ตอน ตอนที่ 1230 แย่งกันข้ามฝั่ง จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1230 แย่งกันข้ามฝั่ง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เรือนรก!
ชื่อเรียกนี้หลินสวินได้ยินเป็นครั้งแรก
แต่ไม่อาจคิดมากแล้ว เพราะตอนนี้มีผู้ฝึกปราณมากมายกำลังเคลื่อนผ่านอากาศมา ยึดครองตำแหน่งได้เปรียบ หมายจะแย่งข้ามฝั่งทันทีที่เรือเล็กสีดำมาถึง!
“รนหาที่ตาย!”
มีคนตะโกน รอบตัวแผ่แสงเพลิงสว่างไสวออกมา โจมตีผู้แข็งแกร่งที่อยู่ตรงหน้าจนปลิวออกไปทั้งอย่างนั้น
คนที่เปล่งแสงเพลิงไปทั่วทั้งตัวคนนี้เป็นชายหนุ่มชุดคลุมชาดคนหนึ่ง ดวงตาเจิดจ้า ร่างกายล่ำสันกำยำ มีผมยาวสีขาวหิมะทั้งหัว
นี่คือทั่วป๋าหุน ผู้สืบทอดเรือนหกมายาแห่งแดนกาฬทักษิณ สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดคนหนึ่ง!
“หากกล้าเข้าใกล้จะฆ่าให้หมด!”
เสียงทุ้มต่ำเย็นชาดังขึ้น หญิงคนหนึ่งลอยตัวมาถึง เงาร่างงดงาม แสงมรรคสีฟ้าอ่อนวนเวียนอยู่รอบตัว
นางดวงตางดงามคิ้วเรียวสวย นัยน์ตาเป็นประกาย รูปลักษณ์โดดเด่นอย่างมาก แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกจากตัวกลับเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งนิลกาฬ พาให้คนตัวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เซวียเป่าจี!
สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มาจากหอเทียมฟ้าแห่งแดนชัยบูรพา
ผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยนัยน์ตาหดรัดลง เป็นฝ่ายหลีกทางให้เอง
แต่ที่พาให้คนสะท้านใจคือ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งหลบช้าเพียงเสี้ยว ก็ถูกเซวียเป่าจียกมือจบชีวิตไปแล้ว!
แสงสีฟ้าที่ราวกับไอหมอกผืนหนึ่งแผ่ขยาย ทำให้ศพของคนผู้นั้นสลายหายไป ราวกับละลายอย่างไรอย่างนั้น
หลินสวินขมวดคิ้วโดยพลัน การกระทำของผู้หญิงคนนี้บางทีอาจเพื่อข่มขวัญเหล่าผู้กล้า แต่ก็ออกจะโหดร้ายเกินไปหน่อย
ทั่วป๋าหุนหันมองเซวียเป่าจีแวบหนึ่ง สายตาวูบไหว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดขวาง เห็นได้ชัดว่ายอมรับในความสามารถของเซวียเป่าจี
“ฮ่าๆๆ ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำนรกนี้คือ ‘แท่นบูชานรกเทพ’ ซึ่งเป็นที่ซ่อนของศุภโชคพลิกฟ้าในตำนานสินะ ครั้งนี้ข้าจะไปดูสักครั้ง!”
พร้อมกับเสียงหัวเราะดัง ชายหนุ่มรูปลักษณ์หยาบกร้าน กลิ่นอายเหี้ยมหาญและอันตรายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาราวกับลมพายุรุนแรง
เสียงร้องแตกตื่นดังขึ้นในที่นั้น หลายคนหลบไม่ทันถูกลมพายุที่ห่อหุ้มเงาร่างของชายหนุ่มคนนี้มากระแทกชนจนกระจัดกระจาย ล้มระเนระนาดเต็มพื้น
“ตงหยางถิง สัตว์ประหลาดยุคโบราณจากตระกูลอริยมรรคตงหยาง!”
มีคนตกใจ จำฐานะของชายหนุ่มคนนั้นได้
ชั่วขณะเดียวถึงกับปรากฏบุคคลชั้นยอดในระดับมกุฎราชันสามคน ทำเอาสีหน้าของผู้ฝึกปราณไม่น้อยอึมครึมไม่แน่วนิ่งขึ้นมา
ดังคำกล่าวที่ว่าเทียบกับคนอื่นแล้วจะช้ำใจตายเอง
ในโลกภายนอก บรรดาผู้ฝึกปราณที่อยู่ในที่นี้แต่ละคนล้วนเป็นหนุ่มหล่อสาวงามที่สะเทือนแดนดินฝั่งหนึ่ง ต่างโดดเด่นสะดุดตาอย่างที่สุด แต่ละคนล้วนมีความเย่อหยิ่งของตนเอง
ทว่าตั้งแต่เข้ามาในแดนเก้าบน ในการแข่งขันช่วงชิงระหว่างผู้กล้ารุ่นเดียวกัน เหล่าผู้แข็งแกร่งที่เมื่อก่อนถูกมองว่าโดดเด่นยอดเยี่ยม พลันดูหม่นมัวอับแสงลง
นี่เรียกว่าภูเขาหนึ่งสูงล้ำกว่าอีกเขาหนึ่ง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน
อย่างตอนนี้ พอทั่วป๋าหุนผู้สืบทอดเรือนหกมายา เซวียเป่าจีผู้สืบทอดหอเทียมฟ้า ตงหยางถิงผู้สืบทอดตระกูลตงหยางทยอยปรากฏตัว บุคลิกและพลานุภาพของพวกเขาก็พลันกดข่มผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ!
ทั้งสามยืนอยู่บนฝั่งแม่น้ำนรกสีเลือด บุคลิกแตกต่างกัน ไม่มีใครกล้ารุกล้ำ!
“หืม?”
แต่ตอนนี้ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างสังเกตเห็นว่า มีชายหนุ่มที่เงาร่างผอมบาง สวมชุดสีขาวพระจันทร์คนหนึ่งเดินไปที่ริมฝั่ง ราวกับไม่ได้สังเกตเห็นการมีอยู่ของพวกทั่วป๋าหุน
ทั่วป๋าหุนขมวดคิ้ว เหลือบมองหลินสวินแวบหนึ่งโดยไม่ส่งเสียง
บนใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเซวียเป่าจีเย็นชากว่าเดิม สายตากวาดมองหลินสวินราวกับดาบคมกริบ เผยอาการต่อต้านที่ไม่ปกปิดเลยสักนิด
“โอ๊ะ พี่ชายคนนี้ไม่แสดงตัว กลับกล้าเข้ามาใกล้ หรือจะเป็นยอดฝีมือที่ปกปิดความสามารถตัวตนคนหนึ่ง”
ท่าทางของตงหยางถิงดูแปลกใจ แต่น้ำเสียงกลับแฝงแววเย้ยหยัน
สำหรับเรื่องพวกนี้หลินสวินไม่ได้สนใจสักนิด
เรือเล็กสีดำนั่นเล็กมาก สามารถรองรับคนได้ห้าหกคนเท่านั้น คาดการณ์ได้เลยว่าเพื่อช่วงชิงโอกาสขึ้นเรือเล็กครั้งนี้ อีกเดี๋ยวจะต้องเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดแน่
เห็นหลินสวินสีหน้าเรียบเฉย มองข้ามพวกเซวียเป่าจี ตงหยางถิงตรงๆ ทั่วป๋าหุนก็อดอึ้งงันไปไม่ได้ แววแปลกประหลาดแวบผ่านเข้ามาในส่วนลึกของสายตา
กลิ่นอายเยียบเย็นที่แผ่ออกจากตัวเซวียเป่าจีน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันใดกลับยังไม่เคลื่อนไหว
ต้องรู้ว่าเมื่อครู่นี้เพราะผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งขวางทาง ถึงขั้นถูกนางจบชีวิตโดยตรง!
ตงหยางถิงอึดอัดเล็กน้อย การท้าทายของเขาถูกมองข้ามไปดื้อๆ ให้ความรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ห้ามหลินสวินเข้าใกล้
“ทำไม เจ้าคิดจะเทียบเคียงพวกข้าหรือ ดูให้ดี นี่คือที่ที่เจ้าควรอยู่”
เซวียเป่าจีส่งเสียงขึ้นมาอย่างกลั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ในน้ำเสียงมีความเย็นเยียบเสียดกระดูก
ในขณะที่พูดนางชี้ตำแหน่งที่ห่างจากตนหนึ่งจั้ง บอกหลินสวินว่าเขาหยุดฝีเท้าเพียงเท่านี้
เพราะหากหลินสวินเดินหน้าต่อ ก็เท่ากับมาถึงด้านหลังนางแล้ว สำหรับผู้แข็งแกร่งคนใดๆ ล้วนกลายเป็นการคุกคาม!
หลินสวินหยุดฝีเท้าจริงๆ ไม่เดินหน้าต่อ
นี่ทำให้ทั่วป๋าหุนและตงหยางถิงที่จับตามองความเคลื่อนไหวของหลินสวินมาโดยตลอดต่างผิดหวังเล็กน้อย เหมือนว่าเรื่องครื้นเครงยังไม่ทันเริ่มขึ้นก็จบลงอย่างรวดเร็วแล้ว
เซวียเป่าจีเห็นเช่นนี้ในใจโล่งอกไปไม่น้อยอย่างไม่ทราบสาเหตุ มุมปากเผยองศาโค้งอันเย็นเยียบพร้อมพูดว่า “ถือว่าเจ้ารู้จักกาลเทศะ ก่อนหน้านี้หากเจ้ากล้าเข้ามาอีก ตอนนี้หัวคงหลุดออกจากบ่าแล้ว”
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าแฝงการดูถูก
หลินสวินยิ้มน้อยๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
เขายังไม่ถึงขั้นจะลงมือเพราะการพูดเสียดสีเล็กๆ น้อยๆ
เห็นท่าทีของหลินสวินถูกเซวียเป่าจีข่มไปอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นไม่กล้าท้วงเถียง ทั่วป๋าหุนกับตงหยางถิงยังอดผิดหวังไม่ได้
ในใจลอบพึมพำ หรือว่าตนดูผิดไป เจ้าหมอนี่ไม่ได้เป็นคนร้ายกาจแข็งแกร่งอะไร
หลินสวินยืนอยู่ที่เดิม เงาร่างไม่เคยขยับแม้แต่น้อย มีเพียงเสื้อผ้าที่โบกสะบัดไปตามสายลมจนเกิดเสียงดัง
แต่ชายหนุ่มที่ออกโจมตีนั่นกลับส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัว ทั้งร่างกระเด็นลอยโค้งเป็นองศางามกลางอากาศ จากนั้นร่วงลงแม่น้ำโลหิต
ตูม!
ในแม่น้ำโลหิตเจียวกระดูกขาวหิมะตัวใหญ่พุ่งออกมา อ้าปากกลืนกินร่างของชายหนุ่มคนนั้นไปทันที จากนั้นหายไปใต้แม่น้ำโลหิตอีกครั้ง
ไม่มีแม้แต่เสียงร้องโหยหวน
ทุกคนอึ้งจนอ้าปากค้าง ขยี้ตา ต่างสงสัยว่าเป็นภาพลวงตา
เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มชุดคลุมไหมคนนั้นพ่ายแพ้ไปอย่างไร และถูกโยนลงในแม่น้ำโลหิตอย่างไร!
และในสายตาของพวกเขา หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด สองมือไพล่หลัง เงาร่างสง่างามหันเข้าหาแม่น้ำโลหิตอันกว้างใหญ่โดยไม่มีการขยับไหวสักนิด
นี่ดูแปลกประหลาดและเหลือเชื่ออย่างที่สุด ทำให้ทุกคนตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ส่วนสีหน้าของพวกทั่วป๋าหุน เซวียเป่าจีและตงหยางถิงต่างเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาที่มองหลินสวินพลันเปลี่ยนไปทันที
ด้วยพลังต่อสู้และสายตาของพวกเขา ย่อมสังเกตเห็นว่าแม้หลินสวินไม่เคยเคลื่อนไหว แต่บนร่างเขากลับแผ่พลังที่ยิ่งใหญ่และคลุมเครืออย่างที่สุด จับกุมชายชุดคลุมไหมคนนั้นไว้แล้วโยนเข้าไปในแม่น้ำโลหิตในคราเดียว!
และการที่สามารถจับตัวมกุฎราชันคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ทำให้เขาไม่สามารถดิ้นหลุดมาได้ แค่คิดก็รู้ว่าคนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใด
“เป็นยอดฝีมือที่เก็บซ่อนพลังตามคาด!” ตงหยางถิงตบมือหัวเราะชอบใจ
มุมปากของทั่วป๋าหุนเหยียดขยับเล็กน้อยอย่างยากจะสังเกตเห็น ในใจรู้ดีว่าเมื่อครู่นี้พวกเขาเกือบจะล่วงเกินคนร้ายกาจผู้หนึ่งแล้ว!
โชคดีที่ตั้งแต่ต้นจบเขาไม่เคยแสดงความเป็นศัตรูใดๆ
“เจ้า…”
ใบหน้างามของเซวียเป่าจีอึมครึมไม่นิ่งอยู่บ้าง ต้องรู้ว่าเมื่อครู่นี้นางได้ข่มขู่หลินสวินไป สั่งให้เขาหยุดเท้า และยังเอ่ยคำพูดดูถูกไม่น้อย
เพียงแต่ตอนที่นางคิดจะพูดอะไรสักอย่าง เรือเล็กสีดำก็มาถึงฝั่งแล้ว!
สวบ!
ทุกคนรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้าพร่าเลือน เงาร่างของหลินสวินก็หายไปจากที่เดิมแล้ว พอปรากฏตัวอีกครั้งเขาก็มาถึงบนเรือเล็กสีดำแล้ว
ส่วนเซวียเป่าจีไม่อาจคิดมากความ เริ่มลงมือทันที!
ไม่เพียงแค่นาง คนอื่นๆ เองก็ต่างพุ่งมาทางเรือเล็กสีดำ
การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ทว่ากลับไม่มีคนกล้าลงมือกับพวกหลินสวิน ทั่วป๋าหุน
บนเรือเล็กสีดำ ฝีพายโครงกระดูกราวกับไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องพวกนี้ หรือพูดได้ว่ามองข้ามทุกอย่างโดยสิ้นเชิง ลุกขึ้นหยิบตะเกียงน้ำมันสีเหลืองสลัวมาแขวนบนหัวเรือ
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์