ห่างออกไป แท่นบูชาที่สูงพันฉื่อตั้งตระหง่านอยู่ เป็นสีเขียวหยกทั้งแท่น สว่างใสและศักดิ์สิทธิ์ราวกับกระจก
นี่ก็คือแท่นบูชาที่จักรพรรดิสงครามในอดีตคนนั้นเหลือเอาไว้ และเป็นจุดสำคัญของเมืองนี้
เพียงแต่ไม่รอให้หลินสวินกับนกทมิฬดีใจไวเกินไป พลันเห็นบนแท่นบูชานั่นมีเงาร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่เงาหนึ่ง
เงาร่างนั้นอยู่ในชุดคลุมสีนิล ผมสีม่วงราวกับคลื่น เครื่องหน้าเด็ดเดี่ยวหนักแน่น บุคลิกโดดเด่นอย่างที่สุด
เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นของเขากลับเต็มไปด้วยไอมรณะแปลกประหลาดชวนขนลุก
ราชันผีเสวียนคง!
ไม่ต้องรอยืนยัน ก็รู้ฐานะของเขาแล้ว
เพราะกลิ่นอายของเขารุนแรงเกินไป ยังห่างกันตั้งไกลก็ให้ความรู้สึกกดดันพุ่งปะทะเข้าหาหลินสวินและนกทมิฬ จนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่รอมร่อ
“แย่แล้ว! เจ้าหมอนี่เกรงว่ากำลังจะบรรลุอริยะแล้ว!”
นกทมิฬสั่นไปทั้งตัว ร้องตะโกน “ถอย ถอยเร็ว!”
ในใจหลินสวินก็หนาวสะท้านขึ้นมาระลอกหนึ่ง เขากับนกทมิฬเดาผิดแล้ว ประเมินความน่ากลัวของราชันผีเสวียนคงผู้นี้ต่ำไปมาก!
เผชิญหน้ากับเขา ราวกับมดที่แหงนมองมังกรเทพบนท้องฟ้า จะเอาอะไรไปสู้
“ไป!”
เขากับนกทมิฬหมุมตัวหนีอย่างไม่ลังเล
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดตั้งแต่เมื่อวานผู้ฝึกปราณทุกคนที่เข้าสู่เมืองนี้ล้วนไปไม่กลับ
แค่ราชันผีเสวียนคงผู้เดียว ก็เพียงพอจะทำให้หมดหวังแล้ว!
“เมื่อครั้งข้ายังมีชีวิตอยู่ พิชิตสี่ทิศ เคยต่อสู้กับอริยะเก้าดินแดน สังหารศัตรูนับไม่ถ้วน ชนะจนได้ขนานนามว่าเป็นมหาอริยะเสวียนคง!”
เสียงที่เย็นยะเยือกน่ากลัวดังก้องขึ้นมา
ฟ้าดินแถบนี้พลันเงียบเชียบจนน่าแปลก ศพเน่าเปื่อยเหล่านั้นต่างหยุดการกระทำ หมอบคลานกับพื้นคล้ายกำลังศิโรราบ
แต่หลินสวินกับนกทมิฬค้นพบโดยพลันว่า พวกเขาถูกพลังที่น่ากลัวสายหนึ่งกักขัง ร่างกายค้างอยู่กลางอากาศ ราวกับลูกปลาน้อยที่ถูกแช่อยู่ในชั้นน้ำแข็ง
ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์!
ใบหน้าของทั้งสองต่างย่ำแย่ขึ้นมา หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เพิ่งจะตระหนักได้ในตอนนี้ว่าราชันผีเสวียนคงนี่น่ากลัวเพียงใด!
ห่างออกไปบนแท่นบูชาที่ราวกับกระจกหยกเขียว ราชันผีเสวียนคงยืนตระหง่าน เงาร่างสูงใหญ่เหยียดตรง ราวกับทวนที่แทงทะลุท้องฟ้า แผ่กลิ่นน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“แต่ลองถามใจตัวเอง ตลอดชีวิตของข้าไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์ ยิ่งไม่ก่อหายนะในโลก แต่สุดท้ายกลับตายอย่างอยุติธรรมที่นี่ นี่มันน่าชิงชังเพียงใด”
เสียงเสียดกระดูก ฟ้าดินล้วนเงียบสงัด
“ตอนนั้นอริยะแปดดินแดนบุกรุก ข้าก้าวออกไปตั้งแต่แรก ต่อสู้เพื่อปกป้องดินแดนรกร้างโบราณ หลั่งเลือดชโลมไปมากเท่าไร แผ่นหลังแบกรับไว้กี่รอยแผล”
“แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นร่างคนไม่ใช่ผีไม่เชิง มีเพียงวิญญาณอาฆาตที่มีชีวิตอยู่ที่นี่ ฟ้าดินไร้เมตตาเช่นนี้ จะไม่ให้ข้าชิงชังได้อย่างไร”
ในเสียงแฝงความคั่งแค้นและชิงชังที่ยากจะอธิบาย พาให้คนใจหนาวเหน็บ
สีหน้าของหลินสวินกับนกทมิฬเปลี่ยนไปไม่แน่วนิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่ายามมหาอริยะเสวียนคงยังมีชีวิตอยู่ ถึงกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าชื่นชม เคยต่อสู้เพื่อต้านทานการรุกรานของแปดดินแดน!
“ช่วงชิงถูกผิดสำเร็จล้มเหลวอะไร ล้วนแต่ว่างเปล่า แต่ข้าอยากตายก็ไม่ได้ อยากเกิดก็ไม่สามารถ ถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันทรมานเพียงใด”
ผมสีม่วงของราชันผีเสวียนคงแผ่สยาย ในดวงตาไอมรณะไหลเวียน แผ่กลิ่นอายที่เหี้ยมโหดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา
เห็นได้ชัดว่า อารมณ์ของเขาไม่มั่นคงมาก!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดไม่ยอมแพ้ ให้นายท่านนกอย่างข้าโปรดสัตว์ให้เจ้าเล่า”
นกทมิฬกัดฟันร้องตะโกนว่า “เช่นนี้เจ้าก็จะหลุดพ้นอย่างสิ้นเชิงแล้วไม่ใช่หรือ”
สีหน้าของราชันผีเสวียนคงเย็นชา แววตาราวกับน้ำวนไอมรณะ จ้องนกทมิฬแล้วกล่าวว่า “โปรดสัตว์หรือ ตอนที่ข้ามีชีวิตอยู่ก็เหยียบย่างขอบเขตสูงสุดแห่งมหาอริยะแล้ว บนโลกนี้นอกจากบุคคลในระดับอริยะเหมือนกัน คนอื่นๆ ล้วนไม่มีสิทธิ์โปรดสัตว์ให้ข้า!”
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าย่ามใจอย่างมาก
“เจ้ามีทุกข์ของเจ้า แต่เหตุใดต้องระบายความแค้นกับพวกเรา ตอนมีชีวิตอยู่เจ้าเป็นถึงมหาอริยะที่ได้รับความเคารพนับถือจากผู้คน แต่ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ กลายเป็นอะไรไปแล้ว”
นกทมิฬต่อว่า
ราชันผีเสวียนคงพลันแหงนหน้าหัวเราะลั่นขึ้นมา เสียงหัวเราะกลับเย็นชาและเรียบเฉยอย่างที่สุด “ยามประสบเคราะห์ปีนั้น หลังจากถูกขังอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่ใช่ตัวข้าอีกต่อไป พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเช่นนี้อ้อนวอนอีก สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่เข้ามาในเมืองนี้ ข้าจะไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว!”
ตอนที่พูดไอสังหารที่เข้มข้นรุนแรงแผ่พุ่งออกจากตัวเขา
หลินสวินกับนกทมิฬใจหดเกร็งทันควัน
“ช้าก่อน!”
เพียงแต่ไม่รอหลินสวินพูดจบ จู่ๆ ราชันผีเสวียนคงก็แปลงเป็นประกายม่วงสายหนึ่ง กรีดวาดผ่านอากาศ เคลื่อนมาทางหลินสวิน
“หนังหน้าเจ้าไม่เลว รอข้าสร้างหนทางอริยะขึ้นใหม่ จะใช้ใบหน้าของเจ้ากวาดล้างโลก!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่โหดเหี้ยมเย็นชา ประกายม่วงนั่นพุ่งเข้าไปในร่างหลินสวินกะทันหัน หมายจะชิงเมล็ดพันธุ์แห่งมรรคและดับจิตวิญญาณของเขา!
และตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินขยับตัวไม่ได้เลย ได้แต่มองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตาปริบๆ
ตูม!
เขาเพียงรู้สึกว่าพลังดุร้ายที่รุนแรงอย่างที่สุดโลดแล่นภายในร่าง ภาพตรงหน้ามืดสลัว เกือบหมดสติไป
‘ช่างเป็นคุณลักษณะจิตวิญญาณที่น่าทึ่ง ถึงกับแปลงหนึ่งเป็นสาม แต่ละส่วนควบคุมวิชาแห่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต เยี่ยมยอด!’
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นในห้วงนิมิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์