Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1299

“ตื่น!”

หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ เปล่งเสียงธรรมออกมา สั่นสะเทือนกลางฟ้าดิน

ฮูม!

บนเขาฝนดาวตกที่เดิมรกร้างราวซากปรักหักพัง พลันมีสัญลักษณ์ลายมรรคหนาแน่นดั่งกระแสธารผุดขึ้นมา รวมตัวเป็นกระบวนค่ายกลใหญ่ เชื่อมโยงพลังแห่งฟ้าดิน

มองเห็นว่าพลังวิญญาณอันไพศาลหาใดเทียบราวมังกรตัวใหญ่ตื่นขึ้นจากใต้เขาฝนดาวตก จากนั้นก็พรั่งพรูออกมา!

ไอวิญญาณถาโถมนั้นช่างเหมือนคงคามหานที แปรสภาพเป็นมังกรพยัคฆ์คำรามยาวกลางฟ้าดิน เสียงสะท้านภูผาธาราแถบนี้

ด้านบนเขาฝนดาวตก ต้นไม้ใบหญ้าเติบโตอย่างบ้าคลั่ง โอสถวิญญาณ ดอกไม้อัศจรรย์ พริบตาเดียวก็ผลิบานสุกงอมพลิ้วไหวไปตามลม เปล่งปลั่งเจิดจรัสงดงามสะดุดตา

ไอวิญญาณหลั่งไหลแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตก ไหลออกมาจากหน้าผาเหือดแห้งแตกระแหง ประหนึ่งมังกรขาวตัวหนึ่งเทลงมา

แม้แต่รากต้นไม้แห้งเหี่ยวที่หยั่งรากลึกอยู่กลางเศษซากส่วนหนึ่งยังมีพลังชีวิตเจิดจรัสอีกครั้ง เริ่มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นต้นไม้ใหญ่สูงเทียมฟ้า

เพียงครู่เดียวเท่านั้นบนเขาฝนดาวตกก็พลิกโฉมหน้าไปแล้ว ก็เห็นว่าเมฆมงคลรวมตัวบนเวิ้งฟ้า แสงมงคลไหลวน ไอวิญญาณอบอวลราวนิมิตมายา อาบชโลมเขาฝนดาวตกทั้งลูกเอาไว้

บนภูเขาพลังชีวิตเปี่ยมล้น ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม ดอกไม้อัศจรรย์และโอสถประหลาดแต่งแต้มอยู่บนนั้น ทั้งมีน้ำพุน้ำตกไหลหลั่ง เป็นทิวทัศน์อุดมสมบูรณ์แห่งถ้ำสวรรค์แดนมงคล

เทียบกับภาพเศษซากหักพังและแห้งแล้งเงียบเหงาก่อนหน้านี้ เขาฝนดาวตกในตอนนี้ถึงเรียกได้ว่าเป็นเขาแดนมงคล!

ไกลออกไป เจ้าคางคก นกทมิฬและอาหลู่อึ้งไปแล้ว นี่ก็คือพลังของนักสลักลายมรรคหรือ

ก่อนหน้านี้หลินสวินเสียเวลาหนึ่งวันไปกับการวางกระบวนวิญญาณรอบเขาฝนดาวตก หมายจะฟื้นฟูให้เขาฝนดาวตกคืนสู่สภาพเดิมในอดีต พวกเขายังไม่เชื่ออยู่บ้าง

คิดว่าหากคิดจะหาที่ลงหลักปักฐาน ไปช่วงชิงยึดครองภูเขาแดนมงคลลือชื่อสักลูกหนึ่งก็พอแล้ว ไม่เห็นต้องยุ่งยากวุ่นวายเช่นนี้สักนิด

แต่ตอนนี้ต่างต้องยอมรับว่า พวกเขาตื่นตาไปกับฝีมือที่แทบจะเหนือล้ำธรรมชาติ แปลงสิ่งผุพังเป็นอัศจรรย์นั้นของหลินสวินเสียแล้ว

ซากปรักหักพังแห่งหนึ่งพริบตาเดียวก็ฟื้นคืนชีพ!

“ตั้งแต่วันนี้ไป ที่นี่ก็จะเป็นที่พำนักฝึกปราณของพวกเรา!”

หลินสวินลงมาจากฟ้า เอ่ยปากแช่มช้า

ที่จริงแล้วไม่ใช่เพราะเขามีฝีมือเทียมฟ้า แต่เป็นเพราะใต้เขาฝนดาวตกแห่งนี้เดิมก็มีชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดฝังอยู่ ส่วนเขาเพียงใช้กระบวนรอยสลักวิญญาณลายมรรค ดึงพลังของชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งเท่านั้น

หาไม่แล้วต่อให้เขามีความสามารถมากมายเทียมฟ้า ก็ไม่อาจสรรสร้างถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่งดงามเลิศล้ำแห่งหนึ่งขึ้นมากลางความว่างเปล่าได้

แน่นอนว่าหากเขาไม่ได้ครอบครองพลังที่ใกล้เคียงกับนักสลักลายมรรคอยู่ ก็ย่อมทำถึงขนาดนี้ไม่ได้แน่

ก่อนหน้านี้เหตุใดเขาฝนดาวตกถึงรกร้างเช่นนี้ ไม่มีใครเหลียวแล

ง่ายดายนัก ในแดนเก้าบนนี้ อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ก็มีเพียงหลินสวินที่ครอบครองพลังแห่งกระบวนวิญญาณลายมรรคเช่นนี้ ทำให้ภูเขาลูกนี้เปลี่ยนจากผุพังเป็นอัศจรรย์!

“พี่ใหญ่ เจ้าแน่ใจแล้วจริงหรือว่าในช่วงเวลาต่อจากนี้จะฝึกตนที่นี่”

เจ้าคางคกถามอย่างอดไม่ได้

หลังจากช่วยอาหลู่กลับมาจากแดนโบราณหมื่นลักษณ์ได้ พวกเขาก็รีบออกจากแดนอสนีบูรพาเฉกเช่นม้าไม่หยุดฝีเท้า กลับมายังแดนอัคคีทักษิณ

ตามที่หลินสวินว่าไว้ เขาต้องการฝึกตน จำศีลสักพักหนึ่ง นั่งดูสถานการณ์วุ่นวายของโลกภายนอก

“ตอนนี้เหลือเวลาอีกราวหนึ่งปีเท่านั้นแดนมกุฎก็จะปิดฉากลง คาดเดาได้ว่าช่วงเวลาสำคัญสุดท้ายในแดนเก้าบนต้องยิ่งโกลาหล แม้ข้าไม่กลัวแต่ก็ไม่อยากไปข้องเกี่ยวในนั้นด้วย ไหลตามกระแสคลื่นก็ไม่สู้เป็นผู้สังเกตการณ์”

หลินสวินเอ่ย

ตกตะกอน!

ไม่กี่ปีก่อนไม่ว่าจะอยู่ที่เขตต้องห้ามแม่น้ำนรกหรือแดนธรรมสถูป เขาได้ศุภโชคและวาสนาครั้งแล้วครั้งเล่า พลังปราณก็รุดหน้าฉับพลัน เกิดความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าดินเป็นพักๆ

ความเร็วในการเลื่อนขั้นไม่ถึงกับทำให้โลกตะลึง แต่ก็รวดเร็วมากพอแล้ว

อีกทั้งด้านมรรคาตอนนี้ เขาไม่ได้ขาดวาสนาและไม่ต้องการศุภโชคอะไร ที่ขาดเพียงอย่างเดียวก็คือการตกตะกอนความรุ่งเรืองและร่วงโรยสักครั้ง!

วาสนาก็เหมือนของนอกกาย หากยึดมั่นกับสิ่งนี้ก็จะติดอยู่กับของนอกกาย ไม่ต่างอะไรกับปีนต้นไม้ไปหาปลา ผิดฝาผิดตัว!

ฝึกปราณถึงระดับปัจจุบัน หลินสวินยิ่งเข้าใจหลักการข้อหนึ่ง การฝึกปราณก็คือกระบวนการฝึกจิตใจอย่างหนึ่ง

หากจิตใจถูกวัตถุนอกกายและอารมณ์ภายในก่อกวน แม้เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศหรืออัจฉริยะไร้ใครเทียบ ก็ต้องกลืนหายไปกับมวลมนุษย์!

ใคร่ครวญถึงต้นสายปลายเหตุแล้ว ก็เพราะหลินสวินรู้ดีว่าในมรรคาสิ่งที่ตนต้องการคืออะไร และควรจะละทิ้งอะไรไป

ระหว่างรับเอาและละทิ้ง คือกระบวนการควบคุมใจตน!

“เจ้าเฒ่าดำ เจ้าล่ะ”

เจ้าคางคกเห็นหลินสวินท่าทีแน่วแน่ ก็เอ่ยถามนกทมิฬอย่างอดไม่ได้

นกทมิฬทอดถอนใจ สองปีกไขว้หลังแล้วพูดว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว ล้าแล้ว สำรวจความรุ่งเรืองทางโลกราวภาพฝันนี้จนทะลุปรุโปร่งแล้ว ไม่สู้เมามายในโลกมนุษย์สักครั้งแล้วรีบถอนตัวตอนยังรุ่งโรจน์ เร้นกายในภูเขาลำเนาไพร ร่ำสุราต้มชาถกเรื่องมรรค ไม่ใช่เป็นสุขแล้วหรือ”

เจ้าคางคกกับอาหลู่พากันกลอกตา ถ่มน้ำลายครั้งหนึ่ง เหยียดหยามยิ่งนัก

“อาหลู่ เจ้าว่าไง”.Aileen-novel.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์