เสียงยังไม่ทันเงียบลง เงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ก็หายลับไปแล้ว
ขวับ!
แทบจะในขณะเดียวกัน หลินสวินก็เหยียบลงไปบนหลังนกทมิฬแล้วพูดว่า “ตามไป!”
นกทมิฬกลอกตา นี่แม่งมองตนเป็นสัตว์พาหนะแล้วนะ ที่สำคัญคือไม่ใช่ขี่ด้วย…
แต่มันก็รู้ว่าโอกาสชั่วพริบตาใกล้จะหายไป จึงไม่กล้าชักช้าร่ำไร เคลื่อนไหวในทันใดประหนึ่งสายฟ้าวูบไหว
ว่ากันด้านความเร็ว วิชาเคลื่อนย้ายของนกทมิฬเกรงว่าแม้แต่หลินสวินยังสู้ไม่ได้
ทันทีที่พุ่งออกจากสถูปเจดีย์ หลินสวินก็เห็นเงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋กำลังท่องหนีไปในหมู่ภูเขากระดูกขาวไกลออกไป ทั้งรวดเร็วจนน่าตกตะลึง
“เร็วขึ้นอีก!”
ดวงตาดำหลินสวินราวสายฟ้า ครั้งนี้ย่อมเป็นโอกาสงามยิ่งที่จะสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋ ทันทีที่พลาดไปก็คงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้แล้ว
โครม!
ก็เห็นว่าในห้วงอากาศ ยามเงาร่างของนกทมิฬหายลับไปครู่ใหญ่ ถึงมีรอยแยกเรียวยาวรอยหนึ่งฉีกออกกลางห้วงอากาศ เกิดเสียงระเบิดแสบแก้วหูหาใดเทียบขึ้น
ความไวแสง รวดเร็วกว่าความไวเสียงมากนัก
แม้ความไวของนกทมิฬจะไม่อาจเทียบได้กับการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา แต่ก็ไม่ต่างกันเท่าไร
ไม่นานนักก็ค่อยๆ เข้าใกล้อวิ๋นชิ่งไป๋แล้ว!
สวบ!
หลินสวินที่ออมพลังไว้รอท่าอยู่ก่อนแล้วลงมือโดยไม่ลังเล ดาบหักโฉบออกไปอย่างรุนแรง
กระบวนเฉือนนภาสงัด!
ในหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า พลังสังหารของกระบวนเฉือนนภาสงัดอาจไม่แข็งแกร่งเท่ากระบวนเฉือนเกิดดับหรือกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้ แต่ว่องไวที่สุด
เกิดเสียงดังฟุ่บครั้งหนึ่ง ณ ที่ไกลลิบ เลือดกระฉูดออกมาจากร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ ทิ้งบาดแผลลึกจนเห็นกระดูกไว้ที่บริเวณไหล่
ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบเขาไม่ได้หันหลังกลับมาเลย ความเร็วก็ไม่ได้รับผลกระทบ กลับยิ่งว่องไวขึ้นอีก ประหนึ่งไม่รู้สึกสะทกสะเทือนกับบาดแผลภายนอกเช่นนี้สักนิด
สิ่งนี้พาให้ใจหายวาบ!
และยังดูออกว่าสภาวะจิตของเขาสุขุมเยือกเย็นและแน่วแน่ ต่อให้เป็นการหลบหนีก็ไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
อีกทั้งทั่วร่างของเขาปรากฏคมกระบี่ประหนึ่งมัจฉาแหวกว่ายสายแล้วสายเล่า ไหลเวียนดังซู่ซ่าไม่ว่างเว้น ปกป้องทั้งกายเขาไว้
ดุจดั่งปีกกระบี่อันเจิดจรัสดุดันคู่หนึ่ง!
ปึง!
เมื่อดาบหักฟันออกไปอีกครั้งหนึ่ง ก็เห็นว่าคมกระบี่ราวหมู่มัจฉานั้นหมุนวน แปรสภาพเป็นวังวนปราณกระบี่แน่นขนัดเป็นลูกๆ สลายพลังกระบวนเฉือนนี้ของดาบหักทุกกระเบียด ท่ามกลางเสียงเสียดสีและกระทบกระทั่งกันไม่ว่างเว้น
ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ อวิ๋นชิ่งไป๋อาศัยพลังจู่โจมเช่นนี้ทำให้ยิ่งว่องไวขึ้นไปอีก
แต่หลินสวินสังเกตได้อย่างฉับไวว่าเงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋สั่นไหวครู่หนึ่งเพราะถูกโจมตี เห็นได้ชัดว่าเขาก็กำลังย่ำแย่!
ปึงๆๆ!
ในช่วงเวลาต่อมาหลินสวินออกโจมตีไม่หยุดหย่อน แต่ล้วนถูกวังวนปราณกระบี่หนาแน่นนั่นขัดขวางไว้โดยไม่มีข้อยกเว้น
ต่อให้ถูกทำลายก็จะมีวังวนปราณกระบี่ใหม่ปรากฏขึ้นตามมา ประหนึ่งเกิดใหม่ไม่ว่างเว้น
ระหว่างที่ผู้หนึ่งหนีผู้หนึ่งตามอยู่เช่นนี้ พวกเขาได้เคลื่อนตัดบริเวณสถูปเจดีย์ ออกจากแดนธรรมสถูปแล้ว…
ก็เห็นว่าเหนือเวิ้งฟ้า ปราณกระบี่สง่างามราวรุ้งโผนทะยานลากให้เกิดเป็นรอยแหลมยาวเส้นหนึ่ง ชั้นเมฆระเบิดโครมครามราวฟองสบู่ไปทั่วทุกที่ที่ลากผ่าน
ส่วนเบื้องหลังของมัน นกทมิฬก็ตามติดไม่ปล่อยราวกับอสนีบาตสีดำ!
“นั่นอะไร”
“กลิ่นอายน่ากลัวจริง อย่างน้อยต้องมีพลังระดับยักษ์ใหญ่อมตะเคราะห์!”
“ตกลงเป็นใครกำลังประชันอยู่บนเวิ้งฟ้ากันแน่”
ตลอดทางผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไรตื่นตะลึงฮือฮาไม่ว่างเว้น แต่เมื่อสายตาของพวกเขามองออกไป เหนือเวิ้งฟ้านั้นก็ไม่มีเงาของทั้งสองฝ่ายนานแล้ว
เห็นเพียงรอยแยกน่ากลัวที่หลงเหลือในห้วงอากาศที่ทั้งสองเคลื่อนผ่าน กลิ่นอายเช่นนั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งโดยมากหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ากลิ่นอายเช่นนี้เป็นของอวิ๋นชิ่งไป๋”
และมีผู้ที่สายตาแหลมคมสังเกตได้ถึงเค้าลางบางอย่างจากกลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่ในที่นั้น อดสูดหายใจหนาวเย็นไม่ได้ ฉงนใจไม่หยุดหย่อน
“เป็นไปไม่ได้! ตอนนี้อวิ๋นชิ่งไป๋เหมือนเป็นอันดับหนึ่งในแดนเก้าบนไปแล้ว ตั้งแต่หลายปีก่อนได้ไต่ขึ้นสู่อันดับหนึ่งของกระดานทองคำผู้กล้า กระทั่งตอนนี้ตำแหน่งนี้ยังไม่เคยถูกใครสั่นคลอน ในโลกปัจจุบันจะมีใครตามฆ่าเขาได้กัน”
หลายคนต่างไม่เชื่อ
อวิ๋นชิ่งไป๋ เพียงแค่นามก็เหมือนตำนานไร้พ่ายผู้หนึ่ง สามารถทำให้ไม่ว่าใครก็รู้สึกสิ้นหวังได้!
ตามข่าวลือ ก่อนหน้านี้ไม่นานอวิ๋นชิ่งไป๋ได้บรรลุระดับอมตะเคราะห์ด่านห้าไปแล้ว ราวกับเทพองค์หนึ่ง!
ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครจะสามารถไล่ฆ่าจนเขาต้องหนีได้
เรื่องนี้ดูน่าขันเกินไปแล้ว!
แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร การประชันที่คนหนึ่งไล่คนหนึ่งหนีเช่นนี้ยังดึงดูดความครึกโครมใหญ่ยิ่ง พาให้ดวงตาทุกคู่ตื่นตะลึง
……
“เร็วขึ้นอีก!” หลินสวินกระตุ้น
นกทมิฬเค้นพลังถึงขีดสุดแล้ว เหนื่อยล้าจนแทบน้ำลายฟูมปาก แต่ก็ทำได้เพียงทนไว้
มันรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรคราวนี้หลินสวินก็จะต้องรั้งอวิ๋นชิ่งไป๋ไว้ให้ได้
“เฉือน!”
ไม่นานนัก หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วลงมืออีกครั้ง
ปึง!
ไกลออกไปเงาร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ซวนเซ วังวนปราณกระบี่ทั่วร่างไหวโคลงรุนแรง คล้ายจะรับไม่ไหวแล้ว
นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกฮึกเหิมขึ้นในใจ
“อวิ๋นชิ่งไป๋ เจ้าเป็นถึงผู้สืบทอดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า ไม่กล้ามาสู้กันซึ่งหน้ากับข้าหรือ”
หลินสวินตะโกนลั่น
ตอนนี้สีหน้าของอวิ๋นชิ่งไป๋ยังคงสงบนิ่ง ทว่าปรากฏแววโกรธขึ้งอยู่รางๆ แม้แต่กลิ่นอายทั้งกายก็มีแนวโน้มโมโหโทโส
แต่สุดท้ายเขาก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งและอดไว้ได้
เพราะสภาพของเขาตอนนี้ ไม่อาจใช้พลังต่อสู้ทั้งหมดได้สักนิด
คิดๆ ดูก็อัดอั้นนัก ฝึกปราณมาจนตอนนี้เขายังไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง ขอเพียงต่อสู้ล้วนบดขยี้คู่ต่อสู้ด้วยท่วงท่าเด็ดขาด จะถูกคนอื่นตามฆ่าเหมือนผีร้ายตามติดเช่นนี้ได้อย่างไร
หนำซ้ำยังได้รับบาดเจ็บแล้วด้วย!
ความรู้สึกอัปยศเช่นนี้ เขาไม่ได้สัมผัสมานานมากแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์