Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1290

สรุปบท ตอนที่ 1290 พื้นที่อันตรายสระอสนี: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1290 พื้นที่อันตรายสระอสนี จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1290 พื้นที่อันตรายสระอสนี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“จากที่ข้าดู รั่วอู่นั่นก็ไม่ธรรมดา”

เจ้าคางคกพลันเอ่ยขึ้น ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เมื่อสักครู่ มีคนกล่าวว่าหญิงผู้นี้ครอบครองโลงศพน้ำแข็งแผนที่ดาวอันเร้นลับ สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจจากเจ้าคางคก

“วิหคชาดเลือดบริสุทธิ์ เมื่อครั้งบรรพกาลสามารถจัดอยู่ในกลุ่มเผ่าพันธุ์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นเดียวกับพวกมังกรเจินหลง หงส์เซียน เสือขาว เต่าดำเหล่านี้ หากหญิงผู้นี้มีที่มาตามที่กล่าว แน่นอนว่าต้องน่าทึ่ง”

นกทมิฬกล่าวแสดงความคิดเห็น

ด้านหลินสวินกลับนึกขึ้นได้ ว่าตอนข้ามแม่น้ำพรมแดนครั้งแรก เพื่อช่วงชิง ‘แหล่งกำเนิดวิญญาณ’ มาครอบครอง เคยเห็นหมียักษ์สีขาวเงินและตะพาบมังกรตัวหนึ่งมาก่อน

ขณะนั้นบนหลังตะพาบมังกรแบกโลงศพน้ำแข็งไว้ มีความยาวหนึ่งจั้ง ตัวโลงศพรายล้อมไปด้วยแสงดาราผุดผ่องเป็นสายๆ สลักเป็นลวดลายบุปผาปักษามัจฉาแมลง สุริยันจันทราภูผาธารา การเซ่นไหว้บูชาของคนในอดีตเป็นต้น แผ่กลิ่นอายลึกลับไพศาลออกมา

สิ่งที่น่าไหวหวั่นที่สุดคือ บนโลงศพน้ำแข็งนั้นเผยให้เห็นแผนที่ดาราผืนหนึ่ง ภายในนั้นเสมือนประกอบด้วยจักรวาลฟ้าดาราไพศาล ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน!

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ก็คือ ไม่ว่าจะเป็นหมียักษ์สีขาวเงินตัวนั้นหรือตะพาบมังกรที่แบกโลงศพน้ำแข็งนั่น เมื่อมองเห็นตนต่างกลัวจนตัวสั่น หนีหายไปด้วยความตื่นตระหนกทันใด

ปากยังร้องเสียงดังว่า ‘เจ้าเฒ่าบ้า’ ‘กลิ่นอายของเจ้าเฒ่าบ้า’ อะไรทำนองนี้

และตอนนี้เมื่อรู้ว่าเทพธิดารั่วอู่ที่รั้งอันดับสองของกระดานทองคำผู้กล้านั่นครอบครองโลงศพน้ำแข็งเร้นลับโลงหนึ่ง หลินสวินจึงอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่า นี่มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าวิหคชาด และอาจจะเป็น ‘เป้าหมาย’ ที่หมียักษ์สีขาวเงินและตะพาบมังกรคุ้มครองอยู่

“ข้าคิดว่าหยวนฝ่าเทียนก็มองข้ามไม่ได้ ลือกันว่าเขาเป็นลูกหลานของเผ่าวานรจมูกเชิด ความเป็นมาของเผ่านี้น่าประหวั่นมาก ว่ากันว่าพละกำลังไร้เทียมทาน สามารถขับไล่เทพผีทั้งปวง!”

“ไม่ผิด คนผู้นี้ลงมือเหี้ยมโหดและไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ฝึกปราณหลอมกาย บรรลุถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านหกแล้ว แค่ขยับตัวก็แปลงเป็นร่างทองหมื่นจั้ง สามารถเคลื่อนย้ายหินผาแหวกคลื่นสมุทร พลานุภาพดุดันทรงพลัง”

“ข้าเคยได้ยินคนกล่าวว่า วิธีฝึกปราณของหยวนฝ่าเทียนเป็นมรดกวิชาหลอมกายประหนึ่งเทียมฟ้าก็ไม่ปาน ชื่อว่า ‘วิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์’ ประวัติที่มายังคลุมเครือ…”

ไกลออกไปมีคนกำลังวิจารณ์ และดึงดูดความสนใจจากหลินสวินอีกครั้ง

วิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์!

เพียงแค่ชื่อของมันก็ทำให้หลินสวินคิดขึ้นมาได้ว่า ‘หยวนฝ่าเทียน’ คนนี้ จะต้องเป็นคุณชายน้อยที่จำศีลอยู่ใน ‘เกาะอริยะปัญจธาตุ’ ภายในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นเป็นแน่

ข้างกายเขายังมีวานรเฒ่าชุดเขียวที่บรรลุระดับอริยะคอยคุ้มครองอยู่!

‘ที่แท้คนผู้นี้ก็มายังแดนเก้าบนแล้ว ซ้ำยังติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของกระดานทองคำผู้กล้าอีกด้วย…’

หลินสวินเลิกคิ้ว

เขาพลันนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้ วิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์เป็นส่วนหนึ่งในคัมภีร์อริยมรรค นัยเร้นลับของการหลอมกายที่บันทึกไว้มีความเกี่ยวโยงกับระดับอริยะ

แต่หยวนฝ่าเทียนกลับฝึกวิชานี้ทั้งที่ยังไม่เคยก้าวขึ้นสู่ระดับอริยะ เห็นชัดว่าภายในนั้นย่อมมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซุกซ่อนอยู่!

‘หากมีโอกาส จะต้องแลกเปลี่ยนความรู้กับเขาเสียหน่อย ดูว่าจะมองทะลุความลับเหล่านั้นได้หรือไม่…’

หลินสวินลอบกล่าวในใจ

“สองปีมานี้โลกภายนอกเปลี่ยนไปมากจริงๆ”

เจ้าคางคกถอนสะอื้น “กาลสมัยไร้ซึ่งผู้กล้า พาให้ผู้ไร้นามได้เป็นใหญ่ ช่างน่าทุกข์เสียกระไร ยังดีข้าปรากฏตัวบนโลกอีกครา หลังจากนี้แดนเก้าบนจะต้องแซ่ซ้องสรรเสริญนามของข้าทุกแห่งหน!”

“เหอะๆ” นกทมิฬดูแคลน ขาดแค่ไม่ได้ถุยน้ำลายใส่เจ้าคางคกเท่านั้น เจ้าหมอนี่หลงตัวเองเกินไปแล้ว ทำเอามันขัดหูขัดตาอยู่บ้าง

เจ้าคางคกเมินความดูแคลนของนกทมิฬ แววตาจับจ้องไปยังหลินสวิน กล่าวว่า “จริงสิ เจ้าอยากลองดูสักหน่อยไหม”

หลินสวินอึ้งครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าทันใด “ช่างมันเถิด”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการ ทว่าหากตอนนี้มี ‘ชื่อเสียง’ มากเกินไป จะต้องนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเองเป็นแน่

เขาไม่อยากเดินไปแห่งใดก็มีผู้คนเพ่งความสนใจมาที่ตนตลอดเวลา

พวกคนโดดเด่นเจิดจ้าอย่างเซ่าเฮ่า รั่วอู่ หยวนฝ่าเทียนในปัจจุบันนี้ ทั่วทั้งแดนเก้าบนต่างให้ความสนใจ แต่คิดดูให้ดีแล้ว พวกเขาจะต้องถูกสายตานับไม่ถ้วนจับจ้อง

นี่ก็คือชื่อเสียง มีทั้งคุณและโทษ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะเลือกอย่างไร

สำหรับหลินสวินแล้ว ย่อมมีโอกาสในการสร้างชื่อเสียงอยู่ไม่ขาดสาย

แน่นอนว่าเวลาจำเป็น เขาก็ไม่ได้รังเกียจจะสำแดงศักยภาพของตนออกมาเพื่อสยบพวกโฉดชั่ว

“แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่ไป”

หลินสวินเกิดความสงสัย เจ้าคางคกนี่มักชอบได้หน้าได้ตาเป็นที่สุด

“ในสายตาของข้า มีเพียงแค่อันดับหนึ่งเท่านั้นถึงคู่ควรกับข้า แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ข้ายังไม่อยากได้ตำแหน่งนั้น”

เจ้าคางคกกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“พล่ามไร้สาระ ข้าว่าเจ้าไม่ใช่ไม่อยากหรอก แต่ไม่กล้าต่างหาก คงเกรงว่าหากลองแล้วแม้แต่ร้อยอันดับแรกยังไม่ติด นั่นคงเรียกว่าขายขี้หน้า”

นกทมิฬกล่าวเย้ยหยัน

“เจ้านกขี้ขโมย เจ้าอยากตายหรือ”

เจ้าคางคกอับอายจนกลายเป็นโกรธ ยกขาถีบไปทางนกทมิฬ

“หึๆ”

นกทมิฬสยายปีกโฉบบินขึ้นไปบนห้วงอากาศในทันใด แล้วหัวเราะอย่างไร้ยางอาย แค่ท่าทางเย้ยหยันเช่นนั้นก็ทำเอาเจ้าคางคกโกรธแทบคลั่งแล้ว

หากกล่าวถึงความสามารถในการยั่วยุ นกทมิฬและอาหลู่นับว่าเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่เพียงถ่อย ยังโฉดชั่วอีกด้วย

“เอ๊ะ เหตุใดข้าถึงคุ้นหน้าคุ้นตานกทมิฬใหญ่ตัวนั้นอยู่บ้าง”

มีคนร้องออกมาอย่างแปลกใจ

ทันใดนั้นหลินสวินตระหนักได้ว่าฐานะของตนอาจถูกคนล่วงรู้แล้ว จึงรีบเรียกนกทมิฬและเจ้าคางคกแล้วจากไปทันที

“ชายผู้นั้นจะต้องเป็นเทพมารหลินแน่!”

ขณะที่พวกเขาจากไปไม่นานนัก ก็มีคนตะโกนว่า “เกือบจะสองปี เขาเผยร่องรอยให้เห็นอีกครั้งแล้ว”

“เทพมารหลินหรือ เขาถึงกับออกจากแดนธรรมสถูปแล้ว หรือว่าครั้งนี้จะมาเพราะศุภโชคในแดนโบราณหมื่นคชา”

มีคนสงสัย

เสียงอสนีบาตอันน่าสะพรึงราวกับกระแสน้ำก็ไม่ปาน ดังกู่ก้องกังวานทั่วฟ้าดินเป็นระลอกไม่หยุดหย่อน

ก็เห็นว่ากลางฟ้าดินไกลๆ ฟ้าผ่าดุจกระแสน้ำเชี่ยวกราก สาดซัดครั่นครืน สายฟ้าเจิดจ้าร่ายรำบ้าคลั่ง แผ่กลิ่นอายที่สามารถทำลายล้างโลกได้ออกมา

ที่นั่นพืชพรรณไม่งอกเงย เหนือผืนดินล้วนอาบชโลมด้วยกลิ่นอายสายฟ้า กลางห้วงอากาศพรั่งพรูเส้นสายฟ้าหลากสาย พาให้ผู้คนขนพองสยองเกล้า

ที่น่าหวาดหวั่นก็คือ ยิ่งเข้าไปลึกเท่าใด พลังของของสายฟ้าก็ยิ่งทวีความน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น แปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่างๆ มากมายเจิดจ้า

ภาพเหตุการณ์ในขณะนี้ราวกับมาถึงดินแดนแห่งอสนี!

ด้วยความสามารถของพวกหลินสวิน ยามเห็นเหตุการณ์นี้ยังอดสูดหายใจหนาวเยือกไม่ได้ สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่หฤโหดยิ่งแห่งหนึ่งเป็นแน่!

และแดนโบราณหมื่นคชานั่น ก็ตั้งอยู่ลึกสุดภายในพื้นที่อันตรายสระอสนี

ทว่ายามเมื่อเข้าไปใกล้ พวกหลินสวินถึงพบว่าภายในมีเส้นทางประหนึ่งรุ้งขาวทอดยาวไปยังส่วนลึกของพื้นที่อันตรายสระอสนี เหมือนกับเป็นสะพานโค้งที่กั้นแบ่งอสนีบาตเต็มฟ้าเอาไว้ข้างนอก

นี่ทำให้พวกหลินสวินแอบโล่งใจไปเปราะหนึ่ง อันที่จริงหากไร้เส้นทางสายนี้ ต่อให้มอบความกล้าให้พวกเขาขนาดไหนก็คงไม่กล้าพอจะเข้าไปข้างในแม้เพียงสักก้าว

อสนีบาต จุดสำคัญของมันคือการฟาดสังหาร หนำซ้ำอัสนีบาตของที่นี่ราวกับพายุโหมกระหน่ำก็ไม่ปาน เต็มแน่นกลางฟ้าดิน แผ่กลิ่นอายที่สามารถปลิดชีพเทพผีได้ กล่าวได้ว่าไม่ต่างอะไรกับเคราะห์ใหญ่แห่งยุค!

“สมัยก่อนย่อมไม่มีเส้นทางสายนี้เป็นแน่ คงเพราะผนึกของแดนโบราณหมื่นคชาสลายไปจนหมด ถึงได้ปรากฏเส้นทางรอดตายสายหนึ่ง มอบโอกาสให้ผู้ฝึกปราณได้เข้าไปข้างใน”

นกทมิฬใคร่ครวญแล้วกล่าวออกมา

“เป็นธรรมดาอยู่แล้ว”

เจ้าคางคกพยักหน้า

“พวกเราไปก่อน หลังจากถึงแดนโบราณหมื่นคชาข้าค่อยติดต่อกับธิดาเทพหลิ่นเสวี่ย ดูว่าจะรู้ข่าวอะไรบ้างจากทางนั้น”

หลินสวินตัดสินใจ

จากนั้นเขาพานกทมิฬและเจ้าคางคกไปพร้อมกัน เดินไปยังเส้นทางที่ราวกับรุ้งขาวสายนั้น

เปรี้ยง ปัง!

ตูม! กลางเวิ้งฟ้า อสนีบาตรดุจทลายหินผาคว่ำสมุทร ผ่าฟาดลงมาเป็นระลอกราวกับจะผลาญโลกอย่างไรอย่างนั้น พาให้ผู้คนสิ้นหวัง

ทว่าขณะที่เข้าใกล้เส้นทางดุจรุ้งขาวสายนั้น ก็ถูกพลังผนึกอันไร้รูปชั้นหนึ่งต้านไว้

ทำให้แม้พวกหลินสวินจะวางใจเรื่องสายฟ้า กระนั้นก็ยังไม่กล้าประมาท และยิ่งระแวดระวังขึ้น

ทอดสายตามองออกไปไกลๆ อสนีบาตนั่นประหนึ่งไร้สิ้นสุด ไม่รู้ว่าแผ่คลุมพื้นที่มากน้อยเท่าไร ทั้งไร้หนทางล่วงรู้อีกด้วยว่าอสนีบาตเหล่านี้ถือกำเนิดมาเช่นไร

อีกทั้งยิ่งมุ่งหน้าไปลึกเท่าใด พลังของอสนีบาตยิ่งทวีความหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น

ถึงขั้นที่พวกหลินสวินต่างตะลึง เมื่อเห็นว่าในอสนีบาตรปั่นป่วนกลางฟ้าดินนั้น ยังปรากฏเงามายาคล้ายกับวิญญาณสายฟ้าตนแล้วตนเล่าท่องอยู่ภายในนั้น…

………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์