ในบ้านหิน หลินสวินมองดูกล่องหยกในมือ ดวงตาฉายแววประหลาด
ภายในกล่องหยกมีผลเทพขนาดเท่ากำปั้นลูกหนึ่งวางไว้ แสงดาวมายาไหลวน กลิ่นหอมเตะจมูก
ยามพินิจดูอย่างละเอียด บนเปลือกโปร่งใสเปล่งปลั่งของผลเทพนั้นมีลายมรรคลี้ลับสายแล้วสายเล่ากำลังเคลื่อนไหว เหมือนไส้เดือนงอตัว ลึกลับอัศจรรย์
มันเหมือนหายใจได้ ประกายแสงเดี๋ยวดับเดี๋ยวสว่าง มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
ผลดาราราย!
สิ่งนี้เป็นโอสถเทพที่แท้จริงชนิดหนึ่ง!
ในสมองของหลินสวินอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพยามผลดารารายนี้สุกเมื่อหลายวันก่อน
บนไม้เทพดารารายที่โล้นเตียนเหมือนฉิวหลงขดตัว กลีบดอกไม้แต่ละกลีบปล่อยแสงสว่างแผ่กว้าง เสียงเทพกึกก้องดั่งกระแสน้ำดังขึ้น
จากนั้นต้นไม้เทพทั้งต้นก็เกิดเพลิงไหม้โหมกระหน่ำ แปรสภาพเป็นเถ้าธุลี มีเพียงผลดารารายขนาดเท่ากำปั้นผลหนึ่งลอยกลางอากาศ เก็บเอาเพลิงเทพเต็มฟ้าเข้าไป
เดิมมันเหมือนจะท่องหนีไปในอากาศเหมือนมีชีวิตจิตใจ แต่กลับถูกหลินสวินที่เตรียมพร้อมโจมตีไว้ก่อนจับมาผนึกไว้ได้
แต่ก่อนหลินสวินไม่เคยคิดอย่างเด็ดขาดว่าโอสถเทพชิ้นหนึ่งจะมีจิตวิญญาณอัศจรรย์เช่นนี้เหมือนสิ่งมีชีวิต
หลินสวินสูดหายใจลึกแล้วเก็บกล่องหยกลงไปอีกครั้ง
ไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับราชันผู้ใดจะนำโอสถเทพมาฝึกปราณ รวมถึงหลินสวินเองก็จะไม่ทำเรื่องเสียของเช่นนี้เหมือนกัน
และมีเพียงยามข้ามด่านเคราะห์อมตะเท่านั้น โอสถเทพถึงจะมีประโยชน์สูงสุด
“มีธุระหรือ”
หลินสวินผลักประตูออกไปก็เห็นลี่ซั่งสุ่ยรออยู่ก่อนแล้ว
‘ขุมอำนาจที่ยอมจำนนให้เขาดารารายของพวกเราเหล่านั้นไม่อยู่ในรูปในรอยมากขึ้นแล้ว รวมตัวอยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัวเป็นประจำ เป็นไปได้สูงมากที่จะวางแผนอะไรอยู่’
ลี่ซั่งสุ่ยลังเลเล็กน้อย แล้วสื่อจิตออกไป
หลินสวินยิ้มให้แล้วพูดว่า “ข้ารู้”
เขาดารารายในตอนนี้ นอกจากผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูรกับสำนักเพลิงมืด ยังมีขุมอำนาจใหญ่อีกห้ากลุ่มอยู่ร่วมด้วย
สาเหตุที่ขุมอำนาจเหล่านี้ยอมจำนน ก็เป็นเพราะมองหลินสวินเป็นที่พึ่งพิงเท่านั้น ไม่ได้ภักดีและพร้อมรับใช้จริงๆ
พูดได้ว่าหากตอนนี้หลินสวินต้องการให้พวกเขาถวายชีวิตไปต่อกรกับขุมอำนาจอื่น รับรองว่าไม่มีใครเชื่อฟังคำสั่งเขาแน่
หากเพียงเท่านี้ก็ช่างเถอะ ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ไม่ถือว่ามีผลกระทบอะไร
แต่หากมีคนคิดไม่ซื่อ ต้องการวางแผนไม่ทำตามกฎ นี่ก็เป็นสิ่งที่หลินสวินทนไม่ได้
“พี่หลิน ท่าน… คิดจะทำเช่นไร” ลี่ซั่งสุ่ยถามอย่างอดไม่ได้
หลินสวินครุ่นคิดครู่หนึ่ง พลันเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าเป็นศัตรูของข้า หลังจากรู้ข่าวว่าข้าอยู่บนเขาดารารายนี่ จะมาฆ่าข้าหรือไม่”
ลี่ซั่งสุ่ยนิ่งไป ค่อยเอ่ยอย่างลังเลว่า “ก็น่าจะ… มากระมัง”
หลินสวินส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ใช่น่าจะ แต่มาแน่ ถ้าข้าไม่ตาย ศัตรูพวกนั้นต้องสงบใจได้ยาก ก็เหมือนกัน ถ้าศัตรูพวกนั้นไม่ตาย ข้าก็ไม่ยินยอมเช่นกัน”
ลี่ซั่งสุ่ยสับสน ไม่รู้ว่าทำไมหลินสวินพูดถึงปัญหานี้ขึ้นมากะทันหัน
“ส่วนเรื่องแก้แค้น ก็ไม่อาจรอตั้งรับได้โดยเด็ดขาด นี่มีแต่จะทำให้ศัตรูเอาข้อได้เปรียบไปจนหมด”
เมื่อหลินสวินพูดเช่นนี้ออกมา ก็ทำให้ลี่ซั่งสุ่ยเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ถ้ารุก ก็อาจจะชนะได้อย่างเหนือความคาดหมาย
แต่ถ้ารับ ก็ย่อมถูกเล่นงานแน่!
“ข้ามายังแดนอัคคีทักษิณได้หนึ่งเดือนกว่าแล้ว เชื่อว่าในช่วงที่ผ่านมานี้ ศัตรูของข้าพวกนั้นน่าจะรู้เบาะแสของข้าแล้ว”
ดวงตาดำของหลินสวินเย็นยะเยือก พูดอย่างไม่สนใจใครว่า “เจ้าว่าข้ารอพวกมันมาเยือน หรือไปอาณาเขตพวกมันเองสักรอบดี”
ลี่ซั่งสุ่ยเงียบไป
เขาฟังออกแล้วว่าหลินสวินมีแผนจะไปจากเขาดารารายเพื่อคิดบัญชีกับศัตรูคู่แค้นเหล่านั้น
“ต้องการให้ช่วยไหม”
ลี่ซั่งสุ่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยถาม
รอยยิ้มวูบไหวในดวงตาของหลินสวิน ในใจลอบเอ่ยว่าตนดูลี่ซั่งสุ่ยไม่ผิดจริงๆ
กล้าเลือกสนับสนุนตนในตอนนี้ นี่ต้องมีความกล้ามากมายนัก
“ไม่ต้อง ความแค้นนี้เป็นผลกรรมครั้งใหญ่ แบกไว้บนไหล่ข้าข้างเดียวก็พอแล้ว”
หลินสวินเอ่ยง่ายๆ
ในใจปรากฏชื่อขุมอำนาจสิบกว่าแห่งขึ้นอย่างเงียบเชียบ
ขุมอำนาจแต่ละแห่ง ที่โลกภายนอกต่างเป็นขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่อหังการ มีผู้แข็งแกร่งระดับอริยะควบคุมดูแล หากคนอื่นพลอยติดร่างแหไปด้วย หลินสวินจะต้องรู้สึกติดค้างในใจแน่
“คืนนี้พวกเจ้าสำนักเพลิงมืดก็พาผู้สืบทอดเขาวิญญาณหมื่นอสูรพวกนั้นออกไปด้วยกันเถอะ หลังจากข้าจากไป เขาดารารายแห่งนี้ต้องไม่สงบแน่ จะได้เลี่ยงไม่ให้ถูกพัดม้วนเข้าไปในคลื่นลม”
หลินสวินกล่าว
ลี่ซั่งสุ่ยสะท้านใจ จากนั้นก็พยักหน้า
เขาดารารายมีหลินสวินสั่งการ แม้ขุมอำนาจอื่นที่รักษาการณ์อยู่บนเขาตอนนี้ไม่พอใจแค่ไหน ก็ทำได้เพียงอดทนและยอมก้มหน้า
แต่ทันทีที่หลินสวินจากไป ขุมอำนาจเหล่านี้จะต้องลงมือครั้งใหญ่เพื่อช่วงชิงสิทธิ์ควบคุมเขาดารารายแน่!
ถึงตอนนั้น พวกที่จะถูกมองว่าเป็นหนามยอกอกกลุ่มแรกสุดก็ต้องเป็นพวกเขาผู้สืบทอดสำนักเพลิงมืดกับเขาวิญญาณหมื่นอสูร
“ช่วงที่ผ่านมานี้ ขอบคุณพี่หลินที่ดูแล!”
ลี่ซั่งสุ่ยกุมมือคารวะ เอ่ยด้วยสีหน้าเคารพ
“เรื่องเล็กน้อยน่า”
หลินสวินยิ้มไม่ยี่หระ
เขาช่วยคนอื่นระยะหนึ่งได้ แต่ก็ช่วยไปทั้งชาติไม่ได้เหมือนกัน อยากจะตั้งหลักและผงาดขึ้นในแดนเก้าบน ท้ายที่สุดแล้วยังต้องพึ่งศักยภาพของตัวเองอยู่ดี!
……
ย่ำค่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์