หืม?
ในเวลาเดียวกันนี้ ดวงตาดำของหลินสวินหรี่ลง
กระบี่นี้เขาตั้งท่ารอไว้นานแล้ว แม้ไม่ถึงกับสำแดงพลังทั้งหมดอย่างไม่ยั้งมือ แต่ความกร้าวแกร่งของอานุภาพก็เรียกได้ว่าสามารถสะเทือนบุคคลขอบเขตมกุฎระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดได้
แต่ในการรับรู้ของเขา เงาร่างสูงโปร่งอรชรนั้นเพียงได้รับบาดเจ็บเท่านั้น!
ปึง!
ไกลออกไปอานุภาพจู่โจมของดาบหักถูกสลายลงโดยสมบูรณ์ กระบี่สีเขียวเล่มนั้นส่งเสียงใสออกมาและแทงทะลุอากาศไป
อีกทั้งอาศัยโอกาสนี้ อวี๋ซี ไป๋เฉียน เหยาหลีทลายอากาศจากไปนานแล้ว ไม่ได้ร่ำไรอ้อยอิ่งสักนิด
เดิมหลินสวินคิดไล่ตามโจมตีต่อ แต่เมื่อเหลือบมองอาหลู่ที่กำลังฟื้นตัว ในใจก็ถอนหายใจ สุดท้ายก็ล้มเลิก
ที่จริงแล้วก็ไม่ถึงกับเสียดาย เพราะเขารู้ดีว่าโอกาสสูญไปแล้ว ต่อให้ไล่ตามไปก็ย่อมเปลืองแรงเปล่า
“เจ้าคางคก พวกเจ้าจัดการสนามรบเสียหน่อย พวกเราควรจากไปได้แล้ว”
สายตาหลินสวินกวาดมองไปในลาน เหล่าผู้กล้า ณ ที่นั้นเงียบกริบเป็นจักจั่นเหมันต์ ไม่กล้าสบตากับเขา
แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นองเลือดและสั่นสะท้านเกินไป ทำให้พวกเขายังไม่ได้สติมาจนถึงตอนนี้ ยามเผชิญหน้ากับหลินสวิน ในใจนอกจากความหวาดผวา แม้แต่ความกล้าต่อต้านสักนิดยังไม่มี
“ไป!”
ไม่นานนักเจ้าคางคก นกทมิฬ และอาหลู่ที่กวาดทรัพย์หลังศึกจนเกลี้ยงรวมตัวอยู่ด้วยกัน แล้วออกจากสถานที่ขัดแย้งนองเลือดแห่งนี้ไปกับหลินสวิน
ถ้ายังไม่ไปอีก ไม่แน่ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น หลินสวินไม่อยากเสี่ยงอีกแล้ว ที่ช่วยอาหลู่ไว้ได้อย่างปลอดภัยคราวนี้ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว
ในลานบรรยากาศที่กดดันหาใดเทียบแต่เดิมเหือดหายไปพร้อมกับการจากไปของพวกหลินสวิน เหล่าผู้กล้าต่างเหมือนยกภูเขาออกจากอก พ่นลมหายใจขุ่นออกมาเฮือกหนึ่ง
เพียงแต่ในจิตใจยังคงหลงเหลือความตื่นตะลึงที่เนิ่นนานก็ไม่อาจปัดเป่าไปได้อยู่
“เทพมารหลิน แข็งแกร่งถึงขั้นไหนกันแน่นะ”
มีคนพึมพำ
ก่อนหน้านี้เหล่าผู้กล้ารวมตัว ประหนึ่งทัพใหญ่ประชิดพรมแดน มองอาหลู่เป็นสัตว์ในกรง จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด เอาเปรียบได้ตามใจ
หนำซ้ำยังมีพวกร้ายกาจที่ชื่อเสียงสะเทือนแดนเก้าบนอย่างพวกบุตรนรก ไป๋หลงถิงควบคุม
แต่ใครจะคิดได้ว่ากำลังทั้งหมดนี้ กลับถูกหลินสวินคนเดียวทำลายราบเป็นหน้ากลอง เข่นฆ่าบุคคลระดับนายเหนือหัวอย่างต่อเนื่อง เลือดสาดกระเซ็นทั่วฟ้าดิน!
“รวมไป๋หลงถิงเข้าไปด้วย มีบุคคลระดับนายเหนือหัวที่อยู่บนกระดานทองคำผู้กล้าไปแล้วทั้งสิ้นสิบเก้าคน นอกจากนี้ก็มีบุคคลขอบเขตมกุฎสามสิบสองคนประสบเคราะห์ในการเข่นฆ่า…”
มีคนรวบรวมสถิติ ตัวเลขที่ได้มากลับน่าตกตะลึงเมื่อได้เห็น!
ควรรู้ว่าในทั้งแดนเก้าบนมีบุคคลขอบเขตมกุฎนับไม่ถ้วน แต่ที่สามารถพาตัวเองขึ้นสู่กระดานทองคำผู้กล้าได้ กลับมีเพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ยามการต่อสู้ครั้งหนึ่งจบลง เพียงแค่บุคคลระดับนายเหนือหัวที่ตายด้วยน้ำมือหลินสวินเหล่านั้นก็มีมากถึงสิบเก้าคน!
ไม่จำเป็นต้องสงสัยสักนิดว่า หากเรื่องนี้กระจายออกไปทั้งแดนเก้าบนต้องอึกทึกครึกโครมเป็นแน่ ก่อเกิดคลื่นพายุคับฟ้า
“ก็ยังดีๆ ที่พวกเราไม่ได้ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวด้วย”
หลายคนต่างลอบยินดีปรีดา เมื่อนึกถึงภาพก่อนหน้านี้แต่ละภาพยังกังวลจนเหงื่อออกมือ หากตอนนั้นพุ่งเข้าไปต่อสู้ เข้าร่วมกับพวกคนที่โจมตีหลินสวิน เกรงว่าตอนนี้พวกเขาคงกลายเป็นศพเปื้อนเลือดที่กองอยู่บนพื้นแล้วกระมัง
“พวกเจ้าไม่รู้สึกว่าสามคนที่ปรากฏตัวทีหลังนั้นไม่ธรรมดาหรือ เป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะมาจากกลุ่มเดียวกัน เคารพยกย่อง ‘องค์ชาย’ ผู้หนึ่ง!”
มีคนฉงนใจ วิเคราะห์ที่มาของพวกอวี๋ซี ไป๋เฉียน และเหยาหลี
“ไม่ผิด พวกเขาแต่ละคนล้วนมีพลังต่อสู้ที่ไม่ด้อยไม่กว่าไป๋หลงถิงเลย แต่ช่วงหลายปีก่อนหน้าหน้านี้กลับเงียบเชียบไม่มีชื่อมาตลอด นี่ก็น่าเหลือเชื่อพออยู่แล้ว!”
“ที่น่ากลัวที่สุดอาจะเป็น ‘องค์ชาย’ ผู้นั้น สามารถรวบรวมคนร้ายกาจอย่างนี้กลุ่มหนึ่งมาเป็นคนในปกครองได้ แค่คิดก็รู้ว่า ‘องค์ชาย’ นี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่”
เหล่าผู้กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ในใจแต่ละคนต่างปั่นป่วนไม่ว่างเว้น
“ที่จริงแล้วไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร การโจมตีคราวนี้ก็ทำอะไรเทพมารหลินไม่ได้อยู่ดี นี่ต่างหากจึงจะเป็นจุดที่น่ากลัวของเทพมารหลิน!”
มีคนทอดถอนใจ
มีเพียงชื่อเหยาที่เงียบมาตลอด
ในใจนางเต็มไปด้วยความขมขื่นและท้อแท้
ตอนออกจากแดนเผาเซียน นางเคยลอบสาบานว่าถ้าไม่บรรลุขอบเขตมกุฎระดับราชัน จะไม่ไปหาหลินสวินเพื่อชิงไม้โพธิ์เด็ดขาด
แต่จะคิดได้อย่างไรว่าในขอบเขตมกุฎระดับราชัน นางก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้เลย…
‘ไม้โพธิ์… เหตุใดต้องถูกเขาเอาไปเสียได้…’
ใจชื่อเหยาแปรเปลี่ยนเป็นหม่นหมองขึ้นมา
นางหันตัวจากไปเหมือนศพเดินได้ แต่ก่อนนางก็หยิ่งผยองอวดดีหาใดเทียบ คิดว่าสามารถผงาดขึ้นในมหายุค อำนาจเหนือปวงชน ก่อลมเมฆในใต้หล้า
แต่ตอนนี้ นางถึงพบว่าความคิดของตนออกจะไร้เดียงสา
ในยุคเดียวกันมีคนร้ายกาจอย่างเทพมารหลินคนหนึ่ง ก็เพียงพอจะกดข่มให้สัตว์ประหลาดยุคโบราณมากมายไม่อาจเชิดหน้าได้!
……
“แม่นางหวั่นอิน ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ”
ในขณะเดียวกัน เงาร่างของอวี๋ซี ไป๋เฉียนและเหยาหลีปรากฏขึ้นในพื้นที่ที่สายฟ้าแน่นขนัดแห่งหนึ่ง
เมื่อเห็นเงาร่างอรชรที่รอพวกเขาเงียบๆ ทั้งสามก็ตื่นตระหนกอย่างอดไม่ได้
นี่คือหญิงสาวราวนางเซียนผู้หนึ่ง สง่างามดั่งเทพเซียน เลื่อนลอยยากจับต้อง ทั้งกายอาบชโลมอยู่กลางหมอกฝนสลัว ดูเหมือนภาพมายาไกลห่าง
เมื่อพินิจโดยละเอียดรูปลักษณ์ของนางอ่อนเยาว์ถึงที่สุด ดูเหมือนอายุสิบเจ็ดสิบแปด แต่ยามยืนตามสบายอยู่กลับมีท่วงท่าสง่างามเหนือโลกา ไม่แปดเปื้อนมลทิน
ทว่าใบหน้าของนางในตอนนี้กลับซีดขาวเล็กน้อย บนสาบเสื้อเบื้องหน้าเปื้อนรอยเลือดแดงสดอยู่สองสามจุด
และที่ปลายนิ้วมือเรียวยาวขาวสะอาดของนาง ยังมีหยดเลือดหยดหนึ่งกำลังจะไหลลงมา
นี่จะไม่ทำให้พวกอวิ๋นซีตื่นตระหนกได้อย่างไร
แม่นางหวั่นอินตรงหน้าผู้นี้เป็นถึงสาวใช้ข้างกายองค์ชาย ยามองค์ชายเก็บตัวหลับใหลในยุคบรรพกาล ก็ติดตามอยู่ข้างกายมาโดยตลอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์