Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1309

“ทั้งสองท่าน ในเมื่อมาแล้วไม่สู้มาดื่มเหล้าด้วยกันสักจอกเล่า”

หลินสวินหันหน้าไป สายตามองไปยังหยวนฝ่าเทียนกับราชันเผิงปีกทองน้อยที่อยู่ไกลออกไป

ราชันเผิงปีกทองน้อยอึ้งไป ลังเลอยู่บ้าง

“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ ข้าไม่กลัวว่าเขาหลินสวินจะล่อลวงอะไรหรอก!”

หยวนฝ่าเทียนส่งเสียงหึหยัน

“ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือเซ่าเฮ่าก็เป็นคนที่ข้าอยากพบเสียหน่อย”

ราชันเผิงปีกทองน้อยพยักหน้า

การทะเลาะวิวาทครั้งหนึ่งก็ปิดฉากลงเท่านี้

เหล่าคนที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลออกไปต่างรับรู้ได้ว่า หลังจากศึกนี้ นามของเทพมารหลินจะต้องสะเทือนเลื่อนลั่นในแดนเก้าบนอีกแน่

และการ ‘ขอขมา’ ของเซ่าเฮ่า ก็ต้องเป็นเรื่องราวดีๆ เรื่องหนึ่งที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างแข็งขัน

……

บนเขาฝนดาวตก มิตรสหายแขกเหรื่อเต็มโต๊ะ

หลินสวิน อาหลู่ เจ้าคางคก นกทมิฬ รวมถึงเซ่าเฮ่า หยวนฝ่าเทียน และราชันเผิงปีกทองน้อยต่างนั่งอยู่กับพื้น ร่ำสุราพูดคุย บรรยากาศกลมเกลียว

มีเพียงพวกหวั่นอิน ไป๋เฉียน เหยาหลี อวี๋ซีที่ต่างเงียบเชียบไม่พูดจา ก้มหน้าก้มตาดื่มเหล้า

การชุมนุมครั้งนี้มีความพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูของพวกเขาเป็นเบื้องหลัง แต่ตอนนี้กลับนั่งอยู่ในที่เดียวกันกับคู่ต่อสู้อย่างหลินสวิน พวกเขาย่อมรู้สึกอึดอัดและเศร้าซึมผิดธรรมดา

“อีกไม่กี่เดือนศึกแดนมกุฎก็จะปิดฉากลง แต่มหายุคยังไม่จบลงเช่นนี้”

เซ่าเฮ่าวางจอกเหล้าลง เอ่ยทอดถอนใจว่า “ในช่วงหลายปีมานี้ไม่รู้ว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใดในดินแดนรกร้างโบราณ ตอนพวกเรากลับไปสถานการณ์ในใต้หล้าก็ไม่รู้จะนำโดยใคร”

ชั่วขณะนั้นทุกคนก็รู้สึกสะท้อนใจ

พอคำนวณเวลาดู พวกเขาได้เข้าสู่แดนมกุฎมาแปดปีกว่าแล้ว

ก่อนมาถึงพวกเขาต่างเป็นเพียงผู้ฝึกปราณที่มีพลังปราณในห้าระดับใหญ่ แต่ตอนนี้มองไปรอบด้าน ทุกที่นั่งล้วนเป็นมกุฎราชันผู้บรรลุระดับอมตะเคราะห์!

นี่ก็คือความเปลี่ยนแปลง!

หากไม่ได้เข้ามาในแดนมกุฎ พวกเขาย่อมไม่อาจมีการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจในมรรคาเช่นนี้ภายในเวลาไม่กี่ปีสั้นๆ ได้

“มหายุคไม่เคยมีมาก่อน เจิดจรัสถึงที่สุด แต่การเปลี่ยนแปลงแห่งฟ้าดินเมื่อรุ่งเรืองถึงขีดสุดก็ย่อมเสื่อมถอย ใครก็ไม่อาจรับรองได้ว่าตอนมหายุคครั้งนี้ปิดฉากลง ใต้หล้าแห่งนี้จะเปลี่ยนไปเป็นเช่นไร”

ราชันเผิงปีกทองน้อยเอ่ยราบเรียบ “ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเราไม่อาจควบคุมการแปรผันของฟ้าดินได้ ทำได้เพียงฝ่าอุปสรรคขึ้นไป เสาะแสวงการบรรลุที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก”

“ใช่แล้ว”

เซ่าเฮ่าเห็นด้วยอย่างยิ่ง จากนั้นเขาก็ลังเลเล็กน้อยแล้วพลันพูดขึ้นว่า “แต่ถ้าข้าคาดการณ์ไม่ผิด เมื่อพวกเราออกจากแดนมกุฎไป จะต้องประสบกับปัญหาร้ายแรงข้อหนึ่ง”

“นี่หมายความว่าอย่างไร”

ทุกคนต่างใจสั่นระรัว

“การต่อสู้แห่งเก้าดินแดน!”

ประโยคออกมาจากปากเซ่าเฮ่าเบาๆ

ชั่วขณะหนึ่งหลายคนหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ต่างเข้าใจได้กลายๆ แล้ว

ในยุคบรรพกาลก็เคยมีศัตรูแปดดินแดนมาเยือน หมายจะบุกรุกยึดครองดินแดนรกร้างโบราณ ทำลายสำนักในดินแดนรกร้างโบราณจนสิ้น

เรื่องนี้ถูกมองว่าเป็น ‘การต่อสู้แห่งเก้าดินแดน’!

ในอดีตกาลเคยมีการต่อสู้ยิ่งใหญ่ปะทุขึ้นหลายครั้งเพราะเหตุนี้ ภายใต้เคราะห์สังหารเช่นนั้น อริยะก็เหมือนต้นหญ้า สรรพสัตว์ทำได้เพียงไหลตามน้ำ!

อย่างดินแดนรกร้างโบราณ เดิมทีเป็นโลกที่เป็นปึกแผ่นสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่เพราะมหาเคราะห์อย่างการบุกรุกของแปดดินแดนครั้งหนึ่ง จึงถูกตีให้แยกออกเป็นแดนวิภูทั้งสี่คือชัยบูรพา ฐิติประจิม กาฬทักษิณและดาราอุดร

แม่น้ำพรมแดนที่กระจายอยู่ระหว่างสี่แดนวิภูนั้น ก็คือรอยแผลที่ดินแดนรกร้างโบราณเหลือทิ้งไว้ระหว่างสงคราม!

“ตอนนี้ดินแดนรกร้างโบราณเกิดมหายุคพอดี ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งโลกมีเพียงที่เดียว ผู้แข็งแกร่งจากแปดดินแดนอื่นย่อมไม่อาจมองดูดินแดนรกร้างโบราณผงาดขึ้นเช่นนี้แน่”

เซ่าเฮ่าแววตาลุ่มลึก “นี่เป็นแค้นเลือดระหว่างดินแดนใหญ่ด้วยกัน ผูกแค้นมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล หากไม่ใช่ในสมัยปฐมกาลมีเหล่าเมธีสละเลือดเนื้อต้านทานอย่างเต็มที่ ตีศัตรูภายนอกจากแปดดินแดนให้แตกพ่ายไป เกรงว่าดินแดนรกร้างโบราณในตอนนี้คงตกเป็นเชลย ถูกแปดดินแดนอื่นปกครองไปนานแล้ว”

ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างรู้สึกอึมครึม

เรื่องเหล่านี้พวกเขาต่างรู้มาไม่มากก็น้อย แม้ไม่เคยประสบด้วยตัวเอง แต่ขอเพียงคิดดูก็จะรู้ว่าหากเกิดสงครามทำนองนี้ขึ้นจริง ดินแดนรกร้างโบราณต้องตกอยู่ในความโกลาหลใหญ่ยิ่งแน่!

“ใต้แม่น้ำพรมแดนมีศพของศัตรูฝังไว้อยู่ และยังฝังวิญญาณวีรชนของเมธีนับไม่ถ้วนแห่งดินแดนรกร้างโบราณของข้าด้วย!”

“ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ยักษ์ใหญ่เทียมฟ้า ผู้กล้าเหนือโลกาไม่รู้เท่าไร มาสิ้นชีพกลางฟ้าดินเพื่อต้านทานศัตรูภายนอก”

“และตอนนี้เรื่องทำนองนี้อาจจะเกิดขึ้นอีก สำหรับดินแดนรกร้างโบราณและสิ่งมีชีวิตในใต้หล้าแล้ว จะต้องมาพร้อมกับมหาพิบัตินองเลือดครั้งหนึ่งแน่”

“ภายใต้มหาพิบัติ จะมีคนปลอดภัยไม่บุบสลายได้หรือ”

“ทุกท่าน เรื่องที่ข้าพูดวันนี้อย่าตีตนไปก่อนไข้เด็ดขาด เพียงแค่อยากจะเตือนทุกท่านว่าการชิงชัยในแดนมกุฎสุดท้ายก็เป็นเรื่องระหว่างคนรุ่นเรา แต่เรื่องที่เกี่ยวโยงกับมหาพิบัติของการต่อสู้แห่งเก้าดินแดน ใครก็ไม่อาจรักษาตัวรอดตามลำพังได้!”

เซ่าเฮ่าพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็เจือจิตพิฆาตกึกก้องอย่างห้ามไม่อยู่ “ความปรารถนาเดียวของข้าก็คือยึดกุมมหามรรคของข้าฝ่าขึ้นไปเก้าชั้นฟ้า ฟาดฟันศัตรูภายนอกให้สิ้นซาก!”

พลานุภาพน่าหวาดหวั่นตลบอบอวลออกมาจากเงาร่างสง่าผ่าเผยนั้นของเซ่าเฮ่า ทำให้สภาพอากาศแปรผัน ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง

เซ่าเฮ่าในตอนนี้จึงจะสำแดงความสง่างามของผู้ได้อันดับหนึ่งบนกระดานทองคำผู้กล้า ทำให้หลินสวินอดหวั่นใจไม่ได้

“ให้ทุกท่านเห็นเรื่องน่าขันเสียแล้ว”.ไอลีนโนเวล.

เซ่าเฮ่าคล้ายรับรู้ได้ว่าเสียอาการ พลันเก็บงำกลิ่นอายทั้งร่างกายแล้วเอ่ยว่า “พูดอย่างไม่ปิดบัง สมัยบรรพกาลผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิเร้นดาราของข้าก็พินาศลงด้วยน้ำมือของศัตรูจากแปดดินแดนอื่น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์