ฟ้าดินมืดมัว ไอหนาวเหน็บกดทับทั้งที่นั้น
ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นพากันถอยหนีไปโดยไม่รู้ตัว หยวนฝ่าเทียนกับราชันเผิงปีกทองน้อยพลานุภาพรุ่งโรจน์ยิ่งนัก ทำให้พวกเขารู้สึกใจสั่นระรัวและกดดัน
อาหลู่กับเจ้าคางคกก็อึ้งไปก่อน จากนั้นแววตาพากันเปล่งประกายขึ้นมา เผยให้เห็นแววบ้าคลั่ง
“ในที่สุดก็มีคนที่ดูเข้าท่ามาสักที”
จิตต่อสู้ของอาหลู่เดือดพล่าน เจตจำนงต่อสู้ทะยานขึ้น
“นี่ เจ้าอย่าแย่ง ให้ข้าลองหน่อยว่าเจ้าหมอนี่เป็นคนกลวงๆ ที่ดูได้แต่สู้ไม่ได้หรือไม่”
เจ้าคางคกก็ลูบมือลูบหมัด ท่าทางอยากจะลงมือรอมร่อ
สิ่งนี้ทำให้หยวนฝ่าเทียนอึ้งไป จากนั้นก็เดือดดาลพูดเสียงเหี้ยมว่า “หมาแมวที่ไหนกัน ยังกล้ามาเห่าหอนบ้าคลั่งต่อหน้าข้า ให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง ไปเรียกหลินสวินออกมาแล้วจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!”
เสียงของเขาราวอสนีดังลั่นฟ้าดิน ขับเน้นให้อานุภาพของหยวนฝ่าเทียนยิ่งน่าหวาดหวั่น
“อ๋อ… ที่แท้ก็ผู้หลอมกาย!”
ดวงตาอาหลู่ยิ่งเปล่งประกายเหมือนกับจับจ้องเหยื่อ เผยความตื่นเต้นที่ไม่เคยมีมาก่อน เลือดลมทั้งกายต่างเดือดพล่าน
“หือ?”
ในขณะเดียวกันหยวนฝ่าเทียนก็สังเกตได้ว่ากลิ่นอายทั้งตัวของอาหลู่ไม่ธรรมดา เลิกคิ้วเอ่ยอย่างอดไม่ได้ว่า “เจ้าก็เป็นผู้หลอมกายหรือ”
ตูม!
อาหลู่พุ่งทะลุเมฆขึ้นไปในทันใด แล้วฉีกยิ้มกว้าง “สหาย อยากเล่นกันสักหน่อยไหม ถ้าเอาชนะข้าได้รับรองว่าจะให้เจ้าได้พบพี่ใหญ่ของข้า แต่ถ้าไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าโหดกับเจ้าแล้วกัน”
หยวนฝ่าเทียนยิ้มด้วยความโมโหถึงที่สุด “ในวิถีหลอมกาย ข้ายังไม่เคยกลัวใคร ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าท้าทายเลย หาไม่แล้วคงตายอนาถเท่านั้น!”
ความดูแคลนหนาแน่นเจืออยู่ในเสียง
เขาเป็นลูกหลานเผ่าวานรจมูกเชิด เก็บตัวเงียบอยู่ภายในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อันเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ที่ฝึกฝนก็คือเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ วิชาหลอมกายของเขาทะลวงจนสุดขอบเขตมกุฎมานานแล้ว มองไปในใต้หล้าล้วนไม่กลัวผู้ใด!
คำท้าของอาหลู่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้… สอนจระเข้ว่ายน้ำ โง่เขลาไม่รู้ความ!
“อาหลู่ เขาดูถูกเจ้าเห็นๆ เปลี่ยนเป็นข้าเข้าไปแทนดีไหม”
เจ้าคางคกโวยวายเสียงดัง
“เหลวไหล ดูว่าข้าจะรังแกเขาอย่างไรเถอะ!”
ท่ามกลางเสียงตะคอกดัง ผิวหนังทั้งตัวอาหลู่พองขยาย ทั้งร่างกายแผ่ไอเลือดคับฟ้าออกมา ราวกับแปลงกายเป็นเทพเถื่อนคนหนึ่ง เพียงแค่กลิ่นอายก็ทำให้ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงยุบตัว ส่งเสียงโครมครามไม่ว่างเว้น
ตูม!
อาหลู่ลงมือแล้ว ยามกระแทกหมัดหนึ่งออกไป ในห้วงอากาศก็บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดลักษณ์เทพกดข่มห้วงดารา บดบังฟ้าดิน ทรงพลังจนหมื่นบุรุษไม่อาจต้านทาน
“เอ๋ วิชาดาวเหนือสยบโลกา! เจ้าลิง คนผู้นี้เป็นผู้สืบทอดสายเลือดจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ อย่าประมาทเด็ดขาดล่ะ!”
ไกลออกไปราชันเผิงปีกทองน้อยรีบเตือน
“หึ!”
หยวนฝ่าเทียนสีหน้าเย็นชา เกิดเสียงกระทบชิ้งๆ ราวเสียงกระบี่ขึ้นภายในร่าง นั่นสะท้อนว่าพลังเลือดลมในร่างกายน่ากลัวถึงที่สุด
ก็เห็นว่าแสงกระจ่างอันงดงามสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้นทั่วร่างของเขา สะท้อนลักษณ์แห่งเทพธรรมบาล ท่ามกลางความคลุมเครือ ภายในแสงกระจ่างสายแล้วสายเล่านั้นประหนึ่งมีเทพสั่งการ สวดภาวนาอยู่ภายใน สถานการณ์สะท้านโลกา
“ปล่อย!”
หยวนฝ่าเทียนกระโจนขึ้นไป ชกหมัดหนึ่งออกมาเช่นกัน พลังหมัดนั้นดุจดั่งสร้างขึ้นจากกระจกสลัก แต่กลับน่ากลัวไร้ที่สิ้นสุด มีพลังสังหารพลิกกลับจักรวาล ทำลายภูผาธารา
เปรี้ยง!
ทั้งสองเหมือนดาวหางปะทะกัน เสียงโครมครามน่าครั่นคร้ามปะทุออก ฟ้าดินแถบนั้นพลันตกอยู่ในความโกลาหล ชั้นเมฆพังทลาย เสียงธรรมไม่ขาดสาย
ตึงๆๆ!
ท่ามกลางการจับจ้องของสายตาตกตะลึงทั้งมวล เหนือฟ้าสูงหยวนฝ่าเทียนกับอาหลู่ต่างถูกซัดกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว
“ไม่เลว! ไม่เลวจริงๆ!”
อาหลู่ร้องเสียงดัง ตื่นเต้นนัก นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝึกปราณมาที่เขาได้พบกับผู้หลอมกายที่มีฝีมือสมน้ำสมเนื้อ จิตต่อสู้ในใจลุกโชนโดยสมบูรณ์แล้ว
“หึ!”
หยวนฝ่าเทียนสายตาเย็นชา แต่แท้จริงในใจเก็บงำความดูถูกลงไปแล้ว
เขารู้ว่าจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพเป็นคนน่ากลัวปานไหน และในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของคนผู้นั้น วิชาในวิถีหลอมกายของคนเถื่อนผู้นี้ย่อมไม่อาจเทียบได้กับบุคคลขอบเขตมกุฎทั่วไป
“ฆ่า!”
ทั้งสองประมือกันอีกครั้งโดยมิได้นัดหมาย
โครม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน มองจากไกลๆ เหมือนเทพสององค์กำลังปะทะกัน พลังกายอันน่าหวาดหวั่นปลดปล่อยอานุภาพที่สามารถทำลายโลกได้ออกมา
บนพื้นผู้สังเกตการณ์ต่างสูดหายใจเยียบเย็น หยวนฝ่าเทียนเป็นถึงพวกร้ายกาจชั้นยอด พลังกายทั้งตัวสามารถโอหังเหนือผู้คนได้ พลังต่อสู้สูงล้ำ
แต่พลังหลอมกายที่อาหลู่สำแดงออกมากลับไม่ด้อยไปกว่ากันสักนิด สู้กับหยวนฝ่าเทียนจังๆ ได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยง!
‘อาหลู่คนนี้ก็เป็นบุคคลที่มาพร้อมกับโชควาสนายิ่งใหญ่ ถึงกับทะลวงมรรคหลอมกายมาได้ถึงขั้นนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย’
ในใจของราชันเผิงปีกทองน้อยก็ลอบตกตะลึงไม่หยุด
ที่พวกเขามาคราวนี้ก็เพื่อประมือกับหลินสวิน ใครจะไปคิดได้ว่ายังไม่ทันได้พบหลินสวิน กลับมีบุคคลแข็งกร้าวอย่างยิ่งยวดผู้หนึ่งออกมาสู้
“เจ้านกเผิงน้อย ไม่สู้พวกเรามาเล่นด้วยกันหน่อยเล่า”
ทันใดนั้นเบื้องหน้าราชันเผิงปีกทองน้อยก็พร่าเลือน แล้วจึงเห็นว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งยืนยิ้มน้อยๆ ห่างออกไปนอกร้อยจั้ง
“เจ้าคางคกเรื้อน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าหาที่ตายดีกว่า!”
ราชันเผิงปีกทองน้อยสีหน้าถมึงทึง แววเย็นชาผุดออกมาจากหว่างคิ้ว
เขาสวมชุดทองทั้งตัว รูปลักษณ์ธรรมดา แต่กลับมีกลิ่นอายพยศจองหอง และด้วยมีฐานะเป็นลูกหลานพญาเผิงปีกทอง ใครจะกล้ามาเรียกเขาเช่นนี้
“ปากดีจริงนะ! วันนี้ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าอย่างไรเรียกอาจหาญกำราบเผิง!”
เจ้าคางคกออกโจมตีในทันใด กลิ่นอายกลืนตะวันคายจันทรา นิ้วมือแปลงเป็นดาบฟาดฟันออกไปเหมือนสายฟ้าฟาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์