เจ้าคางคกตกใจจนเต้นผาง “อาหลู่ เจ้าเสียสติจนแม้แต่ฝากระดานโลงศพของจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพยังขโมยออกมาเลยหรือ”
อาหลู่อยากจะบีบคอเจ้าหมอนี่เต็มแก่ พูดอย่างเดือดดาลว่า “เจ้านี่พูดจาเลอะเทอะ นี่เป็นแผ่นศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ที่จักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพเหลือทิ้งไว้โว้ย! ภายในบรรจุภาพยุทธ์หลอมกายหมื่นลักษณ์ ประทับใจความการหลอมกายของจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ เป็นฝากระดานโลงศพเสียที่ไหน”
เจ้าคางคกไม่โกรธกลับดีใจ ดวงตาเปล่งประกายขึ้นมา ยิ้มระรื่นพูดว่า “ทำไมเจ้าไม่รีบบอกเล่า มาๆๆ ให้ข้าเปิดหูเปิดตาเร็ว”
ตัวเขาพูดพลางกระโจนตัวลงไปบนแผ่นหินนั้น เผยสีหน้าคลั่งไคล้หาใดเทียบ
นกทมิฬก็ตื่นเต้นอย่างไร้สาเหตุ วนเวียนอยู่รอบแผ่นหิน จุ๊ปากด้วยความอัศจรรย์ใจ “สวรรค์ ใจความมรดกที่จักรพรรดิคนหนึ่งหลงเหลือไว้เชียวนะ ข้ายังเพิ่งได้พบเป็นครั้งแรก”
อาหลู่ยิ้มเย็น “พวกเจ้าสองคนยอมแพ้เถอะ ผู้ที่ไม่ได้เดินบนมรรคากายหยาบบรรลุอริยะ ต่อให้ได้แผ่นศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ไป ก็ไม่ต่างอะไรกับได้ฝากระดานโลงศพอันหนึ่ง”
เจ้าคางคกกับนกทมิฬไม่หลงเชื่อ ยังคงตั้งใจศึกษา บ้าคลั่งเสียสตินัก
ขอเพียงเป็น ‘จักรพรรดิ’ ล้วนเป็นคนน่ากลัวที่สามารถผงาดผยองเหนือเทพธรรมบาล หนึ่งความคิดเบิกฟ้า ทรงพลังเหนือราชันอริยะ แทบจะเป็นตำนานอมตะ!
และจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ ยิ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในตำนานแห่งยุคบรรพกาลผู้หนึ่ง ร่ำลือว่ามรรควิถีของเขาสามารถพาดตัดจักรวาล ท่องไปในฟ้าดารา กดข่มจนเหล่าอริยะไม่อาจเชิดหน้าได้!
และตอนนี้ มีแผ่นหินที่ประทับมรดกจากเลือดเนื้อของจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพอยู่ตรงหน้า ใครจะไม่ใจเต้นไหว
อย่างน้อยสีหน้าของนกทมิฬกับเจ้าคางคกตอนนี้ ล้วนใช้คำว่าบ้าคลั่งมาบรรยายได้
ในใจหลินสวินก็สั่นสะท้านไม่หยุด ตระหนักได้ว่ามิน่าตอนนั้นที่แดนโบราณหมื่นลักษณ์ ถึงมีผู้แข็งแกร่งมาช่วงชิงศุภโชคสุสานจักรพรรดิมากมายปานนั้น สมบัติชั้นนี้ ต้องทำให้อริยะนั่งไม่ติดแน่
“มีเพียงผู้หลอมกายถึงจะหยั่งรู้แผ่นหินนี้ได้จริงหรือ”
หลินสวินเอ่ยถาม
ในใจเขาไหวหวั่น พลันนึกขึ้นได้ว่าตนยังมี ‘เคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์’ อยู่ในครอบครอง ภายภาคหน้าไม่ช้าก็เร็วจะต้องหลอมกาย
อาหลู่พยักหน้าแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ พูดอย่างไม่ปิดบังเจ้า ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่เดินบนวิถีกายหยาบบรรลุอริยะ หากได้แผ่นหินนี้ไป ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่อาจบรรลุขอบเขตมกุฎได้เลย!”
ตามคำพูดเขา ภายในแผ่นหินนี้มีภาพยุทธ์หลอมกายหมื่นลักษณ์อยู่หกสิบสี่ภาพ แต่ละภาพล้วนมีความอัศจรรย์และนัยเร้นลับต่างกัน ทั้งยังเป็นการเคี่ยวกรำที่ยากจะหาใดเทียบครั้งหนึ่ง จึงจะได้หยั่งรู้ถึงใจความและประสบการณ์หลอมกายทั้งชีวิตของจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ!
ในช่วงหลายปีนี้ที่เขาติดอยู่ในสุสานจักรพรรดิ ก็เพราะอาศัยมรดกของแผ่นหินนี้ จึงบรรลุขอบเขตมกุฎหลอมกายได้ในคราวเดียว ครอบครองพลังต่อสู้อย่างวันนี้
แต่สำหรับผู้ฝึกปราณอื่นแล้ว แผ่นหินนี้กลับไม่มีประโยชน์เลย
เมื่อได้รู้เรื่องเหล่านี้ แม้หลินสวินจะใจเต้นแต่ก็จนใจไปครู่หนึ่ง
ไตรวิถีมกุฎแบ่งออกเป็นสามสายคือ ฝึกจิต หลอมปราณ และหลอมกาย
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ หลินสวินคำนึงถึงวิถีฝึกจิตและหลอมปราณไปพร้อมๆ กัน ทั้งความสำเร็จในสองวิถีนี้ก็ไม่ธรรมดา
อย่างการฝึกจิต พลังจิตของเขาก็สามารถเปลี่ยนหนึ่งกลายเป็นสาม ครอบครองวิชาแห่งอดีต ปัจจุบันและอนาคต ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเหนือล้ำรุ่นเดียวกัน
หรืออย่างการหลอมปราณ ตอนนี้เขาได้เหยียบย่างเข้าสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านหก ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ สามารถสังหารบุคคลระดับนายเหนือหัวขอบเขตมกุฎรุ่นเดียวกันได้เหมือนเชือดไก่ฆ่าสุนัข!
แต่มีเพียงการหลอมกายที่เขายังไม่เคยได้แตะต้อง
ข้อหนึ่งเพราะกำลังมีจำกัด ข้อสองเป็นเพราะในการฝึกปราณหลายปีนี้ วิชาหลอมกายไม่เคยผ่านตาเขาแต่อย่างใด ขนาดวิชายุทธ์และวาสนาที่เขาได้สัมผัส ก็แทบไม่เกี่ยวกับการหลอมกาย
แม้จะครอบครองมรดกอริยมรรคที่สูงส่งหาใดเทียบอย่างเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ แต่เพราะไม่เชี่ยวชาญด้านนี้ จนตอนนี้ก็ยังไม่อาจฝึกฝนได้
เรื่องนี้ก็ทำให้ตอนหลินสวินเห็นแผ่นศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ จึงรู้สึกจนใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ได้เป็นเพราะเขาไม่อยากฝึกปรือการหลอมกาย แต่เป็นเพราะไม่มีโอกาสอยู่แล้ว!
แน่นอนว่าหากมีใจแสวงหา เขาย่อมได้รับวิชาหลอมกายมาบ้าง แต่วิชาทั่วไปก็ไม่เข้าตาเขาเลย
“พี่ใหญ่ ข้าแนะนำให้เจ้าลองดูจริงๆ”
ทันใดนั้นอาหลู่เอ่ยปากพูดอย่างจริงจัง “ร่างกายเป็นภาชนะของมหามรรค สามารถรับน้ำหนักของฟ้าดิน เป็นทั้งอุปกรณ์ล้ำค่าที่หล่อเลี้ยงพลังจิต และยังเป็นรากฐานในการสูดกลืนไอวิญญาณ ดังว่าร่างกายสมบูรณ์ จิตก็แข็งแรง กายเนื้อดุจนาวา สามารถแล่นผ่านทะเลทุกข์ หากกายเนื้อบรรลุอริยะ คิดจะโดนฆ่าตายคงไม่ใช่เรื่องง่าย!”
“ผู้ฝึกจิต หากพลังจิตไม่มลายก็เป็นอมตะได้ ผู้หลอมปราณก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน มีเพียงผู้หลอมกายเท่านั้น ขอเพียงเลือดหยดเดียวยังคงอยู่ก็ฟื้นคืนชีพได้!”.ไอรีนโนเวล.
“อีกทั้งข้ายังพบความลับอย่างหนึ่งจากในสุสานจักรพรรดิ”
พูดถึงตรงนี้อาหลู่สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง เอ่ยว่า “จักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพในตอนนั้นไม่เพียงเป็นผู้หลอมกายคนหนึ่ง วิชาพลังจิตและหลอมปราณของเขาก็น่ากลัวถึงที่สุด จากการสันนิษฐานของข้า หากต้องการบรรลุเหนืออริยะมรรค สำเร็จระดับ ‘จักรพรรดิ’ ต้องเป็นทั้งผู้หลอมกาย หลอมปราณและฝึกจิต!”
หลินสวินสายตาปนเปไปด้วยอารมณ์ต่างๆ แต่ก่อนเขาไม่เคยล่วงรู้ความลับเหล่านี้อย่างลึกซึ้งมาก่อน
การฝึกฝนควบมรรคาทั้งสามสาย เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘ระดับจักรพรรดิ’!
“ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน จะบรรลุอริยะก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว นับประสาอะไรกับเป็นจักรพรรดิ แต่พวกเราต่างกัน พวกเราอยู่ในช่วงที่มหายุคมาเยือนอย่างไม่เคยมีมาก่อนพอดี ทั้งล้วนบรรลุขอบเขตมกุฎ ขอเพียงไม่ตาย ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วก็จะมีโอกาสได้สัมผัสระดับที่สูงยิ่งขึ้น”
ดวงตาอาหลู่ฉายแววตั้งตาคอย พูดอย่างตื่นเต้นว่า “และเป้าหมายของข้าก็คือก้าวล้ำจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ เหยียบย่างลงไปในขอบเขตที่เขาไม่เคยเหยียบย่างมาก่อน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์