เห็นได้ชัดว่าเจ้าคางคกยังคิดถึงเรื่องที่ถูกหวังเสวียนอวี๋ชิงเพลิงมรรคฟ้าประทานดวงนั้นไป
หลินสวินตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “ถึงตอนนั้นข้าจะช่วยเจ้าระบายความแค้น”
แม้หวังเสวียนอวี๋จะเป็นบุคคลระดับผู้นำรุ่นเยาว์สำนักเอกอุ ตั้งแต่หลายปีก่อนก็ชื่อเสียงสะท้านดินแดนรกร้างโบราณแล้ว เป็นผู้ที่อยู่ระดับเดียวกับหมีเหิงเจินและเย่หมัวเฮอ
แต่หลินสวินไม่ได้กลัวเขา
เพียงแต่หวังเสวียนอวี๋ผู้นี้ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่
“พี่หลิน พวกเจ้ากำลังคุยเรื่องอะไรกัน”
โม่เทียนเหอที่อยู่ข้างกันเอ่ยถาม
“กำลังคุยเรื่องหวังเสวียนอวี๋”
หลินสวินพูดถึงตรงนี้ในใจก็ฉุกคิด เอ่ยว่า “ทุกคนคิดว่าเจ้าหมอนี่ตอนนี้จะไปปรากฏตัวที่ไหนได้”
พวกจี้ซิงเหยา โม่เทียนเหอ เจิ้นอวี๋เฟิงต่างหวั่นใจ รับรู้ได้ว่าเทพมารหลินไม่คิดจะรามือเรื่องที่หวังเสวียนอวี๋ชิงศุภโชคเจ้าคางคกไป!
“ในเมื่อเขาปรากฏตัวที่แดนโลหิตแม่น้ำนรกนี้เหมือนพวกเรา เช่นนั้นเป้าหมายสุดท้ายของเขาต้องเป็นถ้ำนรกเทพเหมือนกัน”
จี้ซิงเหยานิ่งคิดเล็กน้อยค่อยเอ่ยปาก
ประกายเย็นเยียบไหวเคลื่อนในดวงตาดำของหลินสวิน กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็เริ่มออกเดินทางทันทีเถอะ”
คนอื่นเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้เตือนอะไรอีก ด้วยพลังต่อสู้ในตอนนี้ของเทพมารหลิน ย่อมไม่กลัวว่าจะเป็นศัตรูกับผู้สืบทอดสำนักเอกอุ
ตอนนี้ภายใต้การนำทางของจี้ซิงเหยา ทุกคนก็เดินหน้าต่อไป
……
ฟ้าดินแห่งนี้เงียบเชียบและอ้างว้าง รกร้างไปทั้งผืน
ตลอดทางเงียบสงัดไม่พบกับอันตรายอะไร เพียงแต่กลิ่นอายในฟ้าดินกลับยิ่งอึมครึมและน่าสะพรึงกลัว
ดุจดั่งเดินอยู่ในแดนนรกที่ไร้พลังชีวิต
แต่ไม่นานนักพวกเราหลินสวินก็สังเกตเห็นแสงเคลื่อนไหวทะลวงอากาศ โดดเด่นตระการตา กำลังเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
นั่นคือผู้ฝึกปราณเหมือนกับพวกเขา!
“ดูท่าขุมอำนาจที่เข้ามาในเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกคราวนี้จะมีไม่น้อยนะ”
เจิ้นอวิ๋นเฟิงสีหน้าเคร่งขรึม นิ่วหน้าไม่หยุด
ระหว่างทางก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้พบกับพวกอูหลิงเต้าองค์ชายสิบสามเผ่าอีกาทอง จากนั้นก็ได้รู้อีกว่าหวังเสวียนอวี๋สำนักเอกอุเคยปรากฏตัว
ตอนนี้กลับได้พบผู้ฝึกปราณไม่น้อยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าใครก็รู้ดีว่าขุมอำนาจที่มาเสาะหาวาสนาคราวนี้ย่อมมีไม่น้อย
ดังคาด ในช่วงเวลาต่อมาพวกเขาก็ได้พบผู้ฝึกปราณบางส่วนอย่างต่อเนื่อง ล้วนยกโขยงมาเป็นกลุ่มใหญ่
ภายในนั้นไม่ขาดบุคคลขอบเขตมกุฎที่ร้ายกาจยิ่ง!
อีกทั้งพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิง โม่เทียนเหอล้วนมาจากขุมอำนาจใหญ่ จึงจำบุคคลร้ายกาจที่สามารถสู้กับพวกเขาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อบางส่วนได้
“สถานการณ์ออกจะยุ่งยากแล้ว ขุมอำนาจที่จับจ้องถ้ำนรกเทพคราวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แค่คิดก็รู้ว่าการแข่งขันก็จะต้องโหดร้ายหาใดเทียบ”
โม่เทียนเหอสีหน้าจริงจัง
“กลัวอะไร ด้วยกำลังของพวกเราก็เพียงพอจะรับมือทุกอย่างได้แล้ว ยิ่งคราวนี้มีพี่หลินมาร่วมด้วย ควรเป็นคนอื่นมาเกรงกลัวพวกเราถึงจะถูก”
เจิ้นอวิ๋นเฟิงยิ้มแฉ่ง ดูมั่นใจในตัวเองนัก
แน่นอนว่าในถ้อยคำก็ยังชื่นชมหลินสวินอย่างแนบเนียนไปในเวลาเดียวกันด้วย
ทุกคนไม่โง่ รู้อยู่แก่ใจว่าเจิ้นอวิ๋นเฟิงกำลังหวังว่าหากได้พบคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก จะให้หลินสวินช่วยลงมือด้วยได้
หลินสวินยิ้มให้ ไม่แสดงออกแต่อย่างใด
หนึ่งก้านธูปผ่านไป ไกลออกไปมีภูเขาใหญ่สีเลือดลูกหนึ่งปรากฏอยู่บนเส้นขอบฟ้า ทอดยาวพันลี้ ยิ่งใหญ่เกรียงไกรดุจมังกรสีเลือดหมอบอยู่กลางฟ้าดิน
“ถ้ำนรกเทพอยู่ที่นั่น!”
ดวงตากระจ่างของจี้ซิงเหยาเปล่งประกาย ทอดตามองไปทางนั้น
ทุกคนล้วนจิตวิญญาณสั่นระรัว
เขตต้องห้ามแม่น้ำนรก มหาศุภโชคเย้ยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดก็คล้ายจะซ่อนอยู่ใน ‘ถ้ำนรกเทพ’!
ศุภโชคนี้ถูกผนึกมาเนิ่นนาน แต่ในมหายุคคราวนี้จะต้องคลายผนึก ปรากฏขึ้นแน่
ครั้นพวกหลินสวินเข้าไปใกล้ ก็เห็นว่าใจกลางภูเขาใหญ่สีเลือดนั้นมีรอยแยกมหึมาหาใดเทียบรอยหนึ่ง รอบรอยแยกมีแสงเลือดหนาๆ ชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่
ประหนึ่งกำแพงสีเลือดแนวหนึ่งขวางหน้ารอยแยกนั้น
ตอนนี้ก็มีเงาร่างมากมายกำลังออกเคลื่อนไหว
“พุ่งไป!”
เสียงคำรามเสียงหนึ่งดังขึ้นราวสายฟ้า เงาร่างสูงใหญ่บึกบึนร่างหนึ่งเคลื่อนตัวพุ่งไปเข้าไปในรอยแยกของภูเขานั้น
วู้ม!
ก็เห็นว่า ‘กำแพงสีเลือด’ นั่นเปล่งแสงสวยงามออกมา สัญลักษณ์สีเลือดที่อัศจรรย์และบิดเบี้ยวโปรยปรายออกมาปกคลุมเงาร่างสูงใหญ่บึกบึนนั้น
ชั่วพริบตาเงาร่างสูงใหญ่บึกบึนนี้ก็อาบแสงเลือด พุ่งเข้าไปในรอยแยกนั้นแล้วหายลับไป
“พวกเราก็ไปกัน!”
“ผนึกที่นี่สลายไปนานแล้ว ศุภโชคเย้ยฟ้าคราวนี้ได้มาอย่างง่ายดาย”
“เร็วเข้า!”
ผู้ฝึกปราณคนอื่นเห็นเช่นนี้ก็พากันเคลื่อนไหว
ในชั่วครู่เดียวแสงเคลื่อนไหวราวพิรุณแน่นขนัด ต่างพุ่งไปยังรอยแยกบนเขาสีเลือดนั้น
ไม่ต้องสงสัยว่าในรอยแยกนั้นก็คือถ้ำนรกเทพ!
พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงในใจต่างเครียดเกร็งขึ้นมาครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่ามาช้าไปก้าวเดียวก็ไม่สามารถเข้าไปในถ้ำนรกเทพได้ก่อนแล้ว
นี่เท่ากับเสียโอกาสสำคัญไป!
“เป็นเจ้าหมอนั่น!”
ฉับพลันทันใดเจ้าคางคกร้องเสียงดัง ทำหน้าตื่นเต้นชี้ออกไปไกล
หลินสวินเงยมองทันที ก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดนักพรตสีนิลผู้หนึ่ง เหยียบอยู่บนรุ้งเทพแสงนิลสายหนึ่งพุ่งทะลุเมฆ
ครั้นเจ้าคางคกร้องออกมา ชายหนุ่มก็หันหน้ามาโดยพลัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์