองเมฆาเคราะห์บนเวิ้งฟ้า จู่ๆ ในใจพลันนึกขึ้นได้ว่าหลายวันมานี้ตนเอาแต่รอคอยให้จุดเปลี่ยนสู่การบรรลุราชันมาเยือน ถูกกระทำและจนปัญญา
ตรงกันข้ามกลับเป็นสิบแปดศิษย์แห่งกษิติครรภ์นี่ เพื่อจะสู้กันให้ตายไปข้างกับตน ถึงกับชักนำอสนีเคราะห์มรรคราชันออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
การกระทำนี้บ้าระห่ำยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย แต่กลับจุดประกายให้หลินสวิน จิตใจถูกปลุกเร้า ในหัวผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่
ในเมืองโบราณเผาเซียน ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนจิตใจโดนกดข่ม จับจ้องเวิ้งฟ้าพร้อมเผยแววหวาดผวาออกมา
พวกเขาเองก็คาดเดาว่ายามเมื่อเคราะห์สวรรค์มาเยือน หลินสวินซึ่งถูกสิบแปดศิษย์ปิดล้อมอยู่ตรงกลางย่อมไม่เหลือหนทางให้หลบหนีอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างคิดว่า ต่อให้เทพมารหลินประสบเคราะห์ก็คงจะเกิดขึ้นในแดนเก้าบน แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าทั้งหมดจะเกิดขึ้นล่วงหน้าเสียได้!
สิ่งนี้พาให้ผู้คนตั้งรับไม่ทัน
“ภิกษุอารามกษิติครรภ์พวกนี้ ช่างวิปริตได้ที่ซะจริงๆ…”
“เทพมารหลินจะจบเห่แล้วหรือ”
“ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ จะฝืนชนะฟ้าได้อย่างไรกัน”
ผู้ฝึกปราณมากมายทอดถอนใจ รู้สึกสังเวช คิดว่าต่อให้เทพมารหลินพลิกฟ้าสะท้านโลกปานใด แต่ตอนนี้ก็ยังถูกคนวางอุบายใส่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
ส่วนผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นต่างคึกคะนอง มีความสุขบนคราวทุกข์ผู้อื่น ลอบกล่าวในใจว่าเทพมารหลินหนอเทพมารหลิน เจ้าก็มีวันนี้ด้วยหรือ
ตู้ม!
ท่ามกลางเมฆาเคราะห์ มีเสียงฟ้าคำรามก้องกระหึ่ม ณ ที่นี้ สะเทือนฟ้าสะท้านดิน พาให้สิบทิศสั่นสะเทือน
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า อสนีเคราะห์สีเงินหนาใหญ่ไร้ทัดเทียมสายแล้วสายเล่าพลิกตลบ ประหนึ่งมังกรอสนีตัวแล้วตัวเล่ากำลังพลิกม้วนลำตัว สว่างจ้าพร่าตา แผ่กลิ่นอายประหนึ่งทำลายล้างโลกหล้าออกมา
ผู้ฝึกปราณมากมายต่างสั่นเทิ้มไปทั้งตัว รู้สึกถึงความหวาดผวาและหดหู่หาใดเปรียบ
นี่คือเคราะห์สวรรค์ เป็นคณาเคราะห์จากแดนสรวง!
ภายใต้คณาเคราะห์ สรรพชีวิตดุจมดน้อย!
“มาแล้ว!”
มู่เจิ้งเงยหน้าขึ้นขวับ สีหน้ามุ่งมั่น
ขณะเดียวกันศิษย์อีกสิบเจ็ดคนต่างก็เงยหน้ามองเวิ้งฟ้า สีหน้าเคร่งขรึม มองความตายประหนึ่งหวนสู่ถิ่นเดิม
เรือนผมยาวของหลินสวินโบกสะบัด นัยน์ตาดำลุ่มลึกและเยียบเย็น ทอประกายวาววับชวนสยอง เงาร่างของเขาหยัดยืนสันโดษ อาภรณ์สะบัด สีหน้าสงบนิ่งถึงขีดสุดจนผิดธรรมดา
ทันใดนั้นเขาพลันเอ่ยปากถาม “มู่เจิ้ง ตราบใดที่ข้าหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ พวกเจ้าอารามกษิติครรภ์ก็จะไม่ยอมเลิกราใช่หรือไม่”
น้ำเสียงเรียบเฉย
มีชีวิตอยู่?
นัยน์ตามู่เจิ้งเจือแววเวทนาเสี้ยวหนึ่ง เจ้าหมอนี่ยังคิดว่าตัวเองจะรอดชีวิตได้อีกจริงๆ หรือ
“ถูกต้อง!”
มู่เจิ้งตอบอย่างแน่วแน่ยิ่ง “เจ้าถอดใจได้เลย”
มุมปากหลินสวินผุดเส้นโค้งเย็นยะเยือกขึ้นมา “ถอดใจ? เจ้าพูดผิดแล้ว ข้าก็แค่อยากถือโอกาสก่อนที่พวกเจ้าจะตาย บอกพวกเจ้าไว้สักเรื่อง”
“ว่ามา”
สีหน้ามู่เจิ้งยิ่งฉายแววเวทนามากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังรับฟังคำสั่งเสียของหลินสวิน
“ตราบใดที่ข้าหลินสวินยังมีชีวิตต่อไป สักวันหนึ่ง บนโลกนี้จะไม่มีอารามกษิติครรภ์อีก!” หลินสวินเอ่ยปากเน้นชัดทุกถ้อยคำ ฝังลึกในจิตใจผู้คน!
นัยน์ตาพวกมู่เจิ้งต่างหดรัดลง จากนั้นก็กลับสู่สภาพเรียบนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดิม
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเห็นคำพูดของหลินสวินเป็นการระบายความรู้สึกก่อนสิ้นใจ ไม่สนใจด้วยซ้ำ
และกลางเมืองโบราณเผาเซียน ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างสั่นสะท้าน ทำให้หลินสวินโพล่งคำพูดดุร้ายเช่นนี้ออกมา เห็นได้ชัดว่าคงเกลียดอารามกษิติครรภ์เข้ากระดูกไปแล้ว!
เพียงแต่…
เขาจะรอดชีวิตต่อไปได้หรือไม่
ความหวังริบหรี่เหลือเกิน!
……
บนเวิ้งฟ้าเมฆาเคราะห์หอบม้วน อสนีเคราะห์สีเงินสว่างวาบก้องกระหึ่ม จวนเจียนจะมาเยือนแล้ว!
พวกมู่เจิ้งต่างไม่พูดไม่จา ไม่มีคนชะล่าใจ
พวกเขาย่อมไม่ยินดีตายไปทั้งอย่างนี้ หากสามารถบุกฆ่าหลินสวินไปด้วยในขณะที่ข้ามเคราะห์บรรลุราชันได้ ย่อมเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
ตูม!
เสียงกึกก้องสายหนึ่งดังขึ้น พาให้สรรพชีวิตหวาดผวา ยังคิดว่าเคราะห์สวรรค์เริ่มมาเยือนแล้ว
ในใจพวกมู่เจิ้งเองก็เต้นกระหน่ำ กำลังตั้งท่าจะกรูออกไปรับเคราะห์สวรรค์
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ผู้ฝึกปราณในเมืองและพวกมู่เจิ้งต่างตั้งตัวไม่ทันก็คือ เสียงคำรามสนั่นสายนี้หาได้มาจากเวิ้งฟ้า แต่มาจากตัวหลินสวิน!
เขาในเวลานี้แหงนหน้าขึ้นมองเวิ้งฟ้า เรือนผมสีดำทั่วศีรษะโบกสะบัด เงาร่างสูงเด่นราวกับหอก ไม่รู้ถูกแสงมรรคเจิดจ้าพร่าตาห้อมล้อมตั้งแต่เมื่อไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์