“คารวะผู้อาวุโส”
หลินสวินโค้งคำนับ
ร่างสูงโปร่งนั้นราวภาพมายา แผ่กลิ่นอายเร้นลับพร่ามัว เป็นยอดหญิงคนนั้นที่เคยใช้วิธี ‘แปลงอริยะเป็นเดรัจฉาน’ สั่นสะเทือนดินแดนรกร้างโบราณ
“อมตะเคราะห์ด่านเจ็ด ไม่เลวนัก เพียงแต่เจ้ามาคราวนี้ช่างไม่ถูกจังหวะเสียเลย ในแดนมกุฎประตูบานนี้ไม่สามารถเปิดได้”
น้ำเสียงหญิงสาวคลุมเครือ นางนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ประตูสวรรค์ ดูเหมือนตัวเล็กจ้อยหาใดเปรียบ แต่กลับทำให้ผู้คนไม่อาจมองข้ามการมีอยู่ของนาง
หลินสวินชะงัก จากนั้นก็กล่าวว่า “ผู้น้อยมาคราวนี้ไม่ได้มาเพื่อเสาะหาวาสนา หากแต่มีเรื่องต้องการให้ผู้อาวุโสชี้แนะ”
“เรื่องใดหรือ”
“เกี่ยวกับเคราะห์มรรคตัดขาดขอรับ”
เมื่อได้ยินคำนี้หญิงสาวก็เข้าใจทันที นางมองหลินสวินคราหนึ่งอย่างอดไม่อยู่แล้วกล่าวว่า “ดูท่าเจ้าคงคิดเสาะหาวิถีหลอมกายแล้ว”
หลินสวินพยักหน้า
เรื่องเกี่ยวข้องกับมรรคาแห่งตน ยามเผชิญหน้า ‘เคราะห์มรรคตัดขาด’ ด่านเคราะห์ที่ราวกับสิ่งต้องห้ามนี้เขาไม่อาจไม่รอบคอบ
“ข้าไม่อาจชี้แนะอะไรเจ้า แต่สามารถเล่าความเป็นมาของเคราะห์มรรคตัดขาดแก่เจ้าได้”
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ช่วงต้นบรรพกาลทั้งเก้าดินแดนต่างมีวิธีฝึกปราณของขอบเขตมกุฎ สมัยนั้นถูกเรียกว่า ‘ยุคดึกดำบรรพ์’ ”
“สมัยดึกดำบรรพ์ มีเพียงดินแดนรกร้างโบราณที่เคยเกิดเภทภัยประหลาดหาใดเปรียบ หลังจากเภทภัยนั้นดินแดนรกร้างโบราณก็สูญเสียบ่อเกิดแรกกำเนิด ทำให้กฎระเบียบฟ้าดินพร่องไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อจำนวนมหามรรคบกพร่อง ขอบเขตมกุฎก็ไม่เคยปรากฏขึ้นอีก”
“นี่ก็คือสาเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใดในกาลเวลาไร้สิ้นสุดตั้งแต่สมัยบรรพกาลจนปัจจุบันถึงไม่เคยมีมกุฎบุคคลปรากฏ”
“และหลังจากยุคดึกดำบรรพ์ ในดินแดนรกร้างโบราณก็ปรากฏด่านเคราะห์ต้องห้ามสามอย่างขึ้น”
“อย่างแรกคือ ‘เคราะห์พิฆาตมรรค’ ที่เพ่งเล็งระดับอริยะ ตั้งแต่นั้นมาอริยะที่ปรารถนาเลื่อนระดับสู่ระดับจักรพรรดิก็ไม่อาจทำได้อีก”
“อย่างที่สองคือ ‘เคราะห์กักขัง’ ที่มีเป้าหมายเป็นสิ่งมีชีวิตทั่วดินแดนรกร้างโบราณ และตั้งแต่นั้นมาดินแดนรกร้างโบราณก็ราวกับกรงขัง กักผู้แข็งแกร่งทุกคนไม่ให้ไปเสาะหาหนทางสู่โลกภายนอก”
“อย่างที่สามคือ ‘เคราะห์ตัดขาด’ ที่มุ่งเป้าไปยังมรรคาสามสายอย่างการหลอมกาย หลอมจิตและหลอมปราณ ตั้งแต่นั้นมาผู้แข็งแกร่งที่คิดฝึกมรรคาสามสายนี้พร้อมกันจะถูกลบหายไปจากโลกก่อนได้บรรลุอริยะ”
หลินสวินใจกระตุกวูบ
เขาเพิ่งเคยได้ยินเรื่องลึกลับที่สะเทือนใต้หล้าเช่นนี้เป็นครั้งแรก!
หลังจากยุคดึกดำบรรพ์บ่อเกิดแรกกำเนิดสาบสูญ ระเบียบฟ้าดินบกพร่อง กระทั่งมกุฎไม่คงอยู่ มหาเคราะห์ต้องห้ามทั้งสามเข้ามาแทน!
“มีแค่ดินแดนรกร้างโบราณที่เป็นเช่นนี้หรือขอรับ”
หลินสวินมุ่นคิ้วถาม
หญิงสาวพยักหน้า “นี่ก็คือสาเหตุที่ดินแดนรกร้างโบราณถูกแปดดินแดนอื่นมองเป็น ‘แผ่นดินขยะ’ และ ‘แดนที่ถูกทอดทิ้ง’ มีด่านเคราะห์ต้องห้ามทั้งสามอยู่ ดินแดนรกร้างโบราณนี่… ก็ไม่ต่างอะไรกับแดนไร้ประโยชน์ที่ถูกจองจำอยู่ในคุก”
หลินสวินอารมณ์ไหวหวั่นโหมซัด ใช้สามด่านเคราะห์ต้องห้ามเป็นเรือนจำ ครอบคลุมอยู่เหนือดินแดนรกร้างโบราณ นี่เป็นฝีมือของใครกันแน่
“กล่าวกันถึงที่สุดแล้วสามด่านเคราะห์ต้องห้ามดูเหมือนมีโจมตีในจุดที่ต่างกัน ความจริงครั้งหนึ่งข้าเคยต้านพลังพิฆาตมรรคมาเนิ่นนาน ชี้ชัดได้นานแล้วว่าเบื้องหลังมหายุคครานี้ พลังของสามด่านเคราะห์ต้องห้ามจะอ่อนกำลังถึงที่สุด”
น้ำเสียงของหญิงสาวดุจห้วงมายาและราบเรียบ กล่าวชี้แนะหลินสวิน “หากเจ้าต้องการหลอมกายจริง ก่อนมหายุคนี้จะปิดฉากบางทีอาจเป็นโอกาสหนึ่ง”
หลินสวินชะงัก จากนั้นก็พลันรู้แจ้ง
หลังยุคดึกดำบรรพ์ ด้วยการมีอยู่ของสามด่านเคราะห์ต้องห้ามทำให้โลกไร้ขอบเขตมกุฎอีกครั้ง และทำให้ดินแดนรกร้างโบราณเสมือนกรงขัง
หากเขาต้องการหลอมกายพร้อมฝึกมรรคาสามสาย บางทีอาจจะมี ‘ปาฏิหาริย์’ ที่คล้ายกันเกิดขึ้น
“นี่คือโอกาสเพียงหนึ่งเดียว หลังจากนี้อาจไม่มีอีกแล้ว…”
หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง และไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมาได้ถึงรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก
…
เมื่อหลินสวินก้าวออกมาจากห้องโถงมรรคาสวรรค์ ในใจก็เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
หลอมกาย!
มรรคาของเขาเดิมทีก็ไม่เคยมีมาก่อน ด่านเคราะห์ทบหลายชั้น ตอนนี้มหายุคมาเยือนพอดี โอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้เขาย่อมไม่อยากพลาด
ริมหน้าผา สนเขียวหยั่งรากลึก หมอกเมฆพวยพุ่ง ไอวิญญาณปกคลุม
หลินสวินนั่งขัดสมาธิ สีหน้าราบเรียบ
ในหัว ‘เคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์’ ส่องประกาย ทุกตัวอักษรราวอัดแน่นด้วยมรรค นัยเร้นลับลึกซึ้งและอัศจรรย์แผ่กระจาย
วิชานี้มีทั้งหมดหนึ่งพันแปดร้อยอักษร ทุกตัวอักษรต่างมีความลับไร้สิ้นสุดซ่อนอยู่ หากไม่เข้าใจวิชานี้ ต่อให้หยั่งรู้ก็ไม่อาจหยั่งถึงความเป็นมาของมันได้
ก่อนหน้านี้หลินสวินก็ติดอยู่ที่นี่
แต่หลังฝึกวิชาตามที่หยวนฝ่าเทียนบอกก็เหมือนได้กุญแจดอกหนึ่ง ทำให้หลินสวินมีโอกาสไขปริศนาที่ซ่อนอยู่ได้!
วู้ม…
เมื่อหลินสวินตั้งสมาธิหยั่งรู้ คลื่นแปลกประหลาดหนึ่งแผ่กระจายออกมา ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัวราวกับมีเงาร่างเทพเก้าองค์ปรากฏ
บ้างเก็บดาวคว้าจันทร์ คำรามก้องกลางภูผาธารา ทุกลมหายใจพาให้สรรพสิ่งในจักรวาลสั่นสะเทือน
บ้างพุ่งไปเหนือเก้าชั้นฟ้า กินหมอกดื่มน้ำค้าง ดึงแกนสวรรค์ไอชั่วร้ายมาหลอมกาย
บ้างก็จำศีลอยู่ก้นมหาสมุทร ยืนตระหง่านไม่ไหวติง การขับเคลื่อนพลังทั่วร่างนิ่งสงบดุจหินผา กาลเวลานิรันดร์บุกโจมตีก็ไม่อาจทำให้สั่นคลอน
บ้าง…
แต่ในใจหลินสวินกลับมีเสียงศักดิ์สิทธิ์แผ่กว้างมากมายสะท้อนขึ้น อธิบายถึงแก่นอัศจรรย์ของการฝึกราวกำลังแสดงธรรม
จากนั้นหลินสวินก็หยั่งรู้แล้ว
เล่าลือกันว่าเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์เป็นสิ่งที่ ‘มหาอริยะนภามัว’ บรรพชนของเผ่าวานรจมูกเชิดได้มาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ความเป็นมาของมันลึกลับยิ่งกว่าข่าวลือบนโลกนัก!
วิชานี้แบ่งเป็นต้นพิสุทธิ์ หยกพิสุทธิ์ ยอดพิสุทธิ์ วิญญาณพิสุทธิ์ แรกพิสุทธิ์ มายาพิสุทธิ์ เลิศพิสุทธิ์ สมบัติพิสุทธิ์ บรรลุพิสุทธิ์รวมเก้าระดับใหญ่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์