บัวเทพสองลักษณ์ไม่เพียงเป็นโอสถเทพ ยังมีพลังมหามรรคหยินหยางสองชนิด
อีกทั้งหยินหยางร่วมผสาน สามารถแปรสภาพเป็นมหามรรคยอดเอกอุ
นี่เป็นถึงหนึ่งในมหามรรคเทียมฟ้าเก้าสิบเก้าสาย!
จากจุดนี้ แค่คิดก็รู้ว่าบัวเทพสองลักษณ์สูงค่าขนาดไหน
และบัวเทพปัญจธาตุตรงหน้าก็ยิ่งน่าตะลึง เม็ดบัวห้าเม็ด แต่ละเม็ดบรรจุมหามรรคปัญจธาตุแต่ละชนิดอยู่ สิ่งนี้โอสถเทพอื่นย่อมไม่อาจเทียบได้แล้ว
“เม็ดบัวห้าเม็ด ข้าเอาสองเม็ด สามเม็ดที่เหลือพวกเจ้าแบ่งกัน ว่าอย่างไร”
หลินสวินก็ไม่เกรงใจ ตัวมีฐานะเป็นหัวหน้า นี่เป็นสิ่งที่เขาควรได้รับ
จี้ซิงเหยากล่าวว่า “พวกข้าไม่ได้ออกแรงมาก เดิมทีไม่มีโอกาส…”
ไม่ทันพูดจบหลินสวินก็ยิ้มตัดบท ทำให้นางไม่อยากปฏิเสธอีก
ทันใดนั้นหลินสวินก็เก็บเม็ดบัวธาตุทองกับเม็ดบัวธาตุไม้ไว้
เขาครอบครองพลังมหามรรคธาตุน้ำและไฟแล้ว จะเก็บเม็ดบัวธาตุน้ำกับเม็ดบัวธาตุไฟไว้ในมือก็ฟุ่มเฟือย
เจ้าคางคกเลือกเม็ดบัวธาตุดินเม็ดหนึ่งไป
จี้ซิงเหยากับโม่เทียนเหอต่างได้เม็ดบัวธาตุน้ำและไฟ
การแบ่งสรรครั้งนี้ ไม่ว่าใครก็พอใจทั้งนั้น
“เหอะๆ ก็ไม่รู้ว่าพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
เจ้าคางคกพลันหัวเราะขึ้นมา
เขาออกจะไม่พอใจกับการแยกกันเคลื่อนไหวของพวกเจิ้นอวิ๋นเฟิง
พูดดิบดีว่ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน แต่พวกเขากลับเลือกแยกกันเคลื่อนไหว เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่สำคัญอะไร แต่ในความคิดของเจ้าคางคก พวกเจิ้นอวิ๋นเฟิงคงไม่อยากเป็นศัตรูกับหวังเสวียนอวี๋แห่งสำนักเอกอุ!
หาไม่แล้วพวกเขาร่วมกันเคลื่อนไหวย่อมปลอดภัยยิ่งกว่า ยามช่วงชิงวาสนาและศุภโชคก็ยิ่งมั่นใจได้มากกว่า ทำไมต้องแยกกันเคลื่อนไหวด้วย
เพราะกังวลว่าพอได้วาสนามาจะไม่สามารถจัดสรรได้อย่างยุติธรรมหรือ
เจ้าคางคกไม่เชื่อเรื่องนี้
“สหายยุทธ์เจิ้นคงมีแผนอีกอย่าง”
โม่เทียนเหออธิบายหนึ่งประโยค เขากับเจิ้นอวิ๋นเฟิงมีความสัมพันธ์ไม่เลว ย่อมฟังความไม่พอใจที่เจ้าคางคกเผยให้เห็นออก
เจ้าคางคกยิ้มหยัน “อย่าลืมเสียล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะหลินสวิน อิ๋นเสวี่ยกับจั่นลู่ซิวที่ตามไปกับเจิ้นอวิ๋นเฟิงจะได้รับเพลิงมรรคต้นกำเนิดได้อย่างไร”
โม่เทียนเหออึ้งไป ถอนใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้ นี่ดูไม่จริงใจอยู่บ้างจริงๆ แต่เขาจะพูดอะไรได้อีก
“พอแล้ว ถึงอย่างไรก็ร่วมทางกันครั้งหนึ่ง ทุกคนแค่แยกกันเคลื่อนไหว มาคิดเล็กคิดน้อยไม่คุ้มกันหรอก”
หลินสวินกล่าว
โครม!
ตอนนี้ในทะเลสาบโลหิตนั้นปั่นป่วนขึ้นระลอกหนึ่ง เรือน้อยสีดำสนิทลำหนึ่งปรากฏขึ้น ลอยละล่องโดดเดี่ยวอยู่ในนั้น
บนนั้นยังมีคนแจวเรือนั่งอยู่คนหนึ่ง
ทว่ายามพวกหลินสวินเห็นคนแจวเรือผู้นี้ต่างรู้สึกสั่นสะท้านด้วยความกลัว
เพราะนี่เป็นโครงกระดูกที่แต่งกายชุดดำร่างหนึ่ง หัวสวมงอบ เปลวเพลิงเขียวมรกตแผดเผาอยู่ในเบ้าตา!
หนึ่งเรือหนึ่งโครงกระดูกปรากฏตัวขึ้นเหนือทะเลสาบสีเลือด ภาพนั้นดูพิสดารหาใดเทียบ
“ในเมื่อมีเรือ ย่อมใช้พาคนข้ามไป”
จี้ซิงเหยาคล้ายครุ่นคิด
ส่วนเจ้าคางคกพูดเสียงดังว่า “ฝีพาย จะนั่งเรือเจ้าได้อย่างไร”
“โอสถเทพต้นหนึ่ง”
เหนือความคาดหมายของทุกคน คนแจวเรือโครงกระดูกผู้นั้นเอ่ยปากเสียอย่างนั้น เสียงว่างเปล่าเลื่อนลอย
“ปากดีเสียจริงนะ ทำไมเจ้าไม่ปล้นไปเลยล่ะ”
เจ้าคางคกพูดอย่างไม่สบอารมณ์
คนแจวเรือโครงกระดูกเอ่ยเบาๆ ว่า “ใต้ทะเลสาบนี้ฝังกลบโครงกระดูกมากมาย หากไม่มีข้าพาข้าม จะบินขึ้นไปบนฟ้าหรือทะยานไปบนดินก็ไม่อาจไปถึงอีกฝั่งได้”
หลินสวินครุ่นคิดเล็กน้อยก็ดีดนิ้วมือครั้งหนึ่ง เม็ดบัวธาตุไม้เม็ดนั้นก็เคลื่อนขึ้นไปบนเรือสีดำลำนั้นดังสวบ
ดูเหมือนเป็นการมอบโอสถเทพให้ แต่นี่ก็เป็นการโจมตีด้วยเช่นกัน ดุดันถึงที่สุด
เปรี๊ยะ!
กลับเห็นว่าเงาร่างของคนแจวเรือโครงกระดูกผู้นั้นไม่ไหวติง เพียงอ้าปากแล้วกลืนเม็ดบัวนี้เข้าไป ฟันขาวโพลนขบเคี้ยว
ดวงตาหลินสวินพลันหดรัด การโจมตีนี้หากเปลี่ยนเป็นระดับมกุฎราชันยังไม่แน่ว่าจะรับไว้ได้ แต่คนแจวเรือโครงกระดูกผู้นี้กลับเหมือนไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังไม่กระเทือนสักนิด!
คนแจวเรือโครงกระดูกลุกขึ้น แขวนตะเกียงน้ำมันเหลืองนวลดวงหนึ่งที่หัวเรือ จากนั้นก็หยิบไม้พายกระดูกขาวเล่มหนึ่งขึ้นมา แล้วมองมายังพวกหลินสวิน
ความหมายชัดเจนนัก กำลังเชิญพวกเขาลงเรือ
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มองคนอื่นปราดหนึ่ง จากนั้นก็นำทุกคนโฉบผ่านอากาศขึ้นไปบนเรือน้อยสีดำสนิทที่อยู่ห่างออกไป
ตูม!
ทันใดนั้น จู่ๆ มือใหญ่ซีดขาวน่าสะพรึงกลัวมือหนึ่งก็ยื่นออกมาจากในทะเลสาบสีเลือด บดบังฟ้าดิน แผ่กระจายกลิ่นอายมรณะที่ชวนให้หายใจไม่ออกออกมา
ชั่วขณะนี้พวกหลินสวินต่างหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ รู้สึกถึงกลิ่นอายกดดันถึงชีวิตอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบเทียม ขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง
ไม่อาจต้านทางได้เลย!
แม้พวกเขาล้วนมีฐานะเป็นมกุฎราชันก็ทำไม่ได้!
พลังต่างกันไกลเกินไปแล้ว ภายใต้การตะปบนี้ ทำเอาพวกเขาล้วนรู้สึกซีดเจื่อนไร้พลังเหมือนมด
ปึง!
ในเวลาคับขันหาใดเทียบเช่นนี้ ไม้พายกระดูกขาวเล่มหนึ่งเคลื่อนตัดอากาศมา กลับกดข่มมือใหญ่ขาวซีดมือนี้ลงไปในทะเลสาบอย่างจัง!
ฉวยโอกาสนี้ทำให้พวกหลินสวินมาถึงบนเรือน้อยสีดำสนิทลำนั้นแล้ว เพียงแต่เสื้อผ้าบนร่างกายล้วนซึมเหงื่อ ในใจหวาดผวานัก
ซ่า!
ตั้งแต่เริ่มจนจบคนแจวเรือโครงกระดูกเงียบเชียบนัก เหมือนมองไม่เห็นทุกอย่างนี้ ขยับไม้พายกระดูกขาวพายเบาๆ เรือน้อยก็ลอยละล่องไปยังที่ไกลออกไป
พวกหลินสวินสบตากัน ต่างเห็นแววตกตะลึงในสายตาของอีกฝ่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์