ทันทีที่หลินสวินก้าวขึ้นเรือเล็กสีดำ ก็ส่งโอสถเทพต้นหนึ่งออกมา
จากนั้นเขาก็ยืนอยู่ตรงท้ายเรือ สายตามองออกไปยังแม่น้ำนรกสีโลหิตที่กว้างใหญ่
ตั้งแต่ก่อนจะเข้าสู่แม่น้ำสีโลหิตนี้ หลินสวินก็เคยใช้จิตรับรู้สำรวจกลิ่นอายของสถานที่แห่งนี้แล้ว
ตอนนั้นเขาเห็นภาพที่น่าตกใจ
แม่น้ำโลหิตสายหนึ่งพลุ่งพล่านพลิกม้วน ปรากฏซากศพที่แปลกประหลาดและอัปมงคลมากมาย
มีภิกษุดับสิ้น หว่างคิ้วถูกแทงเป็นหลุม ใบหน้าเผยความขึ้งโกรธ
มีร่างแตกหักที่คล้ายมังกรฟ้า ขดตัวคดเคี้ยวยาวหลายหมื่นจั้ง
มีอริยะในชุดขนนกสวมเกี้ยวประดับสูง…
มีสัตว์ปีศาจแปลกประหลาดที่หน้าผากแฝงลายมรรค…
ทั้งหมดล้วนร่วงหล่นในแม่น้ำโลหิตนี้โดยไม่มีข้อยกเว้น
ในเวลาเดียวกันยังมีเสียงร่ำไห้ของเทพมาร เสียงโหยหวนของอริยะดังก้อง ปรากฏภาพมหาภัยพิบัติ เลือดนองน่าสะพรึง
ตอนนั้นหลินสวินก็สงสัยแล้วว่า ภาพน่ากลัวนี่มาจากแม่น้ำนรกในตำนาน
และตอนนี้มาอยู่บนเรือเล็กสีดำ ทอดสายตามองไปรอบๆ แม่น้ำโลหิตที่กว้างใหญ่ไพศาล ไม่รู้จุดกำเนิดและจุดสิ้นสุด ราวกับคงอยู่ชั่วนิรันดร์
นี่ทำให้หลินสวินประหนึ่งมองเห็นภาพที่แปลกประหลาดและน่ากลัวอีกครั้งอย่างเลือนราง เห็นศพมากมายลอยอยู่ในแม่น้ำโลหิต…
นี่ คือแม่น้ำนรกในตำนานจริงๆ หรือ
บนเรือเล็กสีดำ ทั่วป๋าหุน เซวียเป่าจี ตงหยางถิงทยอยมาถึง แต่ละคนต่างยึดครองตำแหน่งและส่งมอบโอสถเทพออกมา
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้กฎการขึ้นเรือเล็กเช่นกัน
เห็นหลินสวินหันหลังให้ทุกคน ทอดสายตามองแม่น้ำเลือด ท่าทางเหมือนไม่อนุญาตให้คนแปลกหน้ารบกวน พวกทั่วป๋าหุนสบตากันแวบหนึ่งก่อนเก็บสายตาไป
ไม่มีใครไปรบกวนหลินสวิน
ภาพที่ชายหนุ่มชุดคลุมไหมตายก่อนหน้านี้ ทำให้พวกเขาต่างตระหนักได้ว่า คนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นพวกร้ายกาจที่ไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาอย่างแน่นอน
บนฝั่ง การเข่นฆ่าและแย่งชิงอันดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป
ไม่นานก็มีคนสองคนทยอยโผล่ออกมา พุ่งเข้าหาเรือเล็กสีดำ คนหนึ่งเป็นชายรูปร่างซูบผอม อีกคนเป็นหญิงสาวกระโปรงม่วงที่ท่าทางงดงามอ่อนหวาน
เพียงแต่ทั้งสองต่างอาบเลือดและออกจะสะบักสะบอม ทันทีที่ขึ้นเรือเล็กก็มอบโอสถเทพก่อน จากนั้นประสานหมัดมาทางพวกทั่วป๋าหุน ท่าทีนอบน้อมมาก
พรึ่บ!
มีคนพุ่งเข้ามาอีก หมายจะขึ้นเรือเล็ก เพียงแต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกเงาโคมสีเหลืองนวลชั้นหนึ่งกวาดใส่ ร่างปลิวออกไปกะทันหัน จมูกปากหลั่งเลือด
และตอนนี้เองฝีพายโครงกระดูกกระชับไม้พาย เรือเล็กสีดำค่อยๆ ออกจากฝั่ง มุ่งไปยังส่วนลึกของแม่น้ำนรกสีโลหิต
“ไม่!”
“น่าชังนัก!”
บนฝั่งเสียงตะโกนอย่างไม่จำยอมดังขึ้น เหล่าผู้แข่งแกร่งที่ไม่ได้ขึ้นเรือเล็กต่างผิดหวังเต็มอก
และบนเรือเล็กสีดำ พวกทั่วป๋าหุนต่างถอนหายใจยาว
ตอนนี้พวกเขาได้สิทธิ์ในการเดินทางไปอีกฝั่งแล้ว ถึงเวลานั้นแน่นอนว่าย่อมมีโอกาสไปช่วงชิงวาสนาพลิกฟ้านั่นแล้ว!
“ฝีพาย ช้าก่อน พาข้าไปด้วย…!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนดังขึ้นจากฝั่ง สามารถมองเห็นอย่างรางๆ ว่าเป็นเด็กหนุ่มชุดคลุมเขียวกำลังโบกมือตะโกน
หลินสวินยืนอยู่ตรงท้ายเรือ ตอนที่เห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวคนนี้สายตาพลันทอประกาย เจ้าคางคก!
เพียงแต่จากนั้นเขาพลันจนคำพูด เจ้าหมอนี่มาได้ผิดเวลาเกินไปแล้ว
‘เจ้าคางคก เจ้ารอก่อน หากข้าเจอหวังเสวียนอวี๋จะทวงความยุติธรรมให้เจ้าแน่!’
หลินสวินสื่อจิตปลอบใจเขา
‘เฮ้อ ก็คงต้องแบบนี้แล้ว’
เจ้าคางคกผิดหวังมาก
หลินสวินถามถึงจี้ซิงเหยาและโม่เทียนเหออีก เจ้าคางคกกลับส่ายหน้าว่าไม่รู้
ที่แท้ภายใต้การโจมตีของกองทัพแดนนรก เจ้าคางคกกับพวกจี้ซิงเหยาก็พลัดหลงกระจัดกระจายเช่นเดียวกัน
‘เจ้าคอยสังเกตร่องรอยของพวกเขาหน่อย รอข้ากลับมาที่นี่ หากช่วงชิงวาสนามาได้ แน่นอนว่าต้องมีส่วนของเจ้า’
หลินสวินพูดกำชับ
เจ้าคางคกจึงยิ้มร่า พยักหน้ารัว ‘วางใจ วาสนาในตำหนักนรกเทพแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ที่เดียว ข้าไปเดินเล่นที่อื่นก่อน’
มองส่งเจ้าคางคกจนลับตาไปไกล หลินสวินจึงเก็บสายตากลับมา
“เด็กหนุ่มชุดเขียวนั่นถือว่าโชคดี มาช้าเกินไปไม่ทันเหตุการณ์เข่นฆ่าช่วงชิง มิฉะนั้นคงตายไปตั้งนานแล้ว จะยังมีโอกาสมาร้องตะโกนเช่นนี้ได้อย่างไร”
จู่ๆ ก็มีคนส่งเสียงหัวเราะเหมือนเยาะเย้ย
คนพูดคือตงหยางถิง เพียงแต่ทันทีที่คำพูดออกจากปาก พลันรู้สึกเหมือนถูกความเย็นยะเยือกที่ชวนหนาวสะท้านจับจ้อง ทำเอาเขาแข็งทื่อไปทั้งตัว
เงยสายตาขึ้นก็เห็นว่าหลินสวินเคลื่อนสายตามามองไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในดวงตาดำลุ่มลึกเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ
พวกทั่วป๋าหุนเองก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศผิดปกติ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ขอโทษ”
หลินสวินพูดสั้นๆ รวบรัด กินความครอบคลุม แต่กลับเผยนัยที่ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
ตงหยางถิงเลิกคิ้ว ชี้จมูกตนแล้วเอ่ยว่า “เจ้ากำลังสั่งข้าหรือ”
ในเสียงแฝงความไม่พอใจ
แม้เขาจะสังเกตเห็นว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินไม่อาจดูถูกได้ แต่ท่ามกลางสายตาของทุกคน ถูกหลินสวินสั่งเช่นนี้กลับพาให้เขาทำหน้าไม่ถูกอยู่บ้าง
“ตอนนี้ทุกคนอยู่บนเรือลำเดียวกัน หากเกิดความขัดแย้งขึ้นไม่ว่าใครก็จะโดนลูกหลงไปด้วย หวังว่าพวกเจ้าจะถอยกันคนละก้าว”
จู่ๆ เซวียเป่าจีก็พูดขึ้น “แน่นอน หากพวกเจ้าจะลงมือจริงๆ ย่อมสามารถรอตอนขึ้นไปถึงฝั่งได้”
คำพูดที่เหมือนเป็นธรรม ความจริงคือไม่อยากถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วย
เรือเล็กสีดำนี่เล็กเกินไป หากลงมือต่อสู้ ไม่มีใครสามารถปลีกตัวออกห่างได้จริงๆ
“ไม่ผิด สหายยุทธ์ตงหยางเพียงแค่พูดเล่นเท่านั้น เหตุใดสหายท่านนี้ต้องคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์