สรุปตอน ตอนที่ 1177 กรรมสนองกรรม – จากเรื่อง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet
ตอน ตอนที่ 1177 กรรมสนองกรรม ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
อย่าคิดหาจากภายนอก!
ยามทอดมองเมฆาเคราะห์พร่างพราวที่ปรากฏอยู่บนเวิ้งฟ้านั่น ส่วนลึกในใจหลินสวินก็มีคำพูดนี้ดังสะท้อนไม่ขาดสาย
เวลานี้เขาตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ว่าตนก่อนหน้านี้ทำพลาดไปหนึ่งข้อ
เอาแต่ฝากความหวังที่จะบรรลุระดับมกุฎราชันไว้กับจุดเปลี่ยนอันริบหรี่ไม่มีจริงนั่น เป็นผลให้ตนตกอยู่ในการเฝ้ารอที่ได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ต้องการแต่ไม่อาจได้มา!
เดิมทีนี่ก็ขัดแย้งกับมรรคาที่เขาแสวงหา!
มรรคของเขา ไม่หยิบยืมปัจจัยภายนอก ไม่พึ่งพาวาสนาและศุภโชค ข้าแสวงหามรรคของข้าด้วยตัวเอง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดต้องเฝ้ารอจุดเปลี่ยนเสี้ยวนั้นด้วยเล่า
อย่าคิดหาจากภายนอก!
และยามเมื่อตัวตกอยู่ในสภาพคับขัน ได้เห็นพวกมู่เจิ้งชักนำเคราะห์สวรรค์ จึงทำให้หลินสวินดึงสติกลับมาได้โดยพลัน ได้สติตื่นรู้จากเส้นทางที่ผิด
จุดเปลี่ยนไม่มา แล้วเหตุใดไม่เป็นฝ่ายไปไขว่คว้าเองเล่า
และเพราะรู้แจ้งถึงจุดนี้ หลินสวินได้กำจัดความมืดมนในก้นบึ้งหัวใจไปสิ้น เปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำเป็นผู้ลงมือกระทำ เลือกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ในยามนี้โดยพลัน!
ปลดปล่อยมรรควิถี มรรคา สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณแห่งตนออกมาหมดสิ้น สำแดงสุดกำลัง ไปขวนขวายและไขว่คว้าจุดเปลี่ยนเลื่อนระดับเสี้ยวนั้น!
สมความคาดหมาย เขาทำสำเร็จแล้ว!
ส่วนลึกของเวิ้งฟ้ามีเมฆาเคราะห์มหึมาปรากฏขึ้น พร่างพรายถึงขีดสุด แตกต่างเหนือใคร งดงามไร้ที่ติ
หลินสวินรู้ นี่ก็คือเคราะห์ของตน
ขอเพียงข้ามผ่านไปได้ ระดับราชันก็วาดหวังได้!
ตูม ครืนๆ
เมฆาเคราะห์พร่างพราวสะท้านโลกไร้สิ้นสุด สั่นสะเทือนทั่วทิศ พาให้ทั่วทั้งแดนเผาเซียนตกสู่บรรยากาศสั่นไหวและกดดัน
นี่คือความน่าสะพรึงยิ่งใหญ่ราวกับทำลายล้างโลกก็ไม่ปาน
ทั้งในและนอกเมือง ผู้ฝึกปราณทุกคนต่างใจสะท้านเนื้อกระตุก รู้สึกถึงความอับจนและเล็กจ้อยหาใดเปรียบ ตัวสั่นงันงกไปทั้งร่าง
สิบแปดศิษย์กษิติครรภ์อย่างพวกมู่เจิ้งต่างตระหนกขุ่นเคืองทบทวี จิตใจสั่นสะท้าน รู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรงอย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน!
มีเพียงหลินสวินที่เวลานี้ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา ดุจมังกรคำรามสั่นสะท้านเก้าชั้นฟ้า!
เขาติดอยู่ในระดับกระบวนแปรจุตินานเกินไป และเฝ้ารอมานานแสนนาน ฝึกปราณและเคี่ยวกรำอย่างยากลำบากในช่วงหลายปีมานี้ ก็ไม่ใช่เพื่อวันนี้หรอกหรือ
ชีวิตคนเรายามลำพองควรต้องหรรษาให้สุด เวลานี้ถึงจะมีมหาเคราะห์สะท้านโลกอยู่ต่อหน้า แต่สำหรับหลินสวินกลับเป็นช่วงเวลาที่เขายินดีมากที่สุดในการเสาะแสวงหามรรคา!
ได้รับนัยแห่งมหามรรค ลืมเลือนตัวตน
นี่ก็คือ ‘ได้ใจจนลืมตน’ ที่เรียกกัน!
เมื่อมองชายหนุ่มที่แหงนหน้าระเบิดหัวเราะเหนือห้วงฟ้าคนนั้น มองเห็นท่าทางเหยียดหยันที่จับจ้องมหาเคราะห์บนเวิ้งนภานั่น ภายในใจทุกคนต่างสั่นสะท้านและซับซ้อน
สถานการณ์สิ้นหวังอย่างหนึ่ง กลับถูกพลิกผันเพียงชั่วพริบตา ฝีมือระดับนี้เรียกได้ว่าหงายมือเรียกเมฆคว่ำมือเรียกลมแล้ว
“เทพมารหลินคงไม่ถูกโจมตีจนพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!” มีคนพึมพำ
ส่วนพวกมู่เจิ้ง สีหน้าในยามนี้กลับไม่น่าดูผิดธรรมดา
หลินสวินถูกพวกเขามองเป็นมารนอกรีตหมายจะกำจัด ถึงขนาดไม่เสียดายที่จะมอดม้วยไปด้วยกัน แต่ยามนี้ทั้งหมดล้วนไม่แน่นอนแล้ว สิ่งนี้พาให้จิตใจพวกเขาย่ำแย่จนไม่อาจแย่ไปมากกว่านี้แล้ว
“ทุกท่าน ไม่สู้ข้ามด่านเคราะห์ไปพร้อมกับข้าเป็นอย่างไร”
นัยน์ตาดำหลินสวินดุจสายฟ้า มุมปากแต้มรอยยิ้ม กวาดสายตามองพวกมู่เจิ้ง ทั่วร่างแผ่มาดสง่าไร้ทัดเทียมออกมา
หัวใจพวกมู่เจิ้งกระตุกขึ้นมา ลอบอุทานว่าแย่แล้ว!
ทว่าสถานการณ์ไม่อยู่ในการควบคุมของพวกเขาแล้ว ก็เห็นว่าเสียงเพิ่งสิ้นสุด หลินสวินทะยานขึ้นฟ้า เงาร่างดั่งหุบเหวลึก เข้ารับเมฆาเคราะห์บนเวิ้งฟ้านั่น!
ตูม!
ส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ที่งดงามเจิดจ้า พลิกม้วนออกมาเป็นอสนีเคราะห์ที่เหมือนโซ่เทพร้อยระเบียบสายแล้วสายเล่า แต่ละสายแวววาวโปร่งใส พิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์แพรวพราว
เสมือนถูกการกระทำปลุกปั่นของหลินสวินกระตุ้นต่อมเดือด พร้อมๆ กับเสียงกึกก้องสะเทือนเลื่อนลั่นนั้น อสนีเคราะห์เจิดจรัสวาววับสายหนึ่งผ่าฟาดลงมาก่อน
ประหนึ่งโซ่ทัณฑ์สวรรค์ลงมาเยือน หมายจะหวดกระหน่ำปวงมนุษย์!
“มาได้ดี!”
หลินสวินไม่หลบเลี่ยง ทะยานตัวต้อนรับ มหามรรครอบกายสำแดงออกมาเป็นหุบเหวลึก ซัดสะเทือนเข้าปะทะ
ปึง!
ประกายอสนีพุ่งยิง เงาร่างหลินสวินโงนเงน ไหล่ถูกแทงจ้วงเป็นรูกลวงโชกเลือด ผิวหนังไหม้เกรียม
ทว่าด้วยการโคจรของพลังมหามรรคไร้มรณะ อาการบาดเจ็บเพียงเท่านี้ก็หายเป็นปกติในชั่วพริบตา
รอบกายเขาอาบไล้อยู่ท่ามกลางอสนีเคราะห์ที่แหลกสลาย ละอองแสงแผ่ลอย ราวกับเทพมารกรำศึกท้าสวรรค์
ท่าทางเหยียดหยันผงาดกร้าวนั่นทำให้ผู้ฝึกปราณทุกคนที่เห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างพากันอ้าปากค้าง
อสนีเคราะห์ระดับนั้น สะท้านโลกและสูงสุดปานใด ถึงกับถูกต้านเอาไว้ทั้งอย่างนี้เลยหรือ
ตูม โครม โครม!
และพร้อมกันนั้น เคราะห์สวรรค์สิบแปดด่านที่ถูกข่มและจมหายในความเงียบงันบนเวิ้งฟ้านั่น ก็พากันโปรยปรายลงมาในเวลานี้เช่นเดียวกัน
ชั่วขณะนั้นกลางห้วงฟ้าถูกน้ำตกอสนีไหลล้นเติมเต็ม ประหนึ่งกระแสธารแห่งเคราะห์สวรรค์พลิกตัว ทะลักไหลพล่านลงมา
น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
เพียงแค่มองจากไกลๆ ก็พาให้ผู้ฝึกปราณในเมืองตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง จิตของผู้คนมากมายถูกทำให้สะท้านสะเทือน ต่างพากันเพลียแรงทรุดลงพื้นเสียงดังตุ้บ
“บัดซบ!”
“มารนอกรีตสมควรตายนี่!”
พวกมู่เจิ้งกลับเหมือนกระต่ายแตกตื่น ปากสบถสาปแช่งพลางทำการต้านทาน
อสนีเคราะห์ระดับนี้มาเยือน มีหรือพวกเขาจะปลีกตัวไปได้
นี่เดิมทีก็เป็นด่านเคราะห์ของพวกเขา เพียงแต่เวลานี้กลับถูกหลินสวินชักนำแล้ว!
อสนีเคราะห์สิบแปดด่านรวมตัวเบียดแน่นอยู่ในบริเวณเดียวกัน เท่ากับให้พวกเขาสิบแปดคนร่วมกันแบกรับการโจมตีระดับนี้ มีหรือจะต้านทานได้ง่ายๆ ปานนั้น
ช่วงฉุกละหุกพวกมู่เจิ้งแต่ละคนต่างร้องโหยหวน ถูกอสนีเคราะห์ผ่าฟาดจนกอดหัวหนีอุตลุด ร้องครวญไม่สิ้น พยายามสลายพลังสุดชีวิต
สีหน้าของพวกเขาล้วนแปลกพิสดารสุดขีด ต่างมีความรู้สึกอยากร่ำไห้แต่ไร้น้ำตา
พาให้ผู้คนมองดูจนหัวใจแทบกระดอนหลุดคอหอย ตึงเครียดอย่างยิ่งจนจวนจะลืมหายใจ
เพื่อรักษาบาดแผล โอสถสมบัติข้ามด่านเคราะห์ในมือหลินสวินถูกผลาญไปด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
หาใช่เขาไม่แกร่งพอ แต่เพราะด่านเคราะห์ครั้งนี้ก่อขึ้นจากเคราะห์แห่งมรรคราชันสิบแปดด่านและเคราะห์มกุฎราชันซ้อนรวมกัน วิปริตผิดธรรดาเกินไป
ทำให้ผู้คนอดสงสัยไม่ได้ ว่าหากเปลี่ยนเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎคนอื่นๆ เกรงว่าคงถูกกำจัดทิ้งไปนานแล้ว!
“บัดซบ…!”
เดิมทีพวกมู่เจิ้งฮึกเหิม แทบทนไม่ไหวอยากให้หลินสวินถูกผ่าสังหาร แต่ทุกๆ ครั้งหลินสวินมักจะเปลี่ยนร้ายเป็นดี หวนคืนสภาพปกติเสมือนฆ่าไม่ตาย พาให้พวกเขาต่างอัดอั้นจนเกือบเสียสติ
แต่ไม่นานพวกเขาก็ไม่อาจสนใจสิ่งเหล่านี้อีก
เพราะเคราะห์สวรรค์ที่เป็นของหลินสวิน เริ่มแผ่กว้างมาทางพวกเขาแล้ว!
ตูม!
อสนีเคราะห์วาววับรูปร่างคล้ายทวนใหญ่สายหนึ่งพุ่งเข้ามา มู่จิ้งหน้าเปลี่ยนสีทันควัน เขากำลังสาละวนต้านทานเคราะห์สวรรค์ของตนอยู่ ไม่อาจเบี่ยงหลบเลยสักนิด ได้แต่ถูกซัดโครมอย่างจัง
จากนั้น ภาพเหตุการณ์ที่พาให้ผู้คนหนาวสะท้านก็เกิดขึ้น
ต่อให้มู่จิ้งต้านทานสุดชีวิต ก็ยังคงถูกอสนีเคราะห์ทวนใหญ่ฟาดผ่าร่างจนระเบิดกลายเป็นเถ้าธุลี!
“ไม่…!”
พวกมู่เจิ้งตาแทบถลน หางตาล้วนหลั่งเลือด
ถึงจะบอกว่าตั้งใจให้วายวอดกันทั้งสองฝ่ายตั้งแต่แรก ทว่ายามเมื่อความตายมาเยือนอย่างแท้จริง พวกเขากลับยังคงยากจะทำใจยอมรับอยู่ดี
และในที่สุดผู้ฝึกปราณในเมืองต่างก็ตระหนักได้ว่าหลินสวินนั้นวิปริตปานใด มู่จิ้งถูกซัดสะเทือนดุจเศษกระดาษ แต่เขาที่เอาแต่ต้านทานและกรำศึกอสนีเคราะห์ระดับนี้ นี่ยังไม่เรียกว่าวิปริตอีกหรือ
ปึง!
พร้อมๆ กับเสียงร้องโหยหวนหนึ่งครา ภิกษุจีวรดำคนหนึ่งก็ถูกซัดสังหารไปอีกคน ชั่วอึดใจร่างและวิญญาณล้วนดับสูญ ฝุ่นคลุ้งควันโขมง!
หาใช่พวกเขาไม่แกร่งพอ หากแต่อสนีเคราะห์ครานี้สำหรับหลินสวินและพวกเขาล้วนเหมือนกัน เป็นอสนีเคราะห์สิบแปดด่านและเคราะห์มกุฎราชันซ้อนรวมเข้าด้วยกัน!
จะให้พวกเขาต้านไหวได้อย่างไร
นี่คือสถานการณ์สิ้นหวัง หนียังหนีไม่รอด ได้แต่สู้ไม่คิดชีวิต!
ต่อให้พวกมู่เจิ้งเห็นความตายดุจคืนสู่เหย้า ทว่าเวลานี้ ในใจก็อดเศร้าสลดไม่ได้เช่นกัน รู้สึกสิ้นหวังและชิงชังอย่างไร้ที่สิ้นสุด
หากรู้เช่นนี้แต่แรก พวกเขาย่อมไม่เลือกทำเช่นนี้เป็นอันขาด!
น่าเสียดาย นึกเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์
กรรมสนองกรรม บางทีอาจนำมาใช้อธิบายสภาพพวกเขาในยามนี้ได้
ปึง! ปึง! ปึง!
เวลาต่อมาผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์คนแล้วคนเล่าถูกซัดสังหาร ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิง แม้แต่โอกาสจะตกสู่ระดับกึ่งราชันยังไม่มี
ผู้คนภายในเมืองต่างอดทอดถอนใจไม่ได้ ก่อกรรมทำเข็ญเอง ไม่อาจหนีพ้นหนอ!
………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์