Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1188

สิบวันต่อมา

หลินสวินยืนอยู่หน้าบ้านหิน ดวงตาจับจ้องไปที่ดอกตูมหนึ่งเดียวที่ห้อยอยู่บนกิ่งต้นไม้เทพดาราราย

มันบานออกเกินครึ่งแล้ว รัศมีเทพราวธารดาราไหลวนออกมา กลิ่นหอมเย็นสดชื่น ลายมรรคริ้วแล้วริ้วเล่าบนกลีบดอกไม้ชัดเจนจนมองเห็นได้

พอจะมองเห็นคนตัวเล็กคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิเหมือนกำลังฝึกปราณอยู่รางๆ ผ่านประกายแสงที่อบอวลไปทั่วเกสรดอกไม้ มีเสียงท่องธรรมดังขึ้น

หลินสวินฝึกปราณจนกระทั่งตอนนี้ ยังเพิ่งเคยเห็นโอสถเทพเป็นครั้งแรก ยิ่งรู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของวัตถุดิบวิญญาณชิ้นนี้ ประหนึ่งเทียมเทพ มีจิตวิญญาณ

ในถ้ำแร่ที่อยู่ไกลออกไป เห็นได้ชัดว่าพวกเมิ่งอิงหวายอมรับความพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีความคิดแปรพักตร์ ทุ่มเทขุดแร่เป็นพิเศษ

จนถึงตอนนี้ก็ขุดทองเทพสมประสงค์ให้หลินสวินได้เกือบยี่สิบจินแล้ว!

หากอยู่ในโลกภายนอก เพียงพอจะทำให้อริยะน้ำลายไหลได้

อย่างไรเสียทองเทพสมประสงค์ก็เป็นทั้งเจตวัตถุหายากที่ใช้หลอมยอดศาสตรามรรคราชัน และยังเป็นวัตถุดิบเสริมในการหลอมสมบัติอริยะได้ด้วย มูลค่าน่าตกใจหาใดเทียบ

หลินสวินไม่คิดอะไรต่ออีก เดินกลับไปบ้านหินอีกครั้ง

ในช่วงเวลาสิบวันนี้เขาได้ทะลวงแก่นมรรคธาตุน้ำถึงระดับระเบียบมรรค และกำลังจะบรรลุแก่นมรรคธาตุไฟแล้ว

หลินสวินคร่ำเคร่งกับพลังมหามรรคสองชนิดนี้มานานแล้ว กอปรกับได้ ‘มรรคพ้องดั่งใจ’ ช่วยเสริม การบรรลุจึงเป็นเรื่องที่ควรทำได้อย่างสมเหตุสมผลอยู่แล้ว

สำหรับมหามรรคเจินหลงกับมรรคดับดารากลืนกินกลับก้าวหน้าได้ช้า มหามรรคทั้งสองชนิดนี้ต่างแข็งแกร่งและอัศจรรย์ยิ่ง เมื่อหยั่งรู้จึงยากกว่ามหามรรคทั่วไปมาก

แต่หลินสวินก็ไม่รีบร้อน การหยั่งรู้ปริศนานัยเร้นลับมหามรรค เดิมก็เป็นสิ่งที่ต้องเก็บเล็กผสมน้อย รีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์

……

ในป่ารกร้างผืนหนึ่งที่ห่างจากเขาดารารายไปไกลลิบ เงาร่างคนกลุ่มหนึ่งปรากฏอย่างเงียบเชียบ

“ศิษย์พี่ลี่ ที่นั่นคือเขาดาราราย ถือเป็น ‘แดนมงคลน้อย’ แห่งหนึ่งที่อยู่ในแดนอัคคีทักษิณ ดูจากบรรยากาศของมันแล้ว ข้างใต้ต้องมีชีพจรปราณวิญญาณดั้งเดิมสายหนึ่งซ่อนอยู่ บนภูเขายังเป็นไปได้สูงยิ่งที่จะมีโอสถเทพที่แท้จริงด้วย”

ชายหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งดวงตาวาวโรจน์ เจือไปด้วยแววละโมบ

“สิบกว่าวันก่อนข้าสืบมาแน่ชัดแล้วว่า ผู้ที่ยึดครองเขาลูกนี้ก็คือผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูร มีเพียงระดับมกุฎราชันคนหนึ่งนามว่าเวินเอ้าไห่ควบคุมดูแล”

“พูดได้ว่าด้วยพลังของพวกเราสำนักเพลิงมืด หากทุ่มเทพลังทั้งหมดก็เพียงพอจะโจมตีเขาลูกนี้ได้!”

เมื่อชายหนุ่มชุดดำพูดคำนี้ออกมา ทุกคนต่างแววตาไหววูบ แสดงความฮึกเหิมออกมา

ในโลกภายนอก รากฐานพลังของสำนักเพลิงมืดไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาวิญญาณหมื่นอสูร

แต่ที่น่าอึดอัดก็คือ กระทั่งตอนนี้กลับยังยึดครองอาณาเขตไม่ได้สักที่

เหตุผลก็ง่ายดาย ในแดนอัคคีทักษิณมี ‘แดนมงคลน้อย’ หลักร้อยแห่ง ‘แดนมงคลใหญ่’ สี่ห้าแห่ง แต่ถูกขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ยึดครองไปนานแล้ว

โดยเฉพาะขุมอำนาจที่ยึดครอง ‘แดนมงคลใหญ่’ เหล่านั้น รากฐานพลังแต่ละกลุ่มต่างน่ากลัวกว่าอีกกลุ่ม มีระดับมกุฎราชันมากมายบัญชาการ

ถ้าผู้สืบทอดสำนักเพลิงมืดเหล่านี้ต้องการตั้งหลักที่แดนอัคคีทักษิณ ก็ต้องรีบสะสางปัญหาเรื่องที่ปักหลักให้ได้โดยเร็วที่สุด หาไม่แล้วในช่วงแปดเก้าปีต่อไปจะต้องถูกขุมอำนาจอื่นทิ้งห่างแน่

“ข้อมูลสืบมาแน่ชัดแล้วหรือ”

ข้างกายชายหนุ่มชุดดำ ชายร่างผอมบางรูปลักษณ์อ่อนโยน ผิวพรรณขาวสะอาด มีดวงตาหงส์ผู้หนึ่งเอ่ยปาก เสียงทุ้มต่ำแหบแห้ง

ลี่ซั่งสุ่ย!

ระดับมกุฎราชันผู้หนึ่งของสำนักเพลิงมืด แม้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดยุคโบราณ แต่ก่อนเป็นราชันก็เป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎที่มีชื่อมานานผู้หนึ่ง

“ศิษย์พี่ลี่วางใจได้ ไม่ผิดพลาดแน่นอน ข้าเอาชีวิตเป็นประกันได้!”

ชายหนุ่มชุดดำสาบานเป็นมั่นเหมาะ

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เช่นนั้นก็… ลงมือเถอะ!”

ลี่ซั่งสุ่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ประเดี๋ยวให้ข้าเป็นหัวหอกไปจัดการเวินเอ้าไห่ผู้นั้น ส่วนพวกเจ้าไปสู้กับผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูรคนอื่น จำไว้ ต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มี รีบรบรีบจบ!”

ทุกคนรับคำเสียงกึกก้อง

ครู่ต่อมาพวกเขาร่างพวกเขาก็พริบไหว พุ่งออกไปยังเขาดาราราย

ในแดนอัคคีทักษิณมีการปะทะนองเลือดทำนองนี้เกิดขึ้นทุกวัน เพื่อช่วงชิงแดนมงคลเขาวิญญาณ ขุมอำนาจต่างๆ จากดินแดนรกร้างโบราณจึงช่วงชิงความเป็นหนึ่งอย่างดุเดือด

ตูม!

ทันทีที่มาถึงเงาร่างของลี่ซั่งสุ่ยก็ปรากฏ เรียกขวานศึกที่มีแสงเงินหลั่งไหลออกมาเล่มหนึ่ง ตวัดมือซัดไปยังเขาดารารายอย่างแรง

ทันใดนั้นผนึกต้องห้ามที่ปกคลุมเหนือภูเขาก็ปั่นป่วนอย่างหนักหน่วง

ขวานศึกสีเงินเจิดจ้าเล่มนี้แข็งแกร่งถึงที่สุด พลานุภาพที่แผ่ออกมาเหนือกว่าสมบัติระดับราชันทั่วไปไปไกล

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นยอดศาสตรามรรคราชันที่ตัวลี่ซั่งสุ่ยหล่อเลี้ยงขึ้นมา!

พวกเมิ่งอิงหวาตื่นตระหนก วิ่งออกมาจากในถ้ำแร่ด้วยสีหน้าฉงน ใครกล้าขนาดนี้ ถึงกับกล้าโจมตีเขาดารารายด้วย

ทันใดนั้นพวกเขาถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปนานแล้ว เวินเอ้าไห่ตายไปแล้ว พวกเขาผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูรได้กลายเป็นฝูงมังกรไร้หัว ตอนนี้ต่างพึ่งพิงเทพมารหลินผู้เดียว

“เวินเอ้าไห่ ถ้ากล้าจริงก็ออกมาสู้กันสักตั้ง!”

ห้วงอากาศไกลออกไป เสียงของลี่ซั่งสุ่ยอ่อนหวาน แต่กลับดังก้องไปทั่วฟ้าดิน

โครม!

ยามพูดจาขวานศึกสีเงินยวงเล่มนั้นก็ฟันลงมาอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลใหญ่ที่ปกป้องภูเขาส่งเสียงระเบิด สั่นคลอนจะทลายลงมา

นี่ทำให้พวกเมิ่งอิงหวาตื่นตระหนกระคนโกรธเคือง รับรู้ได้ว่าคนกลุ่มนี้แจ้นมาชิงอาณาเขต!

“หากไม่ออกมาอีกก็อย่าโทษที่ข้าทำลายค่ายกลนี่ทิ้งก็แล้วกัน แต่ถึงตอนนั้นเกรงว่าบนเขาดารารายแห่งนี้คงจะนองเลือดไปทั่วแล้ว!

อานุภาพจู่โจมของลี่ซั่งสุ่ยรุนแรงอย่างยิ่ง ประหนึ่งเทพองค์หนึ่ง ควบคุมขวานศึกฟาดฟันลงมา อานุภาพสะท้านใจ

“เวินเอ้าไห่ไม่อยู่ พวกเจ้ามีธุระอะไรก็พูดมาตรงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์