หลินสวินไม่ได้ตัดสินใจออกมาอย่างชัดเจน
เพราะไม่ว่าจะหลอมกายหรือไม่ เกี่ยวกับมรรคาของตนในภายภาคหน้า การชี้ขาดจากความคิดเดียวก็อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงโชคชะตา เขาต้องรอบคอบ
ทว่าสำหรับนกทมิฬกับเจ้าคางคก ได้ล้มเลิกความคิดที่จะหยั่งรู้แผ่นหินโบราณหมื่นลักษณ์ไปแล้ว เพราะการหลอมกายขัดกับมรรคาที่พวกเขาเสาะหา
ตั้งแต่วันนี้พวกหลินสวินเก็บตัวจำศีลบนเขาฝนดาวตก ไม่สนใจเรื่องราวในโลก ต่างขัดเกลาและฝึกฝนมรรคและวิชาของตน
สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ขาดแคลนวาสนาแล้วจริงๆ ที่ขาดคือการตกตะกอนหลังจากชะล้างสิ่งสำอางสักครั้ง
ในช่วงเวลาว่างเป็นครั้งคราว พวกเขาจะนั่งลงกับพื้น ต้มสุราคั่วชา ถกเรื่องมรรคกัน แลกเปลี่ยนใจความและการหยั่งรู้ในการฝึกปราณกัน ต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ไปไม่น้อย มรรควิถีของตนก็ยิ่งประณีตลุ่มลึกและแกร่งกล้า
ไม่ว่าจะเป็นหลินสวิน เจ้าคางคก อาหลู่หรือนกทมิฬต่างมีวิชาน่าตกตะลึงหาใดเทียบในมรรคาของตนนานแล้ว อีกทั้งตนเองต่างครอบครองมรดกอันเป็นเอกลักษณ์และสะท้านโลก
การแลกเปลี่ยนระหว่างพวกเขาไม่มีปิดบังเลยสักนิด ต่างพิสูจน์มรรคและวิชาของกันและกัน คุณประโยชน์ที่ได้รับสามารถบรรยายด้วยคำว่าไม่อาจประมาณได้
อย่างนกทมิฬมีความลับและความเข้าใจในมหามรรคมากมายอยู่เต็มหัว เมื่อถกเรื่องมรรคอย่างจริงจัง หลักการของแก่นอัศจรรย์ที่กล่าวออกมานั้นถึงกับทำให้พวกหลินสวินหน้าเปลี่ยนสีไม่ว่างเว้น รู้สึกเกิดปัญญารู้แจ้ง ตื่นรู้เต็มตาอยู่บ่อยๆ
หรืออย่างเจ้าคางคก ตัวเขาฟื้นพลังมรดกพรสวรรค์ของสายเลือดคางคกทองสามขา ทั้งเคยได้รับมรดกชั้นยอดที่เซียนผลาญเฉินหลินคงทิ้งไว้ ความเข้าใจต่อมหามรรคเรียกได้ว่าโดดเด่นมีเอกลักษณ์
และอย่างอาหลู่ เส้นทางที่เดินอยู่ก็คือมรรคากายหยาบบรรลุอริยะ ในด้านการบุกเบิกกายเนื้อที่เก็บวิญญาณ การใช้สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณในตัว ไม่ใช่สิ่งที่พวกหลินสวินจะเทียบได้โดยสิ้นเชิง
ด้านหลินสวิน ตั้งแต่ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ความรุ่มรวยของประสบการณ์ฝึกปราณที่สั่งสมมาก็ดึงดูดใจพวกเจ้าคางคกอย่างลึกซึ้ง
ตอนนี้พวกเขารวมตัวอยู่ด้วยกัน ร่วมกันฝึกปราณ ร่วมกันแลกเปลี่ยน จิตใจไร้กังวล ทำให้มรรควิถีในตัวได้ตกตะกอนถึงขีดสุดโดยไม่รู้ตัว
สมัยบรรพกาล เมธีในอดีตมองมหามรรคประหนึ่งฟ้า จึงมักจะรวมตัวกันเพื่อ ‘พูดคุย’ แลกเปลี่ยนใจความกัน ด้วยเหตุนี้ถึงรวมจุดแข็งร้อยสำนัก สร้างวิชาฝึกปราณอันเลิศลอยตระการตาเพื่อคนรุ่นหลัง
การถกเรื่องมรรคของพวกหลินสวินก็เหมือนกับ ‘การพูดคุย’ ในระหว่างที่แลกเปลี่ยนได้เข้าใจสิ่งใหม่ ต่อยอดได้มากมาย วิธีฝึกปราณอันเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้กลับสร้างประโยชน์เหลือล้นให้กับทุกคน!
ยามคิดอะไรได้เป็นครั้งคราว ก็จะประลองแลกเปลี่ยนความรู้สักตั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ รู้สึกพอใจอย่างยิ่ง สำราญใจหาใดเทียบเช่นกัน
บางครั้งเสี่ยวอิ๋นก็เข้าร่วมด้วย แต่หลายครั้งทำเพียงรับฟัง มันเป็นลูกหลานหนอนกินเทพ ว่ากันโดยเคร่งครัดแล้ว เรียกได้ว่าเป็นสายฝึกจิต
แต่ไม่ว่าจะเป็นอาหลู่ เจ้าคางคกหรือนกทมิฬก็ไม่อยากประมือกับเสี่ยวอินตอนแลกเปลี่ยนความรู้วิถียุทธ์
ช่วยไม่ได้ การโจมตีของเสี่ยวอิ๋นพิสดารและดุดันเกินไป จู่โจมเด็ดขาด ทำให้ผู้อื่นตั้งตัวไม่ทัน ปวดหัวหาใดเทียบ
ทว่าเสี่ยวอิ๋นกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ขอเพียงใจมันฉุกคิดก็จะลงมือทันที ไม่มีเค้าลางบอกกล่าวได้ ส่งผลให้พวกเจ้าคางคกตื่นตระหนกจนด่าทอยกใหญ่ ทั้งรู้สึกจนใจทุกครั้งไป
เมื่อใดก็ตามที่เป็นเช่นนี้ หลินสวินก็จะหัวเราะร่าไม่หยุด ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจกับเสี่ยวอิ๋น
กาลเวลาล่วงเลยไปในระหว่างการฝึกปราณราวตัดขาดจากโลกเช่นนี้
พวกหลินสวินไม่สนใจเรื่องราวในโลก ต้องการตกตะกอนฝึกตนและยกระดับมรรคาของตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ติดตามโลกภายนอก
ไม่นานนักทั้งแดนอัคคีทักษิณต่างรู้ว่าเทพมารหลินพำนักฝึกปราณที่เขาฝนดาวตก ดึงดูดให้ขุมอำนาจมากมายจับตามอง
แทบทุกวันจะมีสายสืบจำนวนมากมาสืบข่าวที่บริเวณใกล้เคียงเขาฝนดาวตกเพื่อสังเกตความเคลื่อนไหว
ถึงอย่างไรหลายปีมานี้ หลินสวินก็ได้อาศัยผลการต่อสู้อันนองเลือดมากมาย บ่มเพาะกิตติศัพท์และชื่อเสียงจนแทบไร้ศัตรูใดเทียบเทียมแล้ว
ตอนนี้คนร้ายกาจผู้มีชื่อสะเทือนแดนเก้าบนเช่นนี้ปลีกวิเวกอยู่บนเขาฝนดาวตก จะไม่ให้ใครจับตามองได้อย่างไร
แต่พร้อมๆ กับการเวลาเคลื่อนคล้อย เมื่อรับรู้ได้ว่าเทพมารหลินคิดจะจำศีลฝึกตนจริงๆ ไม่คิดเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายในโลกภายนอก ก็มีทั้งคนผิดหวังและลอบยินดีปรีดา
ใครก็รู้ว่าขอเพียงเป็นเรื่องที่เทพมารหลินยื่นมือเข้าไปยุ่ง ย่อมก่อให้เกิดความโกลาหลใหญ่ยิ่ง มาพร้อมกับฝนเลือดลมคาวโลหิต
และตอนนี้คนร้ายกาจเช่นนี้จู่ๆ กลับเหมือนล้างมือในอ่างทองคำ ไม่สนใจความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก ย่อมทำให้ทุกคนงุนงงนัก
“ผนึกรังมังกรเจินหลงสลายแล้ว! ได้ยินว่าบุคคลระดับนายเหนือหัวอย่างเย่หมัวเฮอ หมีเหิงเจินและหวังเสวียนอวี๋ไปกันหมดแล้ว!”
“ศุภโชคเย้ยฟ้าคราวนี้ได้รับความสนใจจากทั่วสารทิศมานานแล้ว คนที่อยู่อันดับต้นๆ ของกระดานทองคำผู้กล้าอย่างเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ หยวนฝ่าเทียนก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน”
ไม่นานนักข่าวหนึ่งก็กระจายไปทั่วแดนเก้าบน ก่อนให้เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
“แล้วเทพมารหลินล่ะ ได้เคลื่อนไหวหรือไม่”
“ไม่ เขาปิดด่านมาตลอด”
ยามได้รู้ว่าแม้จะเผชิญหน้ากับมหาวาสนาหายากอย่างรังมังกรเจินหลงปรากฏ แต่หลินสวินก็ยังไม่ออกจากเขาฝนดาวตกดังเดิม ผู้แข็งแกร่งบางคนยังแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
แต่ความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ พวกเขาไม่เชื่อก็ไม่ได้!
“หรือเทพมารหลินกลัวเสียแล้ว ไม่กล้าไปช่วงชิงกับพวกร้ายกาจคนอื่นๆ”
หลายคนกังขา คิดว่าการเก็บตัวจำศีลของหลินสวินเป็นการถอยอย่างหนึ่ง ไม่สอดคล้องกับท่าทางแข็งกร้าวของเขาดังแต่ก่อน ผิดธรรมดานัก
“พวกเจ้าผิดแล้ว ถอนตัวตอนรุ่งโรจน์ไหนเลยจะไม่ใช่ความกล้าหาญยิ่งอย่างหนึ่ง เทพมารหลินจำศีลคราวนี้อาจจะพลาดมหาศุภโชคไปบ้าง แต่ผ่านการตกตะกอนคราวนี้ เกรงว่าตัวเขาในภายหน้าจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก…”
ผู้แข็งแกร่งที่เบียดตัวขึ้นสู่แนวหน้าของกระดานทองคำผู้กล้าคนหนึ่งทอดถอนใจเช่นนี้
“หากในสายตามีแต่วาสนาก็ย่อมถูกวาสนาจูงจมูกไป ถึงขั้นโลภมากลาภหาย ได้ไม่คุ้มเสีย ตามความคิดข้าเกรงว่าหลินสวินจะมีแผนอื่น มองทะลุข้อได้ข้อเสียในช่วงเวลาหนึ่งมานานแล้ว จึงให้ความสำคัญกับการเคี่ยวกรำมรรคาในตัว”
เมื่อหมีเหิงเจินที่มาถึงหน้ารังมังกรเจินหลงได้รู้ข่าวนี้ ก็ไหวหวั่นใจอย่างห้ามไม่ได้
เดิมทีก่อนหน้านี้เขาเคยส่งเซียวชิงเหอไปเขาฝนดาวตกเพื่อเชิญหลินสวิน หมายจะให้มาร่วมกันสำรวจรังมังกรเจินหลง
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ หลินสวินปฏิเสธแล้ว.ไอลีนโนเวล.
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์