Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1278

เสียงยังไม่ทันเงียบลง เงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ก็หายลับไปแล้ว

ขวับ!

แทบจะในขณะเดียวกัน หลินสวินก็เหยียบลงไปบนหลังนกทมิฬแล้วพูดว่า “ตามไป!”

นกทมิฬกลอกตา นี่แม่งมองตนเป็นสัตว์พาหนะแล้วนะ ที่สำคัญคือไม่ใช่ขี่ด้วย…

แต่มันก็รู้ว่าโอกาสชั่วพริบตาใกล้จะหายไป จึงไม่กล้าชักช้าร่ำไร เคลื่อนไหวในทันใดประหนึ่งสายฟ้าวูบไหว

ว่ากันด้านความเร็ว วิชาเคลื่อนย้ายของนกทมิฬเกรงว่าแม้แต่หลินสวินยังสู้ไม่ได้

ทันทีที่พุ่งออกจากสถูปเจดีย์ หลินสวินก็เห็นเงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋กำลังท่องหนีไปในหมู่ภูเขากระดูกขาวไกลออกไป ทั้งรวดเร็วจนน่าตกตะลึง

“เร็วขึ้นอีก!”

ดวงตาดำหลินสวินราวสายฟ้า ครั้งนี้ย่อมเป็นโอกาสงามยิ่งที่จะสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋ ทันทีที่พลาดไปก็คงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้แล้ว

โครม!

ก็เห็นว่าในห้วงอากาศ ยามเงาร่างของนกทมิฬหายลับไปครู่ใหญ่ ถึงมีรอยแยกเรียวยาวรอยหนึ่งฉีกออกกลางห้วงอากาศ เกิดเสียงระเบิดแสบแก้วหูหาใดเทียบขึ้น

ความไวแสง รวดเร็วกว่าความไวเสียงมากนัก

แม้ความไวของนกทมิฬจะไม่อาจเทียบได้กับการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา แต่ก็ไม่ต่างกันเท่าไร

ไม่นานนักก็ค่อยๆ เข้าใกล้อวิ๋นชิ่งไป๋แล้ว!

สวบ!

หลินสวินที่ออมพลังไว้รอท่าอยู่ก่อนแล้วลงมือโดยไม่ลังเล ดาบหักโฉบออกไปอย่างรุนแรง

กระบวนเฉือนนภาสงัด!

ในหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า พลังสังหารของกระบวนเฉือนนภาสงัดอาจไม่แข็งแกร่งเท่ากระบวนเฉือนเกิดดับหรือกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ แต่ว่องไวที่สุด

เกิดเสียงดังฟุ่บครั้งหนึ่ง ณ ที่ไกลลิบ เลือดกระฉูดออกมาจากร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ ทิ้งบาดแผลลึกจนเห็นกระดูกไว้ที่บริเวณไหล่

ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้หันหลังกลับมาเลย ความเร็วก็ไม่ได้รับผลกระทบ กลับยิ่งว่องไวขึ้นอีก ประหนึ่งไม่รู้สึกสะทกสะเทือนกับบาดแผลภายนอกเช่นนี้สักนิด

สิ่งนี้พาให้ใจหายวาบ!

และยังดูออกว่าสภาวะจิตของเขาสุขุมเยือกเย็นและแน่วแน่ ต่อให้เป็นการหลบหนีก็ไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

อีกทั้งทั่วร่างของเขาปรากฏคมกระบี่ประหนึ่งมัจฉาแหวกว่ายสายแล้วสายเล่า ไหลเวียนดังซู่ซ่าไม่ว่างเว้น ปกป้องทั้งกายเขาไว้

ดุจดั่งปีกกระบี่อันเจิดจรัสดุดันคู่หนึ่ง!

ปึง!

เมื่อดาบหักฟันออกไปอีกครั้งหนึ่ง ก็เห็นว่าคมกระบี่ราวหมู่มัจฉานั้นหมุนวน แปรสภาพเป็นวังวนปราณกระบี่แน่นขนัดเป็นลูกๆ สลายพลังกระบวนเฉือนนี้ของดาบหักทุกกระเบียด ท่ามกลางเสียงเสียดสีและกระทบกระทั่งกันไม่ว่างเว้น

ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ อวิ๋นชิ่งไป๋อาศัยพลังจู่โจมเช่นนี้ทำให้ยิ่งว่องไวขึ้นไปอีก

แต่หลินสวินสังเกตได้อย่างฉับไวว่าเงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋สั่นไหวครู่หนึ่งเพราะถูกโจมตี เห็นได้ชัดว่าเขาก็กำลังย่ำแย่!

ปึงๆๆ!

ในช่วงเวลาต่อมาหลินสวินออกโจมตีไม่หยุดหย่อน แต่ล้วนถูกวังวนปราณกระบี่หนาแน่นนั่นขัดขวางไว้โดยไม่มีข้อยกเว้น

ต่อให้ถูกทำลายก็จะมีวังวนปราณกระบี่ใหม่ปรากฏขึ้นตามมา ประหนึ่งเกิดใหม่ไม่ว่างเว้น

ระหว่างที่ผู้หนึ่งหนีผู้หนึ่งตามอยู่เช่นนี้ พวกเขาได้เคลื่อนตัดบริเวณสถูปเจดีย์ ออกจากแดนธรรมสถูปแล้ว…

ก็เห็นว่าเหนือเวิ้งฟ้า ปราณกระบี่สง่างามราวรุ้งโผนทะยานลากให้เกิดเป็นรอยแหลมยาวเส้นหนึ่ง ชั้นเมฆระเบิดโครมครามราวฟองสบู่ไปทั่วทุกที่ที่ลากผ่าน

ส่วนเบื้องหลังของมัน นกทมิฬก็ตามติดไม่ปล่อยราวกับอสนีบาตสีดำ!

“นั่นอะไร”

“กลิ่นอายน่ากลัวจริง อย่างน้อยต้องมีพลังระดับยักษ์ใหญ่อมตะเคราะห์!”

“ตกลงเป็นใครกำลังประชันอยู่บนเวิ้งฟ้ากันแน่”

ตลอดทางผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไรตื่นตะลึงฮือฮาไม่ว่างเว้น แต่เมื่อสายตาของพวกเขามองออกไป เหนือเวิ้งฟ้านั้นก็ไม่มีเงาของทั้งสองฝ่ายนานแล้ว

เห็นเพียงรอยแยกน่ากลัวที่หลงเหลือในห้วงอากาศที่ทั้งสองเคลื่อนผ่าน กลิ่นอายเช่นนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งโดยมากหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ากลิ่นอายเช่นนี้เป็นของอวิ๋นชิ่งไป๋”

และมีผู้ที่สายตาแหลมคมสังเกตได้ถึงเค้าลางบางอย่างจากกลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่ในที่นั้น อดสูดหายใจหนาวเย็นไม่ได้ ฉงนใจไม่หยุดหย่อน

“เป็นไปไม่ได้! ตอนนี้อวิ๋นชิ่งไป๋เหมือนเป็นอันดับหนึ่งในแดนเก้าบนไปแล้ว ตั้งแต่หลายปีก่อนได้ไต่ขึ้นสู่อันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้า กระทั่งตอนนี้ตำแหน่งนี้ยังไม่เคยถูกใครสั่นคลอน ในโลกปัจจุบันจะมีใครตามฆ่าเขาได้กัน”

หลายคนต่างไม่เชื่อ

อวิ๋นชิ่งไป๋ เพียงแค่นามก็เหมือนตำนานไร้พ่ายผู้หนึ่ง สามารถทำให้ไม่ว่าใครก็รู้สึกสิ้นหวังได้!

ตามข่าวลือ ก่อนหน้านี้ไม่นานอวิ๋นชิ่งไป๋ได้บรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านห้าไปแล้ว ราวกับเทพองค์หนึ่ง!

ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครจะสามารถไล่ฆ่าจนเขาต้องหนีได้

เรื่องนี้ดูน่าขันเกินไปแล้ว!

แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร การประชันที่คนหนึ่งไล่คนหนึ่งหนีเช่นนี้ยังดึงดูดความครึกโครมใหญ่ยิ่ง พาให้ดวงตาทุกคู่ตื่นตะลึง

……

“เร็วขึ้นอีก!” หลินสวินกระตุ้น

นกทมิฬเค้นพลังถึงขีดสุดแล้ว เหนื่อยล้าจนแทบน้ำลายฟูมปาก แต่ก็ทำได้เพียงทนไว้

มันรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรคราวนี้หลินสวินก็จะต้องรั้งอวิ๋นชิ่งไป๋ไว้ให้ได้

“เฉือน!”

ไม่นานนัก หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วลงมืออีกครั้ง

ปึง!

ไกลออกไปเงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ซวนเซ วังวนปราณกระบี่ทั่วร่างไหวโคลงรุนแรง คล้ายจะรับไม่ไหวแล้ว

นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกฮึกเหิมขึ้นในใจ

“อวิ๋นชิ่งไป๋ เจ้าเป็นถึงผู้สืบทอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า ไม่กล้ามาสู้กันซึ่งหน้ากับข้าหรือ”

หลินสวินตะโกนลั่น

ตอนนี้สีหน้าของอวิ๋นชิ่งไป๋ยังคงสงบนิ่ง ทว่าปรากฏแววโกรธขึ้งอยู่รางๆ แม้แต่กลิ่นอายทั้งกายก็มีแนวโน้มโมโหโทโส

แต่สุดท้ายเขาก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งและอดไว้ได้

เพราะสภาพของเขาตอนนี้ ไม่อาจใช้พลังต่อสู้ทั้งหมดได้สักนิด

คิดๆ ดูก็อัดอั้นนัก ฝึกปราณมาจนตอนนี้เขายังไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง ขอเพียงต่อสู้ล้วนบดขยี้คู่ต่อสู้ด้วยท่วงท่าเด็ดขาด จะถูกคนอื่นตามฆ่าเหมือนผีร้ายตามติดเช่นนี้ได้อย่างไร

หนำซ้ำยังได้รับบาดเจ็บแล้วด้วย!

ความรู้สึกอัปยศเช่นนี้ เขาไม่ได้สัมผัสมานานมากแล้ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์