ศิลาโบราณหมื่นลักษณ์
ในแดนลับฝึกปราณที่สร้างจากภาพยุทธ์หลอมกายหมื่นลักษณ์ที่สามสิบหก
ตูม!
เสียงราวฟ้าผ่าดังกระหึ่ม ทั้งประหนึ่งเสียงคำรามของทวยเทพเหนือสวรรค์ เต็มไปด้วยกลิ่นอายทรงพลังสะเทือนใจคน
ทุกเสียงล้วนดังมาจากร่างหลินสวิน!
ตอนนี้เขานั่งขัดสมาธิ เลือดลมทั่วร่างพลุ่งพล่านส่งเสียงกัมปนาทดุจเตาหลอม บนผิวนั้นราวถูกหล่อจากทองเทพหยกเซียน เจิดจรัสงามแปลกตา ลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นปรากฏ
ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัว ราวกับมีมายาเทพมากมายนั่งบัญชาอยู่ภายใน ส่งเสียงธรรมแผ่กว้างก้องฟ้าดิน
แม้ยามหลินสวินหายใจก็ดุจลมอสนีบาตปั่นป่วน เนิบช้า พร่ามัว เรียบง่ายทรงพลัง
ตั้งแต่เริ่มใช้ศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ฝึกตนถึงตอนนี้ หลินสวินทยอยได้รับการเคี่ยวกรำและบททดสอบด่านแล้วด่านเล่า
การหยั่งรู้และประโยชน์ที่ได้รับบนวิถีหลอมกายก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่หยั่งถึงเหล่านี้บ้างมาจากการเปลี่ยนแปลงของพลังกาย บ้างก็มาจากประสบการณ์และใจความที่จักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพเหลือไว้
บัดนี้ต่างมารวมกันที่ร่างหลินสวิน ทำให้วันนี้เขาทะลวงปราณหลอมกายถึงระดับราชันในคราเดียว!
ทั้งยังก้าวเข้าสู่มกุฎ!
กายหยาบบรรลุราชัน หลอมกายถึงขอบเขตมกุฎ เวลาสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ครองระดับความรู้อันลึกซึ้งเช่นนี้บนวิถีหลอมกาย ช่างเรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า
หากแพร่ออกไปต้องนำมาซึ่งความปั่นป่วนในใต้หล้าแน่นอน
แต่สำหรับหลินสวินกลับดูเป็นขั้นเป็นตอน
เพราะตั้งแต่เริ่มหลอมกายถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยเจอสิ่งกีดขวางและอุปสรรคอะไรเลย ตลอดทางมีจิตใจห้าวหาญที่เหลือบแลใต้หล้า รุดหน้าอย่างรวดเร็ว!
ทุกอย่างนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปูพื้นฐานที่มั่นคงยามเขาฝึกปราณก่อนหน้านี้ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคี่ยวกรำและทดสอบในศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ด้วย
ถึงอย่างไรศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่จักรพรรดิสงครามรุ่นหนึ่งเหลือไว้ เรียกได้ว่าเป็นศุภโชคพลิกฟ้า ขุมสมบัติของการหลอมกาย น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
แต่ที่สำคัญกว่าคือชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดในร่างหลินสวิน ระหว่างที่เขาเลื่อนขั้นบรรลุราชันได้สร้างประโยชน์ที่ไม่มีสิ่งใดแทนที่ได้!
หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ยามฝึกในแดนลับที่สร้างจากศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดแทบจะแผ่คลื่นประหลาดออกมาตลอดเวลา ราวกับตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์
นี่ทำให้ปัญหาทุกอย่างที่หลินสวินเจอยามหลอมกายคลี่คลายอย่างง่ายดาย ไม่ถูกขวางและหยุดชะงักแม้แต่น้อย การเลื่อนขั้นก็รุดหน้าอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะตอนนี้ ปราณหลอมกายของเขาเพิ่งเลื่อนระดับกลายเป็นราชัน พลังกายทั้งมวลเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ความรู้สึกนั้นเหมือนคืนชีพเกิดใหม่ ราวกับหนอนที่กลายเป็นผีเสื้อ!
แต่สิ่งที่ตามมาคือขณะที่พลังกายแปรสภาพ ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้หลินสวินคาดไม่ถึง
แสงเจิดจ้าหาใดเปรียบมากมายเริ่มแผ่ออกมาจากชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัวยังมีเสียงธรรมเร้นลับยากหยั่งถึงสั่นสะเทือนและดังขึ้น
เมื่อดูอย่างละเอียด ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่ขาวกระจ่างราวกับหยกเส้นนั้นเหมือนดวงตะวันโชติช่วงดวงหนึ่ง เปล่งแสงอย่างไม่เคยมีมาก่อน ศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายถึงที่สุด
ภายใต้แรงกระตุ้นที่น่าตกตะลึงนี้ หลินสวินรู้สึกแค่ตรงหัวใจราวกับมีเตาหลอมไร้เทียมทานหนึ่งลุกโหมพลุ่งพล่าน พลังประหลาดที่น่ากลัวหาใดเปรียบทำเอาผิวหนัง กล้ามเนื้อกระดูก เยื่อผิว จุดชีพจร อวัยวะตันห้ากลวงหกของเขา…
เหมือนถูกพลังอันน่ากลัวอัดแน่นราวเขาถล่มสมุทรคำรามในชั่วขณะเดียว แทบจะระเบิดออก!
ตามมาด้วยความเจ็บปวดสาหัสยากจะเอ่ย ทำให้ผิวของหลินสวินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ใบหน้าที่เดิมหล่อเหลาสุภาพเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมบิดเบี้ยว
เจ็บ!
เจ็บเกินไปแล้ว!
หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่าขณะหลอมกายบรรลุราชัน การเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงที่ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดสร้างขึ้นจะบ้าระห่ำและน่ากลัวเช่นนี้
ถึงขั้นที่ว่าเขาไม่ทันตั้งตัว รับมือไม่ทัน!
“อ๊าก…!”
ในที่สุดหลินสวินก็ทนไม่ไหว แหงนมองฟ้าคำรามออกมา
ตูม!
มองจากไกลๆ ก็เห็นทั้งตัวเขาถูกแสงเจิดจ้าลุกโหมปกคลุม แสงพวกนั้นคืบคลานไม่หยุด แผ่กระจายอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นภาพคล้ายหุบเหวหนึ่ง
ร่างดั่งหุบเหว ลุกโชนไม่สิ้นสุด!
พริบตานั้นแดบลับแห่งนี้สั่นสะเทือนรุนแรง ฟ้าดินยังถูกกลืนเข้าไปในเหวส่องประกายลุกโชนนั่น!
เคราะห์ดีที่สถานที่นี้เป็นแดนลับซึ่งศิลาโบราณหมื่นลักษณ์สร้างขึ้น หากเกิดขึ้นยังโลกภายนอก แค่การเคลื่อนไหวนี้คงพอที่จะดึงดูดความสนใจจากทั่วทิศ
กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดจึงหายไปราวกระแสน้ำ
ยามทุกอย่างฟื้นคืนความสงบก็เห็นหลินสวินนอนอยู่กับพื้น หน้าซีดเผือด หว่างคิ้วเผยความอ่อนเพลียที่ยากปกปิด
ทั้งตัวเหมือนเพิ่งขึ้นจากน้ำ ถูกหยาดเหงื่อไหลซึมจนชุ่ม
ทว่านัยน์ตาดำล้ำลึกดุจหุบเหวนั้นของหลินสวิน เวลานี้กลับเปลี่ยนเป็นวาววาบหาใดเปรียบ เจือความยินดีที่มาจากใจ
ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์!
และหลินสวินก็ได้กุมอภินิหารพรสวรรค์แรกที่เป็นของตัวเองแล้ว!
ฮู่ว…
ครู่ใหญ่หลินสวินสูดหายใจลึก หยัดร่างขึ้น ก้าวออกจากแดนลับฝึกปราณที่ศิลาโบราณหมื่นลักษณ์สร้างขึ้น
เขาปิดด่านมาหลายวัน ยามนี้ได้หลอมกายจนบรรลุถึงขอบเขตมกุฎระดับราชัน ได้กายศึกมายาพิสุทธิ์และครองวิชาต่อสู้หลอมกายที่คู่กันอย่าง ‘ประทับปราบมายาพิสุทธิ์’ แล้ว!
“พี่ใหญ่!”
“ในที่สุดพี่หลินก็ออกด่านแล้ว!”
เมื่อเห็นเงาร่างของหลินสวินก้าวออกมาจากสถานที่ปิดด่าน ไม่ว่าจะเป็นพวกเจ้าคางคก หรือเหล่าสหายอย่างจี้ซิงเหยาต่างดวงตาเป็นประกายราวยกภูเขาออกจากอก
ตอนนี้เหลือเวลาแค่สามวันจะถึงวันนัดประลองกับอวิ๋นชิ่งไป๋
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์