ฉัวะ!
กระถางสมบัติที่วิวัฒน์จากอสนีเคราะห์สายหนึ่งลงมาเยือน แวววาวโปร่งใส แผ่กลิ่นอายทำลายโลก
“ไม่…!”
มู่เหิงคำราม หันตัวหมายจะเผ่นหนี
เพียงแต่ภายใต้เคราะห์สวรรค์ มีแต่ต้องประจันหน้ากับความยากลำบากเท่านั้นจึงจะมีโอกาสข้ามด่านเคราะห์ เตลิดหนีรังแต่จะยิ่งตายอนาถกว่าเดิม
ปึง!
มู่เหิงร่างระเบิดเป็นจุณ ฝุ่นคลุ้งควันโขมง
หากเป็นตอนปกติ อาศัยรากฐานพลังและพรสวรรค์ของพวกเขาสิบแปดศิษย์กษิติครรภ์ มหาเคราะห์มรรคราชันไม่อาจต้านพวกเขาได้สักนิด
ที่น่าเสียดายคือสภาพการณ์ในวันนี้ผิดธรรมดาเกินไปจริงๆ
มหาเคราะห์มรรคราชันสิบแปดด่าน ซ้ำยังมีเคราะห์ระดับมกุฎราชันเพิ่มมาอีกหนึ่ง ทั้งหมดล้วนปิดครอบฟ้าดินทั้งแถบ อย่าว่าแต่พวกเขาเลย เปลี่ยนเป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎคนใดๆ กลัวแต่คงยากจะต้านทานกันทั้งสิ้น!
มู่เจิ้งทุกข์ตรมจนเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองถึงขีดสุด แหงนหน้าขึ้นฟ้าคำรามลั่นไม่สิ้น ชิงชัง เคืองขุ่น ไม่ยินยอม คับแค้น… ความรู้สึกต่างๆ นานากระตุ้นจิตใจ
“หรือจะเป็นกรรมสนองกรรมจริงๆ”
เสียงของมู่เจิ้งเหมือนสัตว์ร้ายที่จนตรอกกำลังคำรามลั่น
ผู้ฝึกปราณในเมืองต่างสังเวชใจ นึกถึงก่อนหน้านี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นอริกับเทพมารหลิน แทบจะไม่มีสักคนที่ได้ตายดี!
เหมือนอย่างเผ่าอีกาทอง สำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร เขาวิญญาณหมื่นอสูร ไม่มีใครไม่เป็นเช่นนี้
และตอนนี้ สิบแปดศิษย์กษิติครรภ์นี่ก็จบเห่อย่างเห็นได้ชัดแล้ว!
ย้อนกลับไปมองหลินสวิน ยังคงต่อสู้ดุเดือด อานุภาพดุจดั่งเทพมาร มีพลานุภาพดุจข้าอยู่เหนือทุกผู้คน พลิกฟ้าตัดวิถี กร้าวแกร่งจนพาให้คนใจสะท้าน
เมื่อเทียบกันสองฝ่ายแล้ว นี่จะไม่ให้ผู้คนปลงตกได้อย่างไร
ไม่นาน สิบแปดศิษย์กษิติครรภ์ก็ถูกฆ่าไปสิบเจ็ดคน เหลือเพียงมู่เจิ้ง!
เขาในยามนี้จนตรอกสิ้นสภาพ
เขาละทิ้งการต่อต้าน ราวกับศพเดินได้ที่มึนชา เงยหน้ามองหลินสวินที่อยู่จุดสูงกว่า ในหัวผุดหนึ่งประโยคขึ้นมา
‘ตราบใดที่ข้าหลินสวินยังมีชีวิตอยู่ สักวันหนึ่ง บนโลกนี้จะไม่มีอารามกษิติครรภ์อีก!’
ตูม!
และพร้อมกันนั้น อสนีสายหนึ่งฟาดเปรี้ยงลงกลางใจ เบื้องหน้ามู่เจิ้งดำมืดทั้งแถบ สูญเสียจิตสำนึกไปแล้ว
ก่อนสิ้นใจ ภายในใจมีแต่ความคิดนั้น หากเจ้าหมอนั่นยังอยู่ อารามกษิติครรภ์ในภายภาคหน้าก็จะไม่สงบสุขอีกต่อไป…
ถึงตอนนี้สิบแปดศิษย์อารามกษิติครรภ์ต่างวิญญาณกระเจิงจิตแตกซ่าน ถูกมหาเคราะห์กวาดสังหาร!
สิ่งนี้พาให้ผู้คนใจสะท้าน โดยเฉพาะผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่พวกนั้น แต่ละคนทั้งตกใจทั้งกลัว ขวัญเสียอย่างสิ้นเชิง
สถานการณ์สิ้นหวังเช่นนี้ หลินสวินไร้อันตราย ตรงกันข้ามสุดท้ายกลับส่งสิบแปดศิษย์อารามกษิติครรภ์สู่ความตาย นี่จะไม่ให้ผู้คนหวาดผวาได้อย่างไร
หากรู้ถึงหูอารามกษิติครรภ์ว่าสิบแปดศิษย์รุ่นนี้ล้วนตายไปทั้งอย่างนี้ จะคิดอย่างไรกัน
ตูม!
บนเวิ้งฟ้าอสนีเคราะห์ยังคงเดือดปะทุต่อเนื่อง โชติช่วงแพรวพราว พร่าตาไร้ทัดเทียม
เห็นได้รางๆ ว่าเงาร่างหลินสวินบุกทะลวงอยู่ในนั้น ดุจเทพสงครามผู้พลิกฟ้าไร้พ่าย จนบัดนี้ยังไม่เคยถูกซัดปราชัย
หลังการตายของสิบแปดศิษย์กษิติครรภ์ อสนีเคราะห์สิบแปดด่านนั่นกลับไม่ได้สลายไปอย่างน่าแปลก หากแต่ล้วนพุ่งเป้าไปทางหลินสวิน
นี่ก็คือผลที่ตามมาของการก่อกวนด่านเคราะห์
ก่อนหน้านี้ยามที่หลินสวินถูกกักขัง สาเหตุที่ไม่เลือกทลายวงล้อม ถึงขนาดไม่เคยเฉียดใกล้สิบแปดศิษย์กษิติครรภ์ ก็เพราะกลัวว่าจะไปกระทบโดนด่านเคราะห์ที่พวกเขาชักนำมา
แต่ยามนี้ เขาไร้ทางให้ถอยหนีแล้ว
ชนะ บรรลุราชัน!
แพ้ ตาย!
ไม่มีทางที่สองให้เลือก
เปรี้ยง!
หลินสวินถูกผ่ากระเด็นอีกครั้ง ทั่วร่างปรากฏควันเขียว ผิวหนังปริแตกไหม้เกรียม อนาถจนทนมองไม่ได้
ทว่านัยน์ตาของหลินสวินกลับเปลี่ยนเป็นวาววับ เขาสัมผัสได้ว่าท่ามกลางการต่อสู้ระดับนี้ ฐานมรรค สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณแห่งตนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจ
เขากลืนโอสถสมบัติข้ามด่านเคราะห์ไปพลางเงยหน้าขึ้น เมฆาเคราะห์บนเวิ้งฟ้าพลิกตลบ ดำทะมึนหาใดเปรียบ
อันตรายแท้จริงมาถึงแล้ว!
หลินสวินสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง สัมผัสได้อย่างว่องไวว่ากลิ่นอายในเมฆาเคราะห์กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ตูม!
ฉับพลันอสนีเคราะห์แพรวพราวนับพันนับหมื่นพุ่งยิง ตอนที่ร่วงจากเวิ้งฟ้าถึงกับวิวัฒน์เป็นสิ่งมีชีวิตนับพันหมื่นตัว
มีนกเซียนอาบไล้แสงอสนีกระพือปีกร่ายระบำ มีสัตว์ปีศาจลำตัวดั่งภูเขาถือกระชับทัณฑ์อสนี คำรามลงมาราวกับทัพใหญ่ เบียดเสียดทั่วเวิ้งฟ้าแถบนั้น
“สวรรค์!”
ทั้งในและนอกเมืองทุกคนล้วนตาเกือบกลิ้งหลุดออกจากเบ้า นี่ยังจะให้ทางรอดแก่ผู้อื่นอีกหรือ
“ฆ่า!”
ไม่อาจคิดมาก หลินสวินส่งเสียงคำรามยาวออกมาแล้วเข้าปะทะรับศึก ต่อต้านสุดความสามารถ ปลดปล่อยพลังแห่งตนออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ยั้งมือแม้แต่เสี้ยวเดียว
นี่คือมรรคาของเขา แตกต่างจากโลกหล้า ผิดจากอดีตกาล ทั้งหมดล้วนลิขิตไว้แล้ว มหาเคราะห์ที่เขาเผชิญหน้าก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน
แม้จะงัดทุกสิ่งที่มี แต่ไม่ทันไรหลินสวินเองก็ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายแตกเป็นริ้ว เส้นผมล้วนไหม้เกรียมหลุดขาด
เมื่อถึงตอนสุดท้าย ขนาดแกนกระดูกยังแตกหัก อวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัส ประสบอันตรายอย่างใหญ่หลวง
เคราะห์มกุฎราชันระดับนี้ ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน!
น่าสะพรึงเกินไป!
แต่ขณะเดียวกันหลินสวินเองก็รับรู้ได้ว่า ท่ามกลางอสนีเคราะห์นั่นซุกซ่อนแก่นมหามรรคที่เดือดพล่านไร้ทัดเทียมเอาไว้ ขอเพียงถูกซัดทลายก็จะถูกตนดูดซับไว้ได้
“ฆ่า!”
หลินสวินไร้ทางให้เลือก กำลังสู้สุดชีวิต ต่อสู้ต้านทานไม่หยุด
ฝึกปราณจนบัดนี้ เขาผ่านเคราะห์สังหารเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาไม่รู้เท่าไร ผงาดขึ้นท่ามกลางการเคี่ยวกรำโชกเลือด ความสำเร็จทุกประการล้วนได้มาจากการพึ่งตัวเองทั้งสิ้น
เคราะห์สวรรค์ในยามนี้อาจเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์ อดีตปัจจุบันล้วนไม่เคยมี แต่หลินสวินกลับไม่กลัวสักนิด
บาดแผลบนตัวเขายิ่งสาหัสขึ้นเรื่อยๆ แต่สารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณของเขากลับหลอมรวมในระดับสูงขึ้น มรรควิถีภายในกายฟูมฟักสารพลังมหามรรค แผ่พลังชีวิตที่พลุ่งพล่านออกมา
ประหนึ่งเตาเพลิงแกร่งกล้าบดสลายสิ่งแปลกปลอมจนมีเพียงแก่นแท้ สามารถหลอมรังสรรค์กระบี่สมบัติที่คมกริบและแข็งแกร่งที่สุดออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์