กฎกรรมบนตัวหลินสวินดุจดั่งเส้นสายอันเล็กละเอียดแน่นขนัด มีอิทธิพลต่อมรรคาของเขามาตลอดหลายปีนี้โดยไม่รู้ตัว
อย่างประตูสวรรค์ เจดีย์สมบัติไร้อักษร ดาบหัก ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร… กระทั่งเพลิงมรรคอัศจรรย์ยังเกี่ยวโยงกับกฎกรรมของแหล่งสถานอัศจรรย์
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกฎกรรมที่มีรูป เมื่อแปดเปื้อน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายล้วนก่อให้เกิดอิทธิพลบางอย่าง
และอย่างในหนี้เลือดที่หลินสวินแบกรับไว้ตั้งแต่เด็ก มรรคาที่เสาะแสวงหา รวมถึงรอยเท้าที่หลงเหลือไว้ระหว่างวิถีฝึกปราณ ก็ล้วนมีกฎกรรมตามติดทั้งสิ้น
สิ่งเหล่านี้สามารถมองว่าเป็นกฎกรรมที่ไร้รูปร่าง ขอเพียงฝึกปราณก็ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงอิทธิพลของมันได้เช่นกัน
ไม่ต้องการถูกกฎกรรมผูกมัด ทลายพันธนาการ แม้แต่อริยะยังทำได้ยาก!
เพียงแต่เมื่อเทียบกันแล้ว กฎกรรมที่สะสมอยู่บนตัวหลินสวินทั้งมากเกินไปและหนักหนาเกินไป
ดังนั้นยามเผชิญหน้ากับพิบัติเคราะห์อย่างเคราะห์กฎกรรมนี้ อันตรายที่หลินสวินแบกรับจึงน่ากลัวเหนือธรรมดาไปไกล
ข้ามด่านเคราะห์คราวนี้ก็ทำให้หลินสวินประสบความยากลำบากและอันตราย ฟันฝ่าท่ามกลางความเป็นความตาย เอาชีวิตรอดกลางการดับสูญ หลายครั้งเกือบจะถูกอสนีเคราะห์กำจัด!
แม้แต่พวกนกทมิฬ เจ้าคางคกและอาหลู่ยังไม่อาจสงบใจ หน้าเปลี่ยนสีเพราะเรื่องนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าในโลกนี้จะยังมีเคราะห์กฎกรรมอันน่ากลัว พิสดารและเหนือล้ำสามัญสำนึกเช่นนี้อีก
หลินสวินดิ้นรนอยู่ในอสนีเคราะห์สามวันสามคืนเต็มๆ ถึงข้ามผ่านเคราะห์ที่เจ็ดในมรรคาอมตะนี้!
และเขาที่ผ่านด่านเคราะห์มา ร่างกายถูกทำลายแหลกละเอียดอยู่นานแล้ว พลังจิตเหลือเพียงเสี้ยวความคิดเล็กน้อย เกือบจะวอดวายโดยสมบูรณ์
แต่คุณประโยชน์หลังข้ามด่านเคราะห์ก็น่าตกตะลึงหาใดเทียบ
ในช่วงครึ่งเดือนต่อมา หลินสวินไม่เพียงฟื้นคืนสู่สภาพเดิม มรรควิถีของตนยังยกระดับถึงขีดสุดรอบหนึ่ง ศักยภาพก็แปรสภาพอย่างพลิกฟ้าพลิกดินไปด้วย!
ยามสู้เต็มกำลัง ขนาดอาหลู่กับเจ้าคางคกร่วมกันลงมือยังไม่อาจกำราบหลินสวินได้อยู่หมัด กลับถูกหลินสวินโจมตีเสียยับเยิน โหยหวนไม่ว่างเว้น ร้องเสียงดังว่าวิปริต
ควรรู้ว่าก่อนหลินสวินจะข้ามด่านเคราะห์ อาหลู่กับเจ้าคางคกก็ได้เหยียบย่างเข้าสู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดแล้ว ทว่าต่อให้ร่วมกันลงมือก็ไม่อาจต้านทานหลินสวิน ทำให้ทั้งสองจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้
วู้ม!
บนหน้าผา หลินสวินยืดกายตามสบาย สำแดงมรรคและวิชาของตนกลางเมฆหมอก เสื้อผ้ากระพือไหว เงาร่างรางเลือนประหนึ่งเซียนสำแดงยุทธ์
และตอนนี้ พลังมหามรรคที่เขาครอบครองล้วนทะลวงระดับ ‘ระเบียบมรรค’ แล้ว
ระเบียบมรรคก็คือกฎเกณฑ์ หลอมรวมอยู่ในวิถียุทธ์ สามารถใช้พลังกฎเกณฑ์ได้ถึงขีดสุด
กฎเกณฑ์มหามรรคต่างกัน อานุภาพที่มีก็ต่างกัน แต่ไม่ได้แบ่งแยกแข็งแกร่งอ่อนแอ เพียงพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมเท่านั้น
ตอนนี้ที่หลินสวินกำลังทำก็คือ ‘หลอมมรรค’!
นำกฎเกณฑ์มหามรรคต่างๆ ที่ตนครอบครองมาหลอมเข้ากับมรรคดับดารากลืนกิน ทำให้มรรคกับวิชาในตัวผสานกันโดยสมบูรณ์
ขั้นนี้ ยากนัก
ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน อย่างน้อยก่อนบรรลุอริยะ น้อยคนนักที่จะสามารถหลอมมหามรรคที่ครอบครองให้เป็นหนึ่งเดียว เข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
หลินสวินไม่หวังถึงขั้นเข้าใจทะลุปรุโปร่ง เขาเพียงคิดใช้มรรคดับดารากลืนกินเป็นเตาหลอม นำพลังมหามรรคอื่นมาใส่ไว้ในนั้นเพื่อใช้ประโยชน์!
ก็เปรียบเหมือนมรรคดับดารากลืนกินเป็นจอมทัพ ไปชักนำและควบคุมพลังมหามรรคต่างๆ ทำให้พวกมันระเบิดอานุภาพที่แข็งแกร่งที่สุด
ตูม!
กลางชั้นเมฆ เสียงธรรมไหวกระเพื่อม มีเสียงร้องมังกรเจินหลงดังก้องเป็นพักๆ มีดอกบัวน้ำไฟเบ่งบานพลิ้วไหวเป็นช่วงๆ มีมัจฉาหยินหยางกลายสภาพเป็นวัฏจักรยอดเอกอุอยู่เป็นระยะ มีกลิ่นอายไร้มรณะอ้อยอิ่งไม่ขาดสายเป็นครั้งคราว…
ในที่สุดปรากฏการณ์ประหลาดเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นในหุบเหวลึกแห่งหนึ่ง ทำให้เวิ้งฟ้าตรงนั้นเหมือนถูกกลืนกิน หมู่ดาวดับสลายอยู่ภายในนั้น!
ส่วนเงาร่างของหลินสวิน กลับเหมือนผู้เป็นนายเหนือหุบเหวใหญ่ มีความสง่างามหลุดพ้นเหนือมลทินอยู่รางๆ
จนกระทั่งไม่กี่วันผ่านไป
เงาร่างหลินสวินหยุดนิ่งลงอย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยกลิ่นอายทั้งกาย เสียงตูมดังขึ้น กลางฟ้าดินเหมือนเกิดสายฟ้าฟาด ห้วงอากาศแปดทิศพังถล่ม ชั้นเมฆทลายลง
แสงสวรรค์สายหนึ่งเทลงมา คลุมรัศมีศักดิ์สิทธิ์ชั้นหนึ่งให้เงาร่างสูงตระหง่านนั้นของหลินสวิน ดุจดั่งเทพในตำนานดึกดำบรรพ์
“พี่ใหญ่ ระวังด้วย!”
เสียงตะคอกดังเสียงหนึ่งดังขึ้น อาหลู่กระโจนขึ้นกลางอากาศ ชูหมัดถล่มลงมา
เจ้าคางคกกับนกทมิฬเห็นดังนี้ ต่างแสดงสีหน้าเวทนา
ดังคาด เพียงครู่เดียวอาหลู่ก็ถูกกำราบ หน้าตามอมแมม จมูกเขียวหน้าบวมเป่ง ปากสูดหายใจเย็น แก้มกระตุกไม่หยุดเพราะเจ็บปวดรุนแรง
เมื่อดูหลินสวินอีกครั้ง กลิ่นอายเรียบง่ายสงบนิ่ง ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาโดยสิ้นเชิง ท่วงท่ารุ่งโรจน์มลายสิ้น คืนสู่ความสามัญ
“พี่ใหญ่ เจ้าหลอมมรรคสำเร็จแล้วหรือ”
อาหลู่เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
“ไม่ถึงกับหลอมมรรคได้จริงๆ หรอก เพียงแต่พลังมหามรรคที่ข้าครอบครองล้วนสามารถใช้มรรคดับดารากลืนกินควบคุมได้แล้ว”
หลินสวินกล่าวถึงตรงนี้ก็ยิ้มพูดว่า “วันนี้ไม่คุยเรื่องฝึกปราณ ไปกัน ไปดื่มเหล้า”
“ดีเหมือนกัน เอาชนะเจ้าไม่ได้ ดื่มเหล้ายังสู้ไม่ได้ได้หรือ”
อาหลู่ใจกล้าทะลุเมฆา
นกทมิฬกับเจ้าคางคกก็ลูบหมัดเตรียมสู้
……
แดนวาโยอาคเนย์
ในเขาแดนมงคลแห่งหนึ่ง หยวนฝ่าเทียนพลันลืมตาขึ้น สายฟ้าเปล่งประกายหาใดเทียบสายหนึ่งก็สาดพุ่งออกมาจากตาของเขา
เปรี๊ยะ!
ห้วงอากาศล้วนถูกแววตานั้นฉีกออก
‘ก่อนแดนมกุฎปิดฉากเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งปีเท่านั้น ตอนนี้ข้าได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ได้สำเร็จขั้นใหญ่แล้ว ถึงเวลาไปสะสางบุญคุณความแค้นในตอนนั้นแล้ว!’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์