ฟู่!
หลินสวินพ่นลมหายใจขุ่นออกมาเฮือกหนึ่ง ทันใดนั้นก็ยิงฟันอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อกี้นี้เขาเพิ่งผ่านการต่อสู้อันโหดร้ายลำเค็ญหาใดเทียบครั้งหนึ่ง คู่ต่อสู้เป็นยุงโลหิตหกปีกที่พิสดารฝูงหนึ่ง
พวกมันแต่ละตัวมีขนาดเท่ากำปั้น ปากเรียวแหลมเหมือนคมมีดแหลมคม เสียงร้องหึ่งราวสายฟ้า ดังสะท้านโครมครามน่าอกสั่นขวัญแขวน
อีกอย่างยุงโลหิตหกปีกเหล่านี้ปรากฏตัวเป็นฝูง ไม่เพียงรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ หนำซ้ำยังพ่นเปลวเพลิงพิษร้ายแรงสีเขียวหม่นออกมาได้ด้วย
หากถูกมันกัดเข้า สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั้งร่างจะถูกกัดกินในชั่วพริบตา ร้ายกาจและน่ากลัวนัก
ด้วยพลังต่อสู้ของหลินสวินในตอนนี้ ยังถูกยุงโลหิตหกปีกฝูงนี้โจมตียับเยินไม่ว่างเว้น ในที่สุดก็เลือกหลบหนีอย่างจนใจ
ไม่มีเหตุอื่น นอกจากยุงโลหิตหกปีกฝูงนี้มีมากเกินไปแล้ว ฆ่าเท่าไรก็ไม่หมด
หลินสวินในตอนนี้ตัวไหม้ดำไปหมด บนร่างมีโพรงเลือดที่ถูกกัดไปรอยแล้วรอยเล่า โลหิตหายไปเกินครึ่ง สะบักสะบอมยิ่งนัก
นี่ยังถือว่าเบา เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนตั้งแต่เข้ามาในแดนอัคคีทักษิณนี้ เขาประสบอันตรายทำนองนี้มาอย่างน้อยสิบกว่าครั้งแล้ว!
หลายครั้งล้วนเป็นการเอาชีวิตแขวนไว้บนเส้นด้าย อันตรายเกิดขึ้นไม่ว่างเว้น!
สถานที่เลวร้ายเช่นนี้ หลินสวินอยู่มาพอแล้วจริงๆ อยากรีบจากไปให้เร็วที่สุด
ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงสนทนาดังขึ้นในที่ไกลออกไป แค่คิดก็รู้ว่าในใจหลินสวินจะตื่นเต้นและดีใจขนาดไหน
เขาไม่ลังเล เข้าไปใกล้ที่นั่นทันใด
……
“ไม่อย่างนั้นพวกเรากลับกันดีกว่าไหม ที่นี่เป็นถึง ‘เขตต้องห้ามแม่น้ำนรก’ อริยะยังไม่กล้าเข้ามายุ่มย่าม น่าขนลุกเกินไปแล้ว”
ในป่าโบราณมืดมิด หญิงสาวกระโปรงขาวผู้หนึ่งออกจะวิตก นางมีรูปลักษณ์งดงาม หางคิ้วราวจันทรา มีนามว่ารุ่ยม่านหรง
ข้างกายนางยังมีพรรคพวกห้าหกคน ล้วนเป็นผู้สืบทอดจากเขาวิญญาณหมื่นอสูร
ผู้ที่เป็นหัวหน้าคือชายสวมชุดแขนกว้างคาดเข็มขัดเส้นใหญ่ สีหน้าเย่อหยิ่งอวดดีผู้หนึ่ง มีนามว่าอู่ลิ่วเทา บรรลุราชันตั้งแต่อยู่ในสามพันแดนแล้ว
เมื่อได้ยินวาจา อู่ลิ่วเทาก็ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แล้วทุกคนว่าอย่างไร”
ในใจเขาก็ออกจะขนลุกเช่นกัน เขตต้องห้ามแม่น้ำนรก ที่นี่เป็นถึงหนึ่งในเขตต้องห้ามน่ากลัวที่สุดซึ่งเป็นที่รู้กันในแดนอัคคีทักษิณ!
“ข้าคิดว่าศิษย์พี่รุ่ยพูดถูก ที่นี่อันตรายเกินไปแล้ว แม้เป็นไปได้ว่าเทพมารหลินผู้นั้นจะปรากฏตัวที่นี่ เกรงว่าก็คงไม่อาจรอดชีวิตออกมาได้!”
คนอื่นต่างพยักหน้า
พวกเขาวนเวียนอยู่แถวนี้มาจะหนึ่งเดือนแล้ว ไม่กล้าเข้าไปลึก
แม้เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกหวาดหวั่นและระทึกขวัญอย่างยิ่งอยู่เป็นนิตย์ ทำให้จิตใจของพวกเขาจะรับไม่ไหวแล้ว
“ไอ้เทพมารหลินเวรนี่ ทำไมถึงตอนนี้ยังไม่พบร่องรอยมันอีกนะ คงไม่ใช่ว่ามันคาดการณ์ได้ว่าพวกเรากำลังหามันอยู่ เลยเลิกล้มความคิดที่จะเข้ามาในแดนเก้าบนใช่ไหม”
อู่ลิ่วเทานิ่วหน้า
ตามที่สันนิษฐานไว้ ผู้แข็งแกร่งที่เข้ามาจากช่องทางแดนเผาเซียนล้วนแต่ปรากฏตัวในแดนอัคคีทักษิณทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ผ่านไปจะหนึ่งเดือนแล้ว กลับยังไม่พบร่องรอยของหลินสวินจนถึงตอนนี้ นี่ทำให้ทุกคนไม่อาจไม่ประหลาดใจ
“ข้าคิดว่าหากเขาไม่ตายไปนานแล้วก็ไม่กล้าเข้ามาแล้ว!”
“ใช่ ในแดนอัคคีทักษิณตอนนี้ มีขุมอำนาจใหญ่ไม่รู้เท่าไรกำลังเสาะหาร่องรอยของเขาอยู่ ขอเพียงเขากล้าปรากฏตัว ก็ต้องถูกล้อมกำราบทันที!”
ยามพูดถึงหลินสวิน สีหน้าของชายหญิงเหล่านี้ล้วนเผยให้เห็นความแค้นอย่างไม่ปิดบัง
“ช่างเถอะ พวกเรากลับเถอะ แดนอัคคีทักษิณแห่งนี้ไม่สงบนัก ต่างจากแดนเผาเซียนโดยสิ้นเชิง มีผู้สืบทอดจากขุมอำนาจชั้นเลิศมากมายเข้ามา”
อู่ลิ่วเทาตัดสินใจ “แม้ศิษย์พี่เวินเอ้าไห่บรรลุเป็นระดับมกุฎราชันแล้ว แต่เพียงอาศัยคนเดียวก็ทำได้แค่ปกป้องพวกเราเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องเขาวิญญาณหมื่นอสูรไม่ให้ถูกรังแก ดังนั้นพวกเราก็ต้องเพิ่มพลังที่แท้จริงโดยเร็วที่สุด”
เวินเอ้าไห่!
บุตรเทพคนปัจจุบันของเขาวิญญาณหมื่นอสูร ทันทีที่เข้ามาในแดนอัคคีทักษิณก็เข้าไปในถ้ำสถิตลี้ลับแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ ได้มหาศุภโชคเย้ยฟ้าชิ้นหนึ่งมา บรรลุเป็นระดับมกุฎราชันในคราวเดียว!
นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้ใครก็คิดไม่ถึง เหมือนกับปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่ง
และปาฏิหาริย์เช่นนี้ แทบจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกพื้นที่ของแดนเก้าบนช่วงเกือบหนึ่งเดือนมานี้
ผู้ที่ได้เป็นราชันปรากฏตัวขึ้นเป็นดอกเห็ด ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครมและเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไร
คนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้เป็นราชันทั่วไป
ผู้ที่ล้มเหลวก็เห็นได้มากมาย ที่เบาหน่อยก็กลายเป็นระดับกึ่งราชัน ที่หนักหน่อยก็ขวัญหลุดลอยสติแตกกระเจิงไป
ในกลุ่มนั้นไม่ขาดสัตว์ประหลาดยุคโบราณที่ได้รับการยกย่อง ล้มเหลวระหว่างข้ามด่านเคราะห์มกุฎ ถูกมหาเคราะห์ขจัดไป
การเก็บตัวเงียบ อดทนซ่อนเร้นและรอคอยมายาวนาน สุดท้ายก็สูญเปล่า!
นี่ก็คือการต่อสู้ช่วงชิงมหามรรค ไม่อาจทะลวงผ่านความเป็นตาย ก็ไม่อาจข้ามด่านเคราะห์ไปได้!
พวกอู่ลิ่วเทาได้เห็นภาพทำนองนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า จากความสั่นสะท้านในตอนแรก ตอนนี้ได้กลายเป็นเห็นจนชินตาแล้ว
ในแดนเก้าบนแห่งนี้แม้มีศุภโชคเย้ยฟ้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครก็ผงาดขึ้นมาได้อย่างสบาย!
กลับกัน เมื่อเทียบกับสามพันแดน แดนเก้าบนอันตรายยิ่งกว่า การแข่งขันก็ดุเดือดยิ่งกว่า
พูดอย่างไม่เกินเลยได้ว่า ความตายมีขึ้นทุกเมื่อ!
พวกอู่ลิ่วเทาไม่ร่ำไรอีก หันกายถอนตัว
เห็นความตายและการนองเลือดมามากยิ่งทำให้พวกเขาเข้าใจถึงความล้ำค่าของการมีชีวิตอยู่ เขตต้องห้ามแม่น้ำนรกแห่งนี้น่ากลัวนัก พวกเขาไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าไปสืบหาในนั้นถึงที่สุด
เพียงแต่พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่า ในความมืดมีเงาร่างสายหนึ่งกำลังตามออกไปกับพวกเขาด้วย
‘มิน่าล่ะที่บ้าๆ นี่ถึงวิปริตแบบนี้ ที่แท้ก็เป็นเขตต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปลึก…’
มุมปากหลินสวินกระตุก
จากการสนทนาของพวกอู่ลิ่วเทา ทำให้หลินสวินรู้แล้วว่าสถานที่ที่ตนโลดแล่นไปมาในช่วงหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้เป็นเขตต้องห้ามที่อันตรายเช่นไร
ก็ไม่รู้ว่าควรจะยอมรับว่าตนโชคร้ายหรือรู้สึกว่าตนโชคดีกันแน่
สองชั่วยามผ่านไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์