ตอน ตอนที่ 1240 อิทธิพลของเทพมารหลิน จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 1240 อิทธิพลของเทพมารหลิน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ภารกิจสำรวจแดนโลหิตแม่น้ำนรกสิ้นสุดลงแล้ว ข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในนั้นก็พลอยแพร่กระจายตามออกไปด้วย
ผู้ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดมีสามคน
คนแรกคือหลินสวิน บุคคลชั้นยอดอย่างอู่ซานหลินสัตว์ประหลาดยุคโบราณ อูหลิงเต้าองค์ชายสิบสามเผ่าอีกาทอง ล้วนตายด้วยน้ำมือของเขา ผลงานการต่อสู้โดดเด่นสะดุดตา ทำให้ผู้คนสนอกสนใจ
แต่สิ่งที่พาให้ผู้คนเสียดายก็อยู่ที่จุดนี้เหมือนกัน มกุฎราชันที่เจิดจ้าคนหนึ่งเช่นนี้กลับต้องมาจบชีวิตใต้แม่น้ำนรก ไม่ว่าใครได้ยินเกรงว่าคงไม่อาจรักษาความสงบเอาไว้ได้
คนที่สองคือบุตรนรก บุคคลน่าหวาดกลัวที่หลับใหลไปหมื่นสมัย ปรากฏสู่โลกจากแท่นบูชานรกเทพ พลังต่อสู้ย่อมแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างหวังเสวียนอวี๋ยังถูกซัดสะเทือนติดๆ กันด้วยสองกระบวนท่า!
หนำซ้ำในมือเขายังครอบครองกาหลอมจิตจักรพรรดินรก ผนึกศุภโชคพลิกฟ้าไว้มากมาย พาให้ผู้คนน้ำลายไหลและกริ่งเกรงอย่างอดไม่ได้
แต่ว่าบุตรนรกใช่ว่าไร้ศัตรู
เพราะทุกคนต่างรู้ดี เทพมารหลินเคยทำเขาเจ็บสาหัส อีกทั้งนกทมิฬตัวใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ที่ร่วมมือกันยังใช้กระทะดำเก็บเอากาหลอมจิตจักรพรรดินรกไปจากมือเขา!
ที่น่าเสียดายคือ เทพมารหลินยังไม่ทันเพลิดเพลินกับชัยชนะกลับต้องมาสิ้นชีพลงเสียก่อน…
คนที่สามก็คือกู่ฝอจื่อ
กล่าวได้ว่าเหตุที่กู่ฝอจื่อดึงดูดความสนใจจากทั่วทิศ ก็เป็นเพราะการตายของหลินสวินล้วนๆ นี่เป็นฝีมือเขา!
เทพมารหลินแข็งแกร่งหรือไม่
แข็งแกร่ง!
ไม่ว่าในดินแดนรกร้างโบราณหรือแดนมกุฎแห่งนี้ เพียงแค่คำว่า ‘เทพมารหลิน’ สามคำนี้ ก็เพียงพอจะเขย่าขวัญเหล่าผู้กล้า ทำเอาผู้คนได้ยินแล้วต้องหน้าเปลี่ยนสี
แต่สุดท้ายก็ยังมาตายในสถานการณ์ที่กู่ฝอจื่อตั้งใจวางเอาไว้!
เมื่อเป็นเช่นนี้ กู่ฝอจื่อไม่อยากดึงดูดความสนใจจากผู้คนยังล้วนยากนัก
แน่นอน เมื่อก่อนกู่ฝอจื่อเองก็มีชื่อเสียงเลื่องระบือเป็นที่สุด เพียงแต่ทำตัวลึกลับอย่างมาก มีข่าวของเขาแพร่งพรายออกมาน้อยยิ่ง
แต่ยามนี้เขาเรียกได้ว่าศึกเดียวสร้างชื่อ เหยียบซากศพของเทพมารหลิน ได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างที่สุด!
นอกจากพวกเขาสามคน ยังมีข่าวสารอื่นๆ บางส่วนที่สะเทือนจิตใจผู้คน แต่เมื่อเทียบกันแล้วผลกระทบล้วนด้อยกว่าไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด
……
“เทพมารหลินตามแล้ว ฮ่าๆๆ พี่เจ็ด น้องสิบสาม นี่ก็คือลิขิตสวรรค์! พวกเจ้าตายตาหลับกันได้แล้ว!”
เบื้องหน้าเขาฝนดาวตก อูหลิงคงองค์ชายเก้าเผ่าอีกาทองทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ น้ำเสียงเศร้าสลดและมีความชื่นมื่นอย่างบอกไม่ถูก
เบื้องหลังของเขา สีหน้าผู้แข็งแกร่งเผ่าอีกาทองต่างเจือแววตื่นเต้นและแววเจ็บปวดปนกันไป
เทพมารหลินคนเดียวสังหารผู้แข็งแกร่งของพวกเขาไม่รู้เท่าไร ยามนี้ในที่สุดก็ประสบเคราะห์ ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกเหมือนความแค้นได้รับการชำระ
……
“ดี!”
“สวรรค์มีตา ในที่สุดก็ทำให้เจ้าหมอนี่สิ้นชีพ!”
“ตายได้ดี ตายอย่างยอดเยี่ยม ใครจะไปเชื่อว่าเทพมารหลินจะถึงกับถูกคนวางกับดักสังหารกันเล่า ฮ่าๆๆ…”
ในวันนี้ผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่อย่างเขาวิญญาณหมื่นอสูร สำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร ลัทธิบูชาจันทร์เป็นต้น ต่างรวมตัวอยู่ด้วยกัน
ยามพูดคุยถึงข่าวการตายของหลินสวิน ต่างพากันหน้าระรื่น มีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่น ราวกับได้กำจัดก้อนหินหนักอึ้งที่สุดในใจไปแล้ว
……
“คนทั่วหล้าต่างกำลังพูดกันหนาหูว่าหลินสวินตายไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เชื่อ”
จี้ซิงเหยากล่าวเสียงเบา นางสวมชุดขาวราวหิมะ เงาร่างอรชรงดงามดุจภาพวาด
โม่เทียนเหอที่อยู่ข้างๆ ทอดถอนใจหนึ่งครา กล่าวว่า “ศิษย์น้อง พวกเราล้วนเฝ้าอยู่ที่นอกเขตต้องห้ามแม่น้ำนรกนี่มาครึ่งเดือนแล้ว กลับไม่เคยเห็นเขาปรากฏตัวออกมาสักที เจ้าคิดว่าเขายังมีชีวิตรอดอยู่อีกหรือ”
“รอดสิ!”
คนที่ตอบกลับคือเจ้าคางคก เขาเยือกเย็นผิดธรรมดา จับจ้องไปยังทิศของเขตต้องห้ามแม่น้ำนรก กล่าวว่า “เขาเป็นพี่ใหญ่ของข้าจินตู๋อี มีหรือจะตายไปทั้งอย่างนี้ได้”
น้ำเสียงต่ำลึกคล้ายฝืนข่มอารมณ์ภายในใจเอาไว้
จากนั้นเขาเก็บสายตากลับมา หมุนตัวฉับพลันแล้วสาวเท้าฉับๆ เดินไกลออกไป
“เจ้าจะไปไหน”
จี้ซิงเหยาถาม
“เร็วเข้า ห้ามเขาไว้ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะไปแก้แค้นกู่ฝอจื่อ!”
ทันใดนั้นโม่เทียนเหอหน้าเปลี่ยนสีทันควัน ไล่ตามไปพร้อมกับจี้ซิงเหยา
เพียงแต่ตอนที่ไล่ตามไปนั้นไหนเลยจะยังมีเงาของเจ้าคางคกอยู่อีก
……
แดนวาโยอาคเนย์ หนองน้ำสีเทาขุ่นทั้งแถบ
ชิ้ง!
เจตกระบี่พร่างพราวราวกับดอกไม้ไฟสายหนึ่งปรากฏขึ้นทันควัน กลายร่างเป็นปราณกระบี่นับพันนับหมื่นปกคลุมลงไป
เสียงอู้อี้มากมายดังขึ้นระลอกหนึ่ง ปนกับเลือดที่พุ่งกระเซ็นและเสียงร้องโหยหวน
ผ่านไปครู่หนึ่งในลานกลับสู่ความสงบตามเดิม บนพื้นมีซากศพโชกเลือดเพิ่มขึ้นเจ็ดแปดศพ
ชิ้ง!
ชายหนุ่มชุดเทาที่ยืนในลานเพียงลำพังเก็บกระบี่เขียวสามฉื่อในมือ ก่อนหมุนกายจากไป
เทพมารหลินตายแล้ว!
ยามกลับจากหนองน้ำ พอได้ยินข่าวนี้เข้าชายหนุ่มชุดเทาก็อึ้งงัน สองมือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว เส้นเลือดบริเวณหลังมือปูดโปน!
“ปีนั้นเจ้าเห็นข้าเยวี่ยเจี้ยนหมิงเป็นพี่น้อง วันนี้ข้าจะใช้ชีวิตของข้าแก้แค้นแทนเจ้า!”
เนิ่นนานชายหนุ่มชุดเทาจึงขยับตัว ทะยานกลางฟ้าดินเพียงลำพัง นิ่งเงียบและหนักแน่น
ราชาปฏิบัติต่อข้าด้วยเมตตา ข้าย่อมแทนคุณ!
……
“ศิษย์น้องจิ่งเซวียน เทพมารหลินตายแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมปล่อยวาง”
แดนอัคคีทักษิณ เยี่ยนจั่นชิวขมวดคิ้ว
นับตั้งแต่ได้ยินข่าวการตายของหลินสวิน จ้าวจิ่งเซวียนก็มุ่งหน้ามาแดนอัคคีทักษิณราวกับถูกผีสิงก็ไม่ปาน
เจ็ดวันเจ็ดคืนไม่หยุดไม่พัก
นางไม่เชื่อว่าหลินสวินจะตาย!
ข่าวการตายของหลินสวินกระทบวงกว้าง เหนือกว่าที่คาดการณ์ลิบลับ
ขณะที่ทุกคนต่างตกใจว่าเหตุใดข่าวเหล่านี้ถึงแพร่สะพัดทั่วแดนเก้าบนนั้น ถึงเพิ่งค้นพบว่าที่แท้อิทธิพลของหลินสวินสามารถชักจูงจิตใจของทุกๆ คนได้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว!
นี่ ไม่ใช่บารมีอย่างหนึ่งหรอกหรือ
แต่ที่น่าเสียดายคือ บารมีเช่นนี้กลับปรากฏขึ้นหลังจากที่เขาสิ้นลมไปแล้ว…
สิ่งนี้พาให้ผู้คนต่างทอดถอนใจ
ก็เหมือนกับอาทิตย์บนฟากฟ้า ที่ผ่านมามันอยู่ตรงนั้นตลอด ผู้คนคุ้นเคยกับการมีอยู่ของมันมานานแล้ว แต่เมื่อวันหนึ่งมันร่วงหล่นไม่ปรากฏตัวอีกต่อไป ผู้คนถึงได้ค้นพบความเป็นหนึ่งไม่มีสองของดวงอาทิตย์!
กาลเวลาไร้ปรานี คำกล่าวนี้เป็นเรื่องจริง พร้อมๆ กับเวลาที่เคลื่อนคล้อย ข่าวเกี่ยวกับหลินสวินก็ค่อยๆ สงบลง
แดนเก้าบนล้วนมีเรื่องใหญ่ชวนตื่นเต้นเกิดขึ้นในทุกช่วงเวลา
มีบุคคลแห่งยุคผงาดง้ำ นำมาซึ่งชื่อเสียงพักหนึ่ง
มีสถานที่แห่งศุภโชคที่พลิกฟ้าปรากฏสู่โลก ดึงดูดผู้แข็งแกร่งจากทั่วทิศมุ่งหน้าไปเสาะแสวงหา
การพูดคุยเรื่องของหลินสวินก็ค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ แต่ต่อให้เอ่ยถึงก็ได้แต่ส่งเสียงถอนใจเบาๆ อย่างเสียดายออกมา หรือไม่ก็เป็นเสียงหัวเราะมีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่น
แดนอัคคีทักษิณระเบิดเพลิงศึกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนที่ผ่านมา เกิดการปะทะนองเลือดเป็นปกติ
ในวันนี้ ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งมาถึงเขาฝนดาวตก
“ฆ่า อย่าให้เหลือแม้แต่ซาก!”
เยี่ยเฉินซึ่งเป็นผู้นำแววตาเย็นเยียบ
ออกคำสั่งคราเดียว ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเขาต่างวิ่งกรูออกไป
ไม่ทันไรบนเขาฝนดาวตกก็มีสารพัดเสียงดังก้องขึ้น ทั้งเสียงคำรามเกรี้ยวกราด เสียงร้องโหยหวน เสียงตะคอกอาฆาตแค้น…
ประกายศักดิ์สิทธิ์ ละอองแสง เสียงธรรม แสงสมบัติ ต่างตัดสลับไปมาบนภูเขา ส่องสว่างทั่วเวิ้งฟ้า
ที่นั่นโลหิตแดงฉาน การเข่นฆ่าอันดุเดือดกำลังเปิดฉากประหนึ่งแดนนรก
เยี่ยเฉินในชุดคลุมสีม่วงทั้งร่าง ผมดำเงาลื่นราวกับผ้าไหมเป็นประกายขึ้นมัน เงาร่างผอมสูงตั้งตรงดุจกระบี่เล่มหนึ่ง คล้ายกับสามารถจ้วงทะลวงเวิ้งฟ้า
ภาพน่าอนาถและแสงเพลิงบนภูเขาที่อยู่ไกลออกไปส่องสะท้อนในนัยน์ตาของเขา แต่กลับไม่อาจชักนำระลอกคลื่นเคลื่อนไหวแม้เพียงเสี้ยว ราบเรียบและเยียบเย็นอย่างเห็นได้ชัดถึงเพียงนั้น
เนิ่นนาน อูหลิงคงรัชทายาทองค์ชายเก้าเผ่าอีกาทองหนีโซซัดโซเซออกมาจากเขาฝนดาวตก
ฟุ่บ!
เพียงแต่ไม่รอให้หนีไป เขาก็ถูกกระบี่สีม่วงเล่มหนึ่งแทงทะลวงอก และในเวลาเดียวกันเขาก็มองเห็นเยี่ยเฉินที่อยู่ไกลออกไป
เขาย่อมรู้จักมารกระบี่เยี่ยเฉินแห่งเขาจื่อเวยแดนกาฬทักษิณอยู่แล้ว!
เพียงแต่เขากลับไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยเฉินถึงต้องบุกโจมตีเผ่าอีกาทองของเขาด้วย
“เพราะอะไร”
สายตาอูหลิงคงอาฆาตแค้น
“ตอนยังอยู่หลินสวินมีศัตรูมากมาย ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว แต่ศัตรูพวกนั้นยังเสพสุขอยู่บนโลก ข้าเห็นแล้วขัดตา ดังนั้นจึงตัดสินใจช่วยเขาแก้แค้นทีละคน คลายปมในใจที่ยังไม่ได้แก้ตอนที่เขายังไม่ตาย”
เยี่ยเฉินอาภรณ์โบกสะบัด เอ่ยปากเรียบๆ
——
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์