Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1231

ทันทีที่หลินสวินก้าวขึ้นเรือเล็กสีดำ ก็ส่งโอสถเทพต้นหนึ่งออกมา

จากนั้นเขาก็ยืนอยู่ตรงท้ายเรือ สายตามองออกไปยังแม่น้ำนรกสีโลหิตที่กว้างใหญ่

ตั้งแต่ก่อนจะเข้าสู่แม่น้ำสีโลหิตนี้ หลินสวินก็เคยใช้จิตรับรู้สำรวจกลิ่นอายของสถานที่แห่งนี้แล้ว

ตอนนั้นเขาเห็นภาพที่น่าตกใจ

แม่น้ำโลหิตสายหนึ่งพลุ่งพล่านพลิกม้วน ปรากฏซากศพที่แปลกประหลาดและอัปมงคลมากมาย

มีภิกษุดับสิ้น หว่างคิ้วถูกแทงเป็นหลุม ใบหน้าเผยความขึ้งโกรธ

มีร่างแตกหักที่คล้ายมังกรฟ้า ขดตัวคดเคี้ยวยาวหลายหมื่นจั้ง

มีอริยะในชุดขนนกสวมเกี้ยวประดับสูง…

มีสัตว์ปีศาจแปลกประหลาดที่หน้าผากแฝงลายมรรค…

ทั้งหมดล้วนร่วงหล่นในแม่น้ำโลหิตนี้โดยไม่มีข้อยกเว้น

ในเวลาเดียวกันยังมีเสียงร่ำไห้ของเทพมาร เสียงโหยหวนของอริยะดังก้อง ปรากฏภาพมหาภัยพิบัติ เลือดนองน่าสะพรึง

ตอนนั้นหลินสวินก็สงสัยแล้วว่า ภาพน่ากลัวนี่มาจากแม่น้ำนรกในตำนาน

และตอนนี้มาอยู่บนเรือเล็กสีดำ ทอดสายตามองไปรอบๆ แม่น้ำโลหิตที่กว้างใหญ่ไพศาล ไม่รู้จุดกำเนิดและจุดสิ้นสุด ราวกับคงอยู่ชั่วนิรันดร์

นี่ทำให้หลินสวินประหนึ่งมองเห็นภาพที่แปลกประหลาดและน่ากลัวอีกครั้งอย่างเลือนราง เห็นศพมากมายลอยอยู่ในแม่น้ำโลหิต…

นี่ คือแม่น้ำนรกในตำนานจริงๆ หรือ

บนเรือเล็กสีดำ ทั่วป๋าหุน เซวียเป่าจี ตงหยางถิงทยอยมาถึง แต่ละคนต่างยึดครองตำแหน่งและส่งมอบโอสถเทพออกมา

เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้กฎการขึ้นเรือเล็กเช่นกัน

เห็นหลินสวินหันหลังให้ทุกคน ทอดสายตามองแม่น้ำเลือด ท่าทางเหมือนไม่อนุญาตให้คนแปลกหน้ารบกวน พวกทั่วป๋าหุนสบตากันแวบหนึ่งก่อนเก็บสายตาไป

ไม่มีใครไปรบกวนหลินสวิน

ภาพที่ชายหนุ่มชุดคลุมไหมตายก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาต่างตระหนักได้ว่า คนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นพวกร้ายกาจที่ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน

บนฝั่ง การเข่นฆ่าและแย่งชิงอันดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป

ไม่นานก็มีคนสองคนทยอยโผล่ออกมา พุ่งเข้าหาเรือเล็กสีดำ คนหนึ่งเป็นชายรูปร่างซูบผอม อีกคนเป็นหญิงสาวกระโปรงม่วงที่ท่าทางงดงามอ่อนหวาน

เพียงแต่ทั้งสองต่างอาบเลือดและออกจะสะบักสะบอม ทันทีที่ขึ้นเรือเล็กก็มอบโอสถเทพก่อน จากนั้นประสานหมัดมาทางพวกทั่วป๋าหุน ท่าทีนอบน้อมมาก

พรึ่บ!

มีคนพุ่งเข้ามาอีก หมายจะขึ้นเรือเล็ก เพียงแต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกเงาโคมสีเหลืองนวลชั้นหนึ่งกวาดใส่ ร่างปลิวออกไปกะทันหัน จมูกปากหลั่งเลือด

และตอนนี้เองฝีพายโครงกระดูกกระชับไม้พาย เรือเล็กสีดำค่อยๆ ออกจากฝั่ง มุ่งไปยังส่วนลึกของแม่น้ำนรกสีโลหิต

“ไม่!”

“น่าชังนัก!”

บนฝั่งเสียงตะโกนอย่างไม่จำยอมดังขึ้น เหล่าผู้แข่งแกร่งที่ไม่ได้ขึ้นเรือเล็กต่างผิดหวังเต็มอก

และบนเรือเล็กสีดำ พวกทั่วป๋าหุนต่างถอนหายใจยาว

ตอนนี้พวกเขาได้สิทธิ์ในการเดินทางไปอีกฝั่งแล้ว ถึงเวลานั้นแน่นอนว่าย่อมมีโอกาสไปช่วงชิงวาสนาพลิกฟ้านั่นแล้ว!

“ฝีพาย ช้าก่อน พาข้าไปด้วย…!”

ทันใดนั้นเสียงตะโกนดังขึ้นจากฝั่ง สามารถมองเห็นอย่างรางๆ ว่าเป็นเด็กหนุ่มชุดคลุมเขียวกำลังโบกมือตะโกน

หลินสวินยืนอยู่ตรงท้ายเรือ ตอนที่เห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวคนนี้สายตาพลันทอประกาย เจ้าคางคก!

เพียงแต่จากนั้นเขาพลันจนคำพูด เจ้าหมอนี่มาได้ผิดเวลาเกินไปแล้ว

‘เจ้าคางคก เจ้ารอก่อน หากข้าเจอหวังเสวียนอวี๋จะทวงความยุติธรรมให้เจ้าแน่!’

หลินสวินสื่อจิตปลอบใจเขา

‘เฮ้อ ก็คงต้องแบบนี้แล้ว’

เจ้าคางคกผิดหวังมาก

หลินสวินถามถึงจี้ซิงเหยาและโม่เทียนเหออีก เจ้าคางคกกลับส่ายหน้าว่าไม่รู้

ที่แท้ภายใต้การโจมตีของกองทัพแดนนรก เจ้าคางคกกับพวกจี้ซิงเหยาก็พลัดหลงกระจัดกระจายเช่นเดียวกัน

‘เจ้าคอยสังเกตร่องรอยของพวกเขาหน่อย รอข้ากลับมาที่นี่ หากช่วงชิงวาสนามาได้ แน่นอนว่าต้องมีส่วนของเจ้า’

หลินสวินพูดกำชับ

เจ้าคางคกจึงยิ้มร่า พยักหน้ารัว ‘วางใจ วาสนาในตำหนักนรกเทพแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ที่เดียว ข้าไปเดินเล่นที่อื่นก่อน’

มองส่งเจ้าคางคกจนลับตาไปไกล หลินสวินจึงเก็บสายตากลับมา

“เด็กหนุ่มชุดเขียวนั่นถือว่าโชคดี มาช้าเกินไปไม่ทันเหตุการณ์เข่นฆ่าช่วงชิง มิฉะนั้นคงตายไปตั้งนานแล้ว จะยังมีโอกาสมาร้องตะโกนเช่นนี้ได้อย่างไร”

จู่ๆ ก็มีคนส่งเสียงหัวเราะเหมือนเยาะเย้ย

คนพูดคือตงหยางถิง เพียงแต่ทันทีที่คำพูดออกจากปาก พลันรู้สึกเหมือนถูกความเย็นยะเยือกที่ชวนหนาวสะท้านจับจ้อง ทำเอาเขาแข็งทื่อไปทั้งตัว

เงยสายตาขึ้นก็เห็นว่าหลินสวินเคลื่อนสายตามามองไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในดวงตาดำลุ่มลึกเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ

พวกทั่วป๋าหุนเองก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศผิดปกติ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ขอโทษ”

หลินสวินพูดสั้นๆ รวบรัด กินความครอบคลุม แต่กลับเผยนัยที่ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ

ตงหยางถิงเลิกคิ้ว ชี้จมูกตนแล้วเอ่ยว่า “เจ้ากำลังสั่งข้าหรือ”

ในเสียงแฝงความไม่พอใจ

แม้เขาจะสังเกตเห็นว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินไม่อาจดูถูกได้ แต่ท่ามกลางสายตาของทุกคน ถูกหลินสวินสั่งเช่นนี้กลับพาให้เขาทำหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง

“ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเรือลำเดียวกัน หากเกิดความขัดแย้งขึ้นไม่ว่าใครก็จะโดนลูกหลงไปด้วย หวังว่าพวกเจ้าจะถอยกันคนละก้าว”

จู่ๆ เซวียเป่าจีก็พูดขึ้น “แน่นอน หากพวกเจ้าจะลงมือจริงๆ ย่อมสามารถรอตอนขึ้นไปถึงฝั่งได้”

คำพูดที่เหมือนเป็นธรรม ความจริงคือไม่อยากถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วย

เรือเล็กสีดำนี่เล็กเกินไป หากลงมือต่อสู้ ไม่มีใครสามารถปลีกตัวออกห่างได้จริงๆ

“ไม่ผิด สหายยุทธ์ตงหยางเพียงแค่พูดเล่นเท่านั้น เหตุใดสหายท่านนี้ต้องคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์