Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1305

สรุปบท ตอนที่ 1305 ต้านทานด้วยตัวคนเดียว: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1305 ต้านทานด้วยตัวคนเดียว จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1305 ต้านทานด้วยตัวคนเดียว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตลกหรือ

พวกไป๋เฉียน อวี๋ซีต่างมีแววตาเย็นชา หลินสวินคนนี้ เห็นได้ชัดว่ายังไม่รู้สถานการณ์ของตัวเองดี!

“องค์ชายเคยกล่าวไว้ว่าสหายยุทธ์หลินไม่ใช่คนธรรมดา ต้องให้ความเคารพ พวกเราไม่ได้หวังจะเป็นศัตรูกับสหายยุทธ์หลินเพราะเรื่องนี้”

หวั่นอินสีหน้าออกจะเย็นชาแล้ว

นางมองไกลออกไปแล้วเอ่ยว่า “ยิ่งไปกว่านั้นสหายทั้งสองของสหายยุทธ์หลินต่างกำลังต่อสู้ ในเวลาเช่นนี้หากเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกเกรงว่า… ผลลัพธ์จะยากคาดเดานัก”

ทุกคนสูดหายใจเย็น คำพูดนี้ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อน แต่เจตนาคุกคามในคำพูดนี้ใครๆ ก็รับรู้ได้

ตอนนี้อาหลู่กำลังฟาดฟันกับหยวนฝ่าเทียน จินตู๋อีกำลังห้ำหั่นกับราชันเผิงปีกทองน้อย ไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น สถานการณ์ต่อสู้ดุเดือดนัก

หากพวกหวั่นอินเข้าผสมโรงด้วย เพียงอาศัยหลินสวินคนเดียวจะมีพลังต้านทานคลื่นลมโหมคลั่งได้อย่างไร

การข่มขู่นี้ โหดเหี้ยมนัก!

“อย่างพวกเจ้าน่ะหรือ”

กลับเห็นว่าหลินสวินกวาดสายตามองทุกคน วาจาคล้ายไม่ใส่ใจ เผยให้เห็นแต่ความดูถูกดูแคลน

ช่วงที่ฝึกตนจำศีลครึ่งปีมานี้ ทำให้มรรคาของเขาได้รับการตกตะกอนและยกระดับขึ้นถึงที่สุด ศักยภาพไม่อาจเทียบได้กับแต่ก่อนนานแล้ว ต่อให้คู่ต่อสู้มากกว่านี้ก็ไม่มีทางทำให้หลินสวินหวาดกลัวได้

“จองหอง!”

ไป๋เฉียนแค่นหัวเราะหยัน ครึ่งปีก่อนเขาเคยถูกหลินสวินตีพ่าย แต่ครึ่งปีมานี้พลังต่อสู้ของเขาได้แปรเปลี่ยนนานแล้ว อีกทั้งยังได้ศุภโชคในรังมังกรเจินหลง ทำให้ยามเขาเผชิญหน้ากับหลินสวินอีกครั้งจึงมีความเชื่อมั่นทบทวี

“สหายยุทธ์หลินสวิน เจ้าเพียงส่งหนอนกินเทพมา พวกเรารับรองว่าจะไม่สร้างความยุ่งยากให้ เหตุใดต้องยึดติดกับความคิดผิดๆ เช่นนี้ด้วย”

อวี๋ซีเสียงนุ่มนวล ถอนหายใจเบาๆ

“เห็นแก่หน้าองค์ชาย พวกเราไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับสหายยุทธ์หลิน ขอเจ้าช่วยให้พวกเราสมปรารถนาด้วย”

เหยาหลีเสียงอึมครึมเลือนราง

“ส่งหนอนกินเทพมา”

เหยียนซานกับเหยียนไห่พากันเอ่ยปาก กระชับได้ใจความ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความแข็งทื่อเย็นเยียบ

“สหายยุทธ์หลิน ต่อให้เจ้าไม่คิดถึงตัวเองก็ต้องคิดถึงสหายทั้งสองของเจ้าเสียหน่อยกระมัง ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเรามีเจตนาร้ายจริงก็คงลงมือไปนานแล้ว จะไม่เกลี้ยกล่อมดีๆ แบบนี้สักนิด ขอสหายยุทธ์หลินไตร่ตรองด้วย”

หวั่นอินก็เอ่ยปาก สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเหมือนกำลังยื่นคำขาดสุดท้าย

“ถ้าไม่ใช่การปล้น เหตุใดต้องพูดจาเสแสร้งเช่นนี้ด้วย”

หลินสวินแสดงสีหน้าเสียดสี

ความจริงในใจเกิดไอสังหารไปแล้ว เสี่ยวอิ๋นพูดได้ว่าเขาดูแลจนเติบโตมากับมือ เป็นเหมือนคนในครอบครัวของเขา จะยอมยกให้ได้อย่างไร

แต่คนพวกนี้ถึงกับกล้าคิดเอาเสี่ยวอิ๋นไป เรื่องนี้ได้แตะโดนเส้นความอดทนของหลินสวินแล้ว!

กำลังพลของคู่ต่อสู้เรียกได้ว่าน่ากลัวจริงๆ เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งคนใดๆ หวาดหวั่นได้

แต่เขาหลินสวินฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ต่อสู้กรำศึกมาตลอดทาง ที่พึ่งพิงอาศัยก็คือปณิธานไม่ย่อท้อกับพลัง จะเคยกลัวการข่มขู่ใดๆ ได้อย่างไร

ต่อให้ถูกซุ่มโจมตีจากสิบทิศ เป็นศัตรูกับคนทั้งโลกแล้วอย่างไร

ตัวข้าจะกำราบมันเพียงลำพัง!

“แม่นางหวั่นอิน ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงแล้ว จับเขามาแล้วเอาหนอนกินเทพไปเสียเลย!”

ไป๋เฉียนไอสังหารพลุ่งพล่าน

โครม!

เขาลงมือแล้ว หวังอย่างแรงกล้าว่าจะล้างความอัปยศที่ถูกหลินสวินเอาชนะเมื่อคราวก่อน สองมือทำมุทราใช้เคล็ดวิชามรรค

สายฟ้าเจิดจ้าแสบตาสายหนึ่งเคลื่อนออกมา เจือไปด้วยไอสังหารคับฟ้าประหนึ่งทวนมรณะในมือยมบาล พุ่งไปสังหารหลินสวิน

ห้วงอากาศตรงนั้นต่างถูกฉีกขาด เกิดเสียงระเบิดแสบแก้วหู

ไกลออกไปเหล่าผู้กล้าตื่นตะลึง ต่อให้ห่างกันไกลลิบก็ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีนี้ ล้วนขนพองสยองเกล้า

ทันทีที่ไป๋เฉียนลงมือก็สำแดงพลังสังหารยิ่งใหญ่คับฟ้าของเผ่าเสือขาวออกมา แข็งแกร่งเกินจินตนาการไปไกล

“เคยถูกข้าเอาชนะ ยังกล้าโอ้อวดพลานุภาพอีกหรือ”

ในดวงตาหลินสวินเต็มไปด้วยความเย็นชา ยืนมือไพล่หลังเช่นนั้นไม่เคลื่อนไหว แต่ทั้งร่ายกลับมีพลังมหามรรคไร้รูปร่างสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้น แล้วแปรสภาพเป็นปรากฏการณ์ประหลาดราวหุบเหวลึก

โครม!

สายฟ้าเจิดจรัสใหญ่หนาเท่าลำต้นต้นไม้ ยามผ่าลงมาเบื้องหน้าหลินสวินกลับเหมือนตุ๊กตาวัวดินโยนลงน้ำทะเล ถูกสลายไปอย่างไร้ร่องรอย

หลินสวินไม่ไหวติงแม้สักนิด มีเพียงผมดำที่ปลิวไปตามลม

เมื่อเห็นภาพพิสดารชวนสั่นสะท้านนี้เข้า พวกหวั่นอิน อวี๋ซี เหยาหลีต่างแววตาแข็งทื่อ ใบหน้าฉายแววเคร่งเครียดเล็กน้อย

ไม่แปลกที่พวกเขาจะระดมพลมา เทพมารหลินผู้นี้แข็งแกร่งจนน่าตระหนกจริงๆ

ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปล้วนอึ้งงันปากอ้าตาค้าง

ในช่วงหลายวันมานี้มีคนมาถึงเขาฝนดาวตก หมายจะท้าสู้กับหลินสวินเพื่อเปรียบเทียบสูงต่ำ แต่ต่างไม่เคยเห็นเขาปรากฏตัวสักครั้ง จึงล้วนคิดว่าเขากำลังหลีกหนีและถอยหลบ

แต่ตอนนี้พวกเขาถึงได้รู้ว่าเทพมารหลินที่จำศีลอยู่ที่นี่ในช่วงครึ่งปีนี้ เทียบกับแต่ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว!

ดูเหมือนเรียบง่าย ราบเรียบและธรรมดา แต่ความจริงแล้วพลังต่อสู้ได้ทะลวงถึงขั้นลึกล้ำสุดหยั่งไปนานแล้ว!

“สุดท้ายจะให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง ถอยเท่านี้เสีย หาไม่แล้วต่อให้เซ่าเฮ่ามา ข้าก็จะสังหารพวกเจ้าให้เหี้ยน!”

หลินสวินไพล่มือเอ่ยอย่างเย็นชา

แต่คำเตือนเช่นนี้ของเขากลับถูกมองว่าเป็นการท้าทายครั้งใหญ่อย่างหนึ่ง ทำให้สีหน้าของพวกหวั่นอินต่างปรากฏแววเย็นเยียบ

“ฆ่า!”

ไป๋เฉียนตะคอกลั่น ทวนวงเดือนทองคำขาวเล่มหนึ่งเคลื่อนไปในอากาศ ม้วนดึงเกลียวพายุขึ้นมา

โครม!.ไอรีนโนเวล.

ตามองเห็นว่าไอสังหารโหมคลั่งราวจับต้องได้รวมตัวอยู่ในกระบวนท่าเดียวของทวนวงเดือน ปลดปล่อยปรากฏการณ์ประหลาดน่าหวาดหวั่นอย่างเทพผีคร่ำครวญ ตะวันจมจันทรามลายออกมา

อานุภาพของการโจมตีนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ไกลออกไปต่างตื่นตระหนกจนขวัญแทบหาย

ทายาทเสือขาว สมกับเป็นผู้ที่ทัดเทียมเทพสังหาร ใช้พลังอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดขั้นสมบูรณ์กระตุ้นอานุภาพออกมา น่ากลัวจนไม่กล้าจินตนาการ

“ดูท่าพวกเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว”

ทันใดนั้นไอสังหารไหวเคลื่อนในดวงตาของหลินสวิน

ในขณะเดียวกัน

เสียงสวบดังขึ้น เงาร่างเหยาหลีที่อยู่ไกลออกไปไหววูบ หายลับไปกลางอากาศ รวดเร็วจนเหมือนความเร็วเสียง

ครู่ต่อมาเขาก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าหลินสวิน พ่นลมออกมาจากปากครั้งหนึ่ง กระบี่บินเรียวเล็กยาวแค่สามชุ่นเล่มหนึ่งยิงพุ่งออกมาแทงคอหอยของหลินสวินตรงๆ

แทบไม่มีทางบรรยายการโจมตีนี้ได้

เร็วยิ่งนัก และดุดันเกินไป กระบี่บินสีเงินสามชุ่น แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับปกคลุมทั่วฟ้าดิน ฉกาจฉกรรจ์ไร้ที่สิ้นสุด

เงาสลาตันเสียบจ้วง!

นี่เป็นพลังพรสวรรค์ของเหยาหลี กราดเกรี้ยวดั่งพายุ ไร้รูปไร้เงา อานุภาพของมันเหมือนเทพผีโจมตี เพียงแค่พลังที่แฝงไว้ก็สามารถทำลายจิตวิญญาณและปณิธานต่อสู้ของคู่ต่อสู้ได้

“หึ!”

หลินสวินสีหน้าไม่หวั่นไหว แต่กลับมีพลังหมัดส่องประกายเปล่งปลั่งดั่งหยกเขียวปะทุออกมาในชั่วพริบตานั้นดั่งเหมือนมีตา

ตูม!

ห้วงอากาศระเบิดแหลกยุบตัว

พลังหมัดเปล่งประกายนั้นเข้ารับกระบี่บินสามชุ่นนี้ไว้อย่างจัง พลังที่หมัดปลดปล่อยออกมา ทำให้กระบี่บินสามชุ่นเล่มนี้แหลกสลายเป็นผุยผงเสียงดังปึง!

เสียงพรูดดังขึ้น เหยาหลีกระอักเลือดออกมา เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั่วร่างปั่นป่วน ถอยไปพลันโดยไม่ลังเล

‘ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งปานนี้ นั่นเป็นถึงกระบี่วิญญาณบินที่ข้าใช้วัตถุดิบเทพหลอมขึ้น แต่กลับถูกรับไว้ได้หรือ มิน่าถึงมีฉายาว่าเทพมาร’

เหยาหลีตะลึงพรึงเพริดอยู่ในใจ

เดิมเขานึกว่าตนกับหลินสวินอยู่ระดับเดียวกัน ห่างชั้นกันไม่มาก แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะคิดผิดแล้ว

ปึง!

ในขณะเดียวกันเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นไกลออกไป

ทวนวงเดือนทองคำขาวกับประทับมรรคสีเขียวที่ประกบโจมตีดาบหักแตกออกทั้งอย่างนั้น ส่งเสียงครวญไม่ว่างเว้น

โดยเฉพาะบนประทับมรรคสีเขียวถูกฟันเป็นรอยสายหนึ่ง ทำให้อวี๋ซีถูกพลังสะท้อนกลับส่วนเสียงอู้อี้ออกมา

ส่วนไป๋เฉียนก็ตัวสั่นไปทั้งร่าง เมื่อกี้ในระหว่างที่เขาปะทะกับดาบหัก ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกภูเขาเทพลูกหนึ่งโจมตีอย่างรุนแรงอยู่ตลอด พลังน่ากริ่งเกรงเช่นนั้นกดข่มจนเขาแทบกระอักเลือด

ทั้งหมดนี้พูดไปก็เหมือนช้า แต่ความจริงแล้วล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ชั่วอึดใจก็จบลง รวดเร็วจนสะท้านโลกพาให้ผู้คนตื่นตะลึง

และหลินสวิน ทลายการประกบโจมตีของพวกร้ายกาจชั้นยอดทั้งสามคนได้อย่างแข็งกร้าว!

พลานุภาพโอหังเช่นนั้นทำให้หวั่นอินกับพี่น้องฝาแฝดเหยียนซานเหยียนไห่ที่ยังไม่ออกโจมตีหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย สีหน้าเคร่งครัด

ด้านเหล่าผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลออกไปถึงกับยังไม่ได้สติกลับมา…

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นไป๋เฉียน อวี๋ซีหรือเหยาหลีคงเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินไม่ได้!

“ลงมือพร้อมกัน!”

เวลานี้พวกไป๋เฉียนสบตากัน ต่างเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดออกมา ออกเคลื่อนไหวร่วมกันอย่างไม่ลังเล ล้วนรู้ดีว่าหากหมายจะฆ่าหลินสวินต้องลงมือพร้อมกัน

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์