ผ่านไปอีกเจ็ดวัน
การฝึกหลอมกายของหลินสวินทะลวงระดับอีกครั้ง บรรลุถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณ
ร่างกายเขาหลอมตีกลายเป็นกายศึกยอดพิสุทธิ์ ครองวิชาต่อสู้ ‘หัตถ์ผลาญนภายอดพิสุทธิ์’
และหลังจากนั้นสิบวัน
การฝึกหลอมกายของหลินสวินก็ทะลวงระดับอีกครั้ง บรรลุถึงระดับหยั่งสัจจะ
ร่างกายเขาเคี่ยวกรำเป็นกายศึกวิญญาณพิสุทธิ์ ครองวิชาต่อสู้ ‘แปดภาคีวิญญาณพิสุทธิ์’
…ได้เห็นการเลื่อนขั้นแต่ละครั้งนี้กับตา ไม่ว่าจะเป็นอาหลู่ที่มีระดับความรู้อันลึกซึ้งบนวิถีหลอมกาย หรือนกทมิฬและเจ้าคางคกต่างก็ทำท่าราวกับเห็นผี
ถึงขั้นเริ่มเป็นห่วงว่าความเร็วในการเลื่อนขั้นที่รุดหน้าเช่นนี้ จะทำให้รากฐานบนวิถีหลอมกายของหลินสวินไม่มั่นคงหรือไม่
ถึงอย่างไรถ้าทำเลยเถิดก็ไม่เหมาะควร การเลื่อนระดับเร็วเกินไป หากรากฐานไม่มั่นคงก็เหมือนสร้างวิมานในอากาศ พังทลายได้โดยง่าย!
“พี่ใหญ่ รีบหยุดเร็วเข้า!”
ในที่สุดอาหลู่ก็อดกล่าวเตือนหลินสวินไม่ได้ เผยความกังวลของตนออกมา
หลินสวินชะงักไปค่อยกล่าว “มิสู้พวกเรามาต่อสู้แลกเปลี่ยนความรู้กันสักรอบ ใช้การกระทำมายืนยันพิสูจน์เป็นอย่างไร”
“ก็ดี”
อาหลู่รับคำ เขาสูดหายใจลึก ข่มปราณและพลังของตนลงมาสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณ จากนั้นก็ตั้งท่าเตรียมพร้อมแล้วกล่าว “พี่ใหญ่ เจ้าต้องระวังตัวแล้ว”
บนวิถีหลอมกายเขามีความเชื่อมั่นและพลังหาใดเปรียบ ถึงขั้นแอบกล่าวเตือนตัวเองว่าต้องเก็บงำพลังไว้บางส่วน ไม่อาจทำให้พี่ใหญ่แพ้จนไม่น่าดูเกินไป ถ้าอีกฝ่ายพาลโกรธขึ้นมา ถึงตอนท้ายคนที่จะโดนลงโทษคงได้เป็นตนแน่…
“อาหลู่ อัดเขาเลย ซัดเขาให้คว่ำ แล้วเจ้าจะได้เป็นลูกพี่!”
“หึๆๆๆ ข้ากลับอยากลองดูว่าหลินสวินจะถูกอัดจนกลายเป็นอย่างไร”
เจ้าคางคกและนกทมิฬกลัวฟ้าดินไม่วุ่นวายพอ มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
ไม่นานการต่อสู้ก็ปะทุขึ้น หลินสวินใช้พลังหลอมกายระดับมหาสมุทรวิญญาณลงมือเช่นกัน
เห็นแค่ร่างกายเขามีแสงสว่างดุจภาพมายาชั้นหนึ่งแผ่ออกมาราวหล่อจากเนื้อหยก เลือดลมภายในร่างพลุ่งพล่านดังฟ้าคำรามครั่นครืนไม่หยุด
ตูม!
ประทับฝ่ามือหนึ่งควบรวมกัน แวววาวเปล่งประกาย สาดแสงราวหินหยกหลากสีกลางอากาศ ส่งเสียงวายุอสนีบาตดังกระหึ่ม
หัตถ์ผลาญนภายอดพิสุทธิ์!
“เริ่มได้ดี!”
อาหลู่ตะโกนลั่น อานุภาพดั่งหมื่นลักษณ์ ห้อทะยานขึ้นไปรับ เลือดลมพวยพุ่งจากร่างกำยำดุจภูผาของเขาประหนึ่งควันไฟ
ทั้งสองปะทะกัน ห้วงอากาศแถบนั้นสั่นสะเทือนไปพักหนึ่ง
ตึงๆๆ!
ภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตะลึงของเจ้าคางคกและนกทมิฬ ในการโจมตีนี้อาหลู่ไม่ได้เปรียบแม้แต่น้อย กลับถอยหลังไปหลายก้าวเหมือนกับหลินสวิน
“นี่…”
อาหลู่ก็ตกตะลึงเช่นกัน จากนั้นก็สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งกล่าว “มาอีก!”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ จิตต่อสู้ในนัยน์ตาฮึกเหิม พุ่งทะยานขึ้นไป
ตู้ม!
เพียงพริบตาในห้วงอากาศนั้นก็เหมือนมีภูเขาใหญ่สองลูกปะทะกัน อานุภาพน่าตระหนก
เมื่อมองดูอย่างละเอียดร่างของหลินสวินส่องประกาย ยามผิวหนังขยายออกจะราวกับทำจากหินหยกหลากสีที่เจิดจรัส แผ่พลังเลือดลมชวนประหวั่นออกมา
ส่วนร่างของอาหลู่กลับประหนึ่งเหล็กเทพร้อยหลอม ส่งเสียงอึงอลกึกก้อง ดุดันดั่งหมื่นลักษณ์มาเยือน กล่าวถึงอานุภาพต่างมีจุดเด่นของตัวเอง
สิ่งที่ทำให้เจ้าคางคกและนกทมิฬรับไม่ได้ที่สุดคือ ต่อสู้มาถึงตอนนี้ อาหลู่ผู้คร่ำหวอดในวิถีหลอมกายคนนี้กลับไม่ได้เปรียบแม้แต่น้อย
“อาหลู่ เจ้าห่วงว่าพี่ใหญ่จะคิดบัญชีทีหลังรึ รีบใช้พลังที่แท้จริงของเจ้าเร็วเข้า!”
เจ้าคางคกไม่พอใจยิ่ง คิดว่าอาหลู่จงใจยั้งมือแล้ว
“เป็นลูกผู้ชายก็ใช้พลังที่ตนถนัดที่สุดตอกกลับหลินสวินให้คว่ำซิ!”
นกทมิฬก็ตะโกนโหวกเหวก
สีหน้าอาหลู่พลันปรวนแปรไม่หยุด คับข้องใจหาใดเปรียบ ตอนแรกเขายั้งมือจริงๆ ด้วยห่วงว่าจะซัดหลินสวินจนน่าอักอ่วนเกินไป
แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ยั้งมือแม้แต่น้อย โคจรพลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณถึงขีดสุดแล้ว!
ตูม!
หลินสวินยิ่งสู้ยิ่งสะใจ วิธีต่อสู้ของผู้หลอมกายนั้นเรียบง่ายตรงไปตรงมา ทั้งยังเผด็จการหาใดเปรียบ ใช้พลังกำราบทุกชั้นเชิง
ไม่ว่าเจ้าจะมีวิชาอัศจรรย์นับพันมีเวทนับหมื่น ข้าก็สามารถถล่มมันในคราเดียว!
เมื่อสู้ต่อก็ยิ่งทำให้หลินสวินเริ่มชอบความรู้สึกนี้
“ไม่สู้แล้ว!”
อาหลู่กระโดดออกจากการต่อสู้ทันใด กระหืดกระหอบในใจห่อเหี่ยว
บนวิถีหลอมกาย ถึงกับยืดเยื้อกำราบมือใหม่อย่างหลินสวินไม่ได้เสียที นี่ทำให้อาหลู่รู้สึกเหมือนโดนจู่โจมหนัก
“เจ้าคงไม่ได้จงใจต่อให้กระมัง” เจ้าคางคกและนกทมิฬเคลือบแคลงสงสัย
อาหลู่กล่าวไม่สบอารมณ์ “พวกเจ้าจะไปรู้อะไร! หรือตอนนี้ยังดูไม่ออกว่าพี่ใหญ่เป็นอัจฉริยะหลอมกายที่เหนือกว่าหนึ่งในหมื่น นับแต่โบราณมายากจะได้เห็นแล้ว”
เจ้าคางคกและนกทมิฬถ่มน้ำลายใส่อย่างพร้อมเพรียง หน้าด้านเกินไปแล้ว เจ้าคนเถื่อนนี่เพื่อเอาใจหลินสวิน ไม่เพียงเก็บซ่อนพลังยังฉวยโอกาสประจบสอพลอด้วย
หน้าผากอาหลู่พลันมืดทะมึน หมดคำพูดอย่างสมบูรณ์ สาบานต่อฟ้าเลยว่าความในใจทุกประโยคที่เขาพูดไม่โป้ปดแม้แต่น้อย!
เมื่อประมือกับหลินสวินเข้าจริงๆ เขาก็สรุปได้ชัดว่าความเร็วในการเลื่อนขั้นไม่ส่งผลต่อรากฐานหลอมกายของหลินสวินเลย
ถึงขั้นที่กล่าวถึงความแข็งแกร่งของรากฐานหลอมกาย เทียบกับตนที่อยู่ระดับเดียวกันในปีนั้นแล้วก็ไม่ด้อยไปกว่ากันแม้แต่น้อย!
หากนี่ไม่ใช่อัจฉริยะหลอมกายแล้วจะเป็นอะไรได้อีก
น่าเสียดาย เจ้าคางคกและนกทมิฬล้วนไม่เชื่อ ในที่สุดนี่ก็ทำให้อาหลู่เข้าใจประโยคหนึ่ง แมลงฤดูร้อนไม่อาจพูดถึงน้ำแข็ง!
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์