Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1241

เขาฝนดาวตกราบเป็นหน้ากลอง ควันโขมงคลุ้ง

พร้อมๆ กับที่อูหลิงคงองค์ชายเก้าเผ่าอีกาทองถูกสังหาร ผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองที่เข้าสู่แดนมกุฎก็แทบไม่เหลือหลอ ไม่อาจผงาดขึ้นมาได้อีกต่อไป!

“ไป ไปอาณาเขตของสำนักยุทธ์นครนิล”

เสียงเยี่ยเฉินราบเรียบ

“คุณชาย การล้างบางผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองครั้งนี้ก็ทำให้พวกเราเขาจื่อเวยผูกความแค้นกับเผ่าอีกาทองแล้ว หากไปหาเรื่องสำนักยุทธ์นครนิลอีก…”

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งลังเล อดเอ่ยปากออกมาไม่ได้ เพียงแต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกตัดบทเสียก่อน

“หากหลินสวินรู้ว่าเกิดเรื่องกับข้า คงทำเช่นนี้เพื่อข้าเหมือนกันอย่างแน่นอน”

พูดเสร็จเยี่ยเฉินก็มุ่งหน้าจากไปก่อน

คนอื่นๆ ต่างมองหน้ากันเลิกลัก แต่ท้ายที่สุดก็พากันตามไปอยู่ดี

……

เขาช้างป่า อาณาเขตของสำนักยุทธ์นครนิล

เพียงแต่ ตอนที่เยี่ยเฉินมาถึงก็อดอึ้งงันไม่ได้

บนภูเขาแห่งนี้ปรากฏร่องรอยการต่อสู้นองเลือดไร้ใดเปรียบอย่างเด่นชัด ตัวภูเขาล้วนพังทลาย มีคราบเลือดชวนตระหนกให้เห็นทุกแห่งหน

“ถึงกับมีคนชิงตัดหน้าล้างบางสำนักยุทธ์นครนิลไปก่อนแล้วหรือ”

เยี่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ทำการตัดสินใจ โบกมือกล่าวว่า “ไปอาณาเขตเผ่าโบราณแสงทมิฬ!”

เมื่อมาถึงเขาหมอกทองคำอาณาเขตเผ่าโบราณแสงทมิฬ ที่แห่งนี้ก็กลายเป็นแดนนองเลือดไปทั้งแถบ กลางห้วงอากาศยังคงมีไอควันโขมงคละคลุ้งอยู่

“ถูกตัดหน้าก่อนอีกแล้วหรือ”

หัวคิ้วเยี่ยเฉินขมวดมุ่น สูดหายใจเข้าลึกแล้วกล่าวว่า “ไปอาณาเขตของเผ่าวิญญาณสมุทร”

ผู้แข็งแกร่งทั้งกลุ่มที่ไล่ตามข้างหลังเยี่ยเฉินอดยิ้มเฝื่อนไม่ได้ ต่างพากันมองออกวันนี้หากไม่ให้เยี่ยเฉินระบายอารมณ์จนหมดสิ้น คงไม่ยอมรามือง่ายๆ เป็นแน่

ภูเขาสูงตระหง่าน อาณาเขตของเผ่าวิญญาณสมุทร

ตูม!

เมื่อเยี่ยเฉินมาถึง ก็ได้เห็นแสงดาบยาวพันจั้งสายหนึ่งฟันฉับลงไป ผ่ายอดเขาขาดครึ่ง!

พร้อมกันนั้นเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ดาบศึกในมือยังคงยังคงหวีดร้องอย่างเหิมฮึก

คนผู้นี้สวมชุดขาวทั้งตัว ผมสีแดงดุจเพลิง ราวกับอาทิตย์ดวงใหญ่ส่องสว่างเวิ้งฟ้าเพียงลำพัง อานุภาพกร้าวแกร่งเจิดจ้า ท่วงท่าเผด็จการอย่างที่สุด!

ดาบคลั่ง เซี่ยวชางเทียน!

“ที่แท้เป็นเจ้าหมอนี่นี่เอง…”

หนังตาเยี่ยเฉินกระตุก อดกล่าวไม่ได้ “นั่นใคร ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่”

ไกลออกไปเซี่ยวชางเทียนเหลียวหลังมองมา

รูปโฉมของเขาคมคายดุจใบมีด หน้าผากกว้างบุคลิกแกล้วกล้า นัยน์ตากระจ่างเป็นประกาย เขย่าขวัญผู้คนราวกับดาบคม

เมื่อเห็นเยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียนก็อดอึ้งไปไม่ได้ จากนั้นจึงกล่าวอย่างไม่แยแส “แค่พวกกระจอก มีหรือจะทนการโจมตีนี้ได้ เจ้าคอยดูอยู่ข้างๆ เถอะ อย่าเป็นตัวถ่วงข้าก็นับว่าช่วยได้แล้ว”

มุมปากเยี่ยเฉินกระตุกขึ้นอย่างแรงหนึ่งครา หากไม่เห็นแก่ว่าเซี่ยวชางเทียนมีจุดประสงค์เดียวกับตนคือแก้แค้นแทนหลินสวิน เมื่อเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยเช่นนี้เขาย่อมทนไม่ไหวแน่

เขาและเซี่ยวชางเทียนต่างไม่ชอบขี้หน้ากันมาตั้งแต่เด็กแล้ว แม้จะถูกขนานนามว่า ‘ยอดคู่ดาบกระบี่’ ก็ตามที ทว่ามีเพียงทั้งคู่เท่านั้นที่รู้ดี ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่ขนาดไหน

ไม่ทันไรภายใต้การโจมตีของเซี่ยวชางเทียน ผู้แข็งแกร่งบนเขาสูงตระหง่านอาณาเขตของเผ่าวิญญาณสมุทรต่างก็ถูกล้างบาง แม้จะมีคนหนีออกมาได้ก็ถูกเยี่ยเฉินสังหาร

“ความแค้นของหลินสวินข้าช่วยชำระให้แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าแทรก”

เซี่ยวชางเทียนปรายตามองเยี่ยเฉินปราดหนึ่ง

“ฮ่าๆ เจ้านับเป็นตัวบ้าอะไร ไปเอาความมั่นใจจากไหนมาสั่งข้า”

เยี่ยเฉินแค่นหัวเราะ

“มิน่าถึงกล้าจองหองเช่นนี้ ที่แท้ก็เหยียบย่างอมตะเคราะห์ด่านสองแล้วนี่เอง น่าเสียดาย ลำพังแค่ความแข็งแกร่งของเจ้า คิดอยากต่อกรกู่ฝอจื่อเกรงว่ายังไม่พอ”

เซี่ยวชางเทียนเอ่ยวิจารณ์

เยี่ยเฉินอดหัวเราะไม่ได้ กล่าวว่า “เจ้าก็อยู่อมตะเคราะห์ด่านสองเหมือนกันไม่ใช่หรือ ยังกล้าปากดีเช่นนี้อีก ไม่กลัวลิ้นขาดหรือไร”

ทั้งคู่ต่างปะทะคารมกัน ภายในใจก็ผุดเพลิงโทสะใหญ่ยิ่งขึ้นมา ราวกับศัตรูคู่แค้นพานพบกันบนทางคับแคบ

และในเวลานี้เองมีคนมุ่งหน้ามาส่งข่าว “คุณชาย เพิ่งได้ข่าวเมื่อครู่ มีคนมุ่งหน้าไปสังหารที่อาณาเขตเขาวิญญาณหมื่นอสูรแล้วขอรับ”

“ใคร”

สีหน้าเยี่ยเฉินและเซี่ยวชางเทียนเปลี่ยนไปทันที ความสนใจถูกเบี่ยงเบน เอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“คล้ายว่าเป็นเซียวชิงเหอ ผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราขอรับ”

สวบ!

เมื่อได้ยินข่าวนี้เยี่ยเฉินและเซี่ยวชางเทียนก็ไม่อาจสนใจการฟาดฟันกันเอง ต่างเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมๆ กัน เร่งรุดมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของเขาวิญญาณหมื่นอสูร

……

ในวันนี้เขาแดนมงคลอันเป็นอาณาเขตของขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทอง สำนักยุทธ์นครนิล เผ่าโบราณแสงทมิฬ และเผ่าวิญญาณสมุทรล้วนถูกบุกทำลาย บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน!

วันนั้นแดนอัคคีทักษิณปั่นป่วน ระลอกคลื่นยักษ์ซัดโหม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่า ‘ยอดคู่ดาบกระบี่’ แห่งแดนกาฬทักษิณอย่างดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียนและมารกระบี่เยี่ยเฉินร่วมมือกันเป็นครั้งแรก ซัดโถมฝนเลือดลมคาวครั้งนี้ขึ้น ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนต่างหวาดหวั่นสั่นสะท้าน

ทั้งหมดนี้ล้วนทำเพื่อปมแค้นที่ยังไม่คลี่คลายตอนที่เทพมารหลินยังมีชีวิตอยู่!

ชั่วขณะนั้นขุมอำนาจที่มีความแค้นกับหลินสวินมาแต่เดิม ต่างพากันกระวนกระวายอยู่ไม่สุข

แม้แต่ผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่มีความสุขบนคราวเคราะห์ที่หลินสวินประสบยังล้วนเงียบกริบปานจักจั่นหน้าหนาว ไม่กล้าพูดพล่อยๆ อีกด้วยเกรงว่าจะหาเรื่องใส่ตัว

และในเวลานี้เอง ผู้คนถึงได้รู้ว่าแม้ตัวหลินสวินจะดับสิ้น แต่อิทธิพลของเขา… ยังคงอยู่!

……

เวลาครึ่งปีเพียงพอให้เกิดเรื่องราวมากมาย

โดยเฉพาะแดนเก้าบนที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่ง นองเลือด และเข่นฆ่า มีเรื่องโกลาหลไร้ใดเปรียบเกิดขึ้นแทบทุกวัน

ชิ้ง!

เมื่อความคิดของหลินสวินไหลเคลื่อน ดาบหักก็โฉบพุ่งออกจากกลางเตาหลอม มันราวกับเปล่งแสงมายาออกมา ฉับไวเบาหวิวราวกับขนนกก็ไม่ปาน

มันลอยอยู่กลางอากาศเงียบๆ ประกายคมกริบที่มันปล่อยออกมาทำเอาห้วงอากาศรอบบริเวณถูกตัดขาดฉีกทึ้งทุกอณู ส่งเสียงครวญออกมา

ระหว่างที่ละอองแสงพร่างพรม บนตัวมันปรากฎลายมรรคลึกลับที่คลุมเครือเป็นสายๆ เปล่งแสงทอประกายที่พาให้ผู้คนใจสะท้านออกมา

‘อานุภาพของมันเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนสองส่วน!’

หลินสวินคุ้นเคยกับดาบหักเป็นอย่างดี ยามนี้ดาบหักที่ผ่านการหล่อหลอมมาครึ่งปี หลอมเจตวัตถุไปมากมายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดขึ้น นี่ย่อมหนีไม่พ้นจากสายตาเฉียบคมของหลินสวินเป็นธรรมดา

อานุภาพสองเท่า นี่ก็น่าทึ่งมากแล้ว!

สำหรับผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกัน ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยยามประจันหน้าอาจชี้ขาดความเป็นความตายได้เลยทีเดียว!

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินขมวดคิ้วคือ แม้ว่าอานุภาพจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่ดาบหักกลับไม่มีร่องรอยของการวิวัฒน์เลย ยังคงมีสภาพหักบิ่นไม่สมบูรณ์ตามเดิม

เห็นได้ชัดว่าหากอยากทำให้ดาบหักกลับสู่สภาพสมบูรณ์ เกรงว่ายังมีหนทางอีกยาวไกลให้ต้องก้าวเดิน

สิ่งนี้ทำให้หลินสวินยิ่งมั่นใจ ว่าต้นกำเนิดของดาบหักต้องไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุดแน่นอน!

‘ต่อไปก็เริ่มเตรียมทะลวงขั้นได้แล้ว…’

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึก สลัดความคิดฟุ้งซ่านในสมองทิ้งไป โยนดาบหักเข้าเพลิงมรรคอัศจรรย์ทำการหลอมต่ออีก ส่วนตัวเขาก็เริ่มหลับตาบำเพ็ญเพียรอีกครั้ง

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเมื่อก่อนคือ รูปจำลองพลังจิตสามองค์ของเขาเริ่มทำการเคี่ยวกรำฝึกฝนสามแบบ อย่างการฝึกปราณ หยั่งรู้มรรค และเคี่ยวกรำวิชายุทธ์ในเวลาเดียวกัน

……

แดนอัคคีทักษิณ บริเวณที่ตั้งศิลาศึกอัคคีทักษิณ

การแข่งขันกระดานทองคำผู้กล้าดำเนินมาต่อเนื่อง ทุกช่วงสั้นๆ อันดับของผู้แข็งแกร่งร้อยคนแรกในกระดานจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะ

ควรรู้ว่าการช่วงชิงอันดับบนกระดานทองคำผู้กล้าไม่ได้มีเพียงในแดนอัคคีทักษิณเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งจากแดนอื่นๆ ในแดนเก้าบนก็เข้าร่วมด้วยเช่นเดียวกัน

แค่คิดก็รู้ว่าการแข่งขันระดับนี้จะดุเดือดถึงเพียงใด!

ในวันนี้อวิ๋นชิ่งไปมาถึงแล้ว เขาสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่เบื้องหน้าศิลาศึกอัคคีทักษิณ สายตาลุ่มลึกและราบเรียบ

“ศิษย์พี่อวิ๋น สืบข่าวได้ความแน่ชัดแล้ว เจ้าเด็กหลินสวินนั่นสิ้นชีพใต้แม่น้ำนรกเมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว ได้รับการยืนยันจากข่าวต่างๆ แล้ว คงไม่ใช่เรื่องเท็จแน่นอน”

ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าคนหนึ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เอ่ยปากเสียงเบาอย่างเคารพยำเกรง

“ตายแล้วหรือ”

อวิ๋นชิ่งไป๋อึ้งไป

ก่อนจะมาแดนเก้าบน เขาเคยพูดไว้ประโยคในใจว่า ‘ยามได้เป็นขอบเขตมกุฎระดับราชัน หากเจ้าไม่มา ข้าก็จะไปหาเจ้าเอง’

นี่คือจิตสังหารที่หนักแน่นไร้ใดเปรียบอย่างหนึ่ง ฟ้าไม่อาจมีตะวันสองดวง เขาไม่อาจยอมทนให้หลินสวินรอดชีวิตออกจากแดนมกุฎ

แต่ใครเลยจะคิด ขณะที่เขามาหาหลินสวิน เจ้าหนุ่มที่เคยถูกเขามองเป็นเป้าหมายที่ต้องฆ่าตายให้ได้คนนี้ กลับตายไปตั้งแต่หนึ่งปีก่อนแล้ว…

หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง มุมปากอวิ๋นชิ่งไป๋ก็อดเผยองศาเย้นหยันขึ้นมาไม่ได้ นี่… ช่างเป็นเรื่องเหนือคาดที่พาให้ผู้คนหัวเราะเยาะเสียจริง

………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์