ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหันมามอง
ก็เห็นเงาร่างส่องประกายสายหนึ่งโฉบขึ้นไปบนอากาศ แสงมรรคไหลวนไปทั้งตัว กลายเป็นลักษณ์หุบเหวส่องสะท้อนปวงสวรรค์
เป็นหลินสวิน
เขาถึงขั้นไม่เป็นอะไรเลย ทั้งอานุภาพยังเจิดจรัสยิ่งกว่าเดิม
ตูม!
เขาก้าวไปข้างหน้า ห้วงอากาศแตกระเบิดออกจากกันไปทั่วทิศเหมือนใยแมงมุม แต่ร่างของเขากลับพุ่งทะลวงนภาดั่งพญามังกรท่องเหินอากาศ
ก่อนซัดหมัดออกไป
“ฮึ!”
เกือบจะเวลาเดียวกัน ร่างของอวิ๋นชิ่งไป๋ปรากฏตัวอยู่ใต้เวิ้งฟ้า อาภรณ์ขาวโบกสะบัด ผมดำแผ่สยาย ใบหน้านิ่งสงบ
มีเพียงมือเขาที่พลันกระชับแน่น ปราณกระบี่สายหนึ่งเปลี่ยนเป็นวังวนกระบี่กลมเกลี้ยง คำรามก้องออกไป
ตู้ม! ครืน!
ที่นั่นการต่อสู้ดุเดือดปะทุขึ้น สุริยันจันทราหม่นแสง ฟ้าดินพลิกตลบ ปราณกระบี่และแสงหมัดเจิดจ้าสาดส่องไปทั่วราวกับแสงที่เปล่งประกายที่สุดบนโลก
ท่ามกลางความเลือนรางพร่ามัว ยังมีเสียงธรรมเป็นระลอกดังกระหึ่มทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ทั่วทั้งลานต่างตกอยู่ในความสั่นสะเทือน คนไม่น้อยสีหน้าตื่นตระหนก
บนเวิ้งฟ้านั่นไหนเลยจะเป็นการห้ำหั่นของคนสองคน เป็นการปะทะของเทพกระบี่ไร้เทียมทานและเทพมารเหนือพิภพคนหนึ่งชัดๆ ราวกับศึกเทพมารสมัยโบราณกำลังเปิดฉาก!
น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
แม้แต่บุคคลร้ายกาจรุ่นเดียวกันที่อยู่ในระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดก็เผยสีหน้าตระหนกอย่างอดไม่ได้ จิตใจสะท้านไหวเล็กน้อย
ถามใจตัวเองดูแล้ว ต่อให้อยู่ระดับเดียวกับหลินสวินและอวิ๋นชิ่งไป๋ แต่หากพูดถึงพลังต่อสู้กลับไม่อาจยกขึ้นมาเทียบสองคนนี้ได้เลย!
ด้านเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคอย่างองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ เย่หมัวเฮอ หวังเสวียนอวี๋ หมีเหิงเจิน แม้จะไม่กล่าวอะไร แต่เมื่อเห็นการประลองแห่งยุคนี้กับตาตนเอง กลับทำให้จิตต่อสู้ในใจของพวกเขาถูกกระตุ้นขึ้นมาด้วย
การต่อสู้เช่นนี้พาให้พวกเขาใจสั่น!
สำหรับพวกที่ความสามารถด้อยลงมาหน่อย จิตใจต่างถูกทำให้หวั่นหวาด หน้าตาอึ้งงัน ไม่อาจสังเกตรายละเอียดในการต่อสู้ได้อย่างสิ้นเชิง
“ทลาย!”
บนอากาศกลิ่นอายของหลินสวินดุจเหวนรก ซัดหมัดหนึ่งออกไปชั่วพริบตา อานุภาพยิ่งใหญ่ทรงพลังถึงขีดสุดแผ่อบอวล
วิถียุทธ์กระจ่างจิต หมัดนี้ราวกับเทพเซียนสำแดงยุทธ์ ยากจะได้พบเห็นบนโลก
ต่อให้เป็นผู้เก่งกาจที่สรรค์สร้างเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ในปีนั้น เมื่อเห็นหมัดนี้ของหลินสวินก็ต้องชื่นชมแน่!
ตูม!
สุดท้ายวังวนกระบี่ของอวิ๋นชิ่งไป๋ก็ต้านไม่อยู่ ถูกทลายออกจากกันทันที พลังหมัดที่น่ากลัวพุ่งพิฆาตตามมาเหมือนผนังกั้นน้ำขาด
ปึง!
หมัดนี้แม้จะถูกอวิ๋นชิ่งไป๋สลายได้
แต่ห้วงอากาศใต้ฝ่าเท้าเขากลับแยกออกจากกัน เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของหมัดนี้น่ากลัวเกินไป ทำให้อวิ๋นชิ่งไป๋ถูกโจมตีจนร่างเซไปพักหนึ่ง
ละแวกใกล้เคียงฟ้าดินปั่นป่วน คลื่นพลังที่ลอดออกมาเพียงบางส่วนกลับกระเทือนจนผู้แข็งแกร่งที่หลบไม่ทันส่วนหนึ่งเซถอยหลัง กระอักเลือดไม่หยุด!
“มาอีก!”
จิตต่อสู้ของหลินสวินดุจเพลิงผลาญ เลือดลมทั่วร่างโหมกระหน่ำ
เงาร่างเขาพุ่งวาบประหนึ่งหายวูบกะทันหัน กำหมัดกระหน่ำซัดมากพอจะกลืนกินภูผาธารา เผยความอาจหาญอย่างแท้จริง
ตูม!
การต่อสู้ดุเดือดยิ่งกว่าเดิมแล้ว ทั้งสองประจัญบานอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า เหินทะยานไปทั่วทิศ คลื่นลูกหลงจากการต่อสู้กระจายออกมาอย่างต่อเนื่องราวกระแสน้ำหลากที่กว้างใหญ่ไพศาล
“ถอย!”
“รีบหลบเร็ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสลายได้!”
“บ้าระห่ำเกินไปแล้ว!”
เหล่าผู้กล้าที่ชมการประลองไม่มีใครไม่ถอยแล้วถอยอีก สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ทั้งตื่นตระหนกทั้งตกตะลึง
การประลองนี้หากไม่ได้เกิดขึ้นบนเวิ้งฟ้าจะต้องก่อให้เกิดภัยพิบัติที่ไม่อาจคาดเดาแน่
พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ก็ไม่อาจไม่ยอมถอย มิฉะนั้นคงถูกม้วนกลืนเข้าไปแน่
“นี่คือการต่อสู้แห่งยุคที่แท้จริงสินะ”
ผู้คนบางส่วนมึนงง
ในระดับเดียวกันพลังต่อสู้ที่ยึดครองอาจแตกต่างกันสิ้นเชิง บ้างเป็นแค่ระดับราชันธรรมดาที่เรียกไม่ได้แม้แต่มกุฎ
บ้างก็ยืนตระหง่านเหนือยอดเขา สามารถมองเหล่าผู้กล้ารุ่นเดียวกันจากเบื้องบน
แต่อวิ๋นชิ่งไป๋และหลินสวินไม่เหมือนกัน พวกเขาต่างบรรลุขั้นสูงสุดบนยอดมกุฎแล้ว มีท่วงท่าประหนึ่งว่าไร้คู่ต่อกร มีพลังที่นับว่าสูงสุดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน แข็งแกร่งจนคาดไม่ถึง!
ปึง!
การปะทะเกิดขึ้นอีกครั้ง ร่างอวิ๋นชิ่งไป๋กระเทือนถอย ถึงกับถูกหลินสวินสั่นคลอนอีกครั้ง!
นี่ทำให้ทุกคนในที่นั้นร้องเสียงหลงทันที
ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ต่างชื่นชมอวิ๋นชิ่งไป๋ มีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเขาอย่างไม่มีสิ่งใดต้องสงสัย
แต่ตั้งแต่ต่อสู้มาอวิ๋นชิ่งไป๋ไม่เพียงแต่ไม่ได้เปรียบ ยังถูกหลินสวินซัดกลับหลายครั้ง นี่จะไม่ให้ผู้คนตกใจได้อย่างไร
“ผู้คนบนโลกต่างดูเบาความน่ากลัวของพี่ใหญ่ข้า!”
เจ้าคางคกได้ใจยิ่ง
ตั้งแต่ช่วงที่จำศีลอยู่บนเขาฝนดาวตก เขาก็สังเกตเห็นว่าใจหลินสวินมองข้ามภัยคุกคามของอวิ๋นชิ่งไป๋ไปแล้ว!
“ไม่ผิด ยามที่อวิ๋นชิ่งไป๋คิดแต่โจมตีกลับ พี่ใหญ่กลับตัดสินใจฝึกวิถีหลอมกาย นี่ก็คือความแตกต่าง!”
อาหลู่เองพยักหน้า จิตใจพลุ่งพล่าน
“พวกเจ้าสองคนอย่าเพิ่งได้ใจ การต่อสู้นี้เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น”
นกทมิฬกล่าวเตือน “ไม่เห็นรึ ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรืออวิ๋นชิ่งไป๋ก็ยังไม่เคยเผยไพ่ตายที่แท้จริง”
ไม่เพียงแต่นกทมิฬ เหล่านายเหนือหัวแห่งยุคบางส่วนก็สังเกตเห็นถึงจุดนี้
นี่ทำให้ในใจพวกเขาต่างขมขื่นอย่างบอกไม่ถูกทันที เพียงแค่พลังที่ทั้งสองคนใช้อยู่ตอนนี้ สำหรับพวกเขาแล้วถือว่ามีภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวง
ไม่รู้จริงๆ ว่าหากทั้งสองคนสู้กันสุดชีวิตจะใช้ไพ่ตายที่น่ากลัวระดับใด
“การละเล่นควรสิ้นสุดแล้ว”
ทันใดนั้นบนตัวอวิ๋นชิ่งไป๋แผ่ลักษณะพลังที่ยอมหักไม่ยอมงอ อย่างไรก็ไม่เปลี่ยนแปลงออกมา
ตูม!
กลุ่มปราณกระบี่พลันพุ่งขึ้นไปกลางอากาศเหมือนกระแสน้ำต่อเนื่องไม่ขาดสาย ปราณกระบี่นั้นแน่นหนาราวคลื่นยักษ์ ดั่งสายธารไม่สิ้นสุด
ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนประทับกลิ่นอายมหามรรคเฉพาะตัวอย่างหนึ่ง มีปัญจธาตุ หยินหยาง สลาตัน หมอกเมฆา…
วิ้งๆๆ…
เพียงพริบตากลางฟ้าดินเต็มไปด้วยเสียงใสสะท้อนของกระบี่ ปราณกระบี่แน่นหนาครอบคลุมฟ้าดินแถบนั้นจนบดบังตะวันจันทรา
“กระบี่แสนแปดพัน!”
ท่ามกลางเสียงราบเรียบ ปราณกระบี่ทั่วฟ้าส่งเสียงกัมปนาทอย่างพร้อมเพรียง เปลี่ยนเป็นวังวนมหึมาหนึ่งภายใต้การจับจ้องด้วยสายตาตื่นตะหนกของทุกคน
สร้างขึ้นจากกระบี่หนึ่งแสนแปดพันเล่ม ทึบแน่นดั่งแดนกระบี่ หมุนวนอยู่กลางอากาศ ทำให้ฟ้าดินประหนึ่งบิดเบี้ยว บริเวณใกล้เคียงล้วนถูกบดละเอียดทรุดตัวลงระเบิดกึกก้อง
เหล่าผู้กล้าตื่นตระหนกเบิกตากว้าง ในใจเย็นวาบ นี่คือพลังที่แท้จริงของอวิ๋นชิ่งไป๋รึ
‘กระบี่เดียวแปรหมื่นมรรคา ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง อวิ๋นชิ่งไป๋นี่บรรลุถึงขั้นน่าหวาดกลัวบนมรรคกระบี่อยู่ก่อนแล้ว!’
องค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่และเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคทั้งหมดในใจต่างเครียดขมึง สีหน้าจริงจังถึงที่สุด
การโจมตีนี้ราวหมื่นกระบี่พุ่งประชัน มีอานุภาพยิ่งใหญ่แหวกทะลวงนิรันดร์กาล!
ยามนี้แม้แต่หลินสวินก็นัยน์ตาหดเกร็ง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยดูเบาพลังต่อสู้ของอวิ๋นชิ่งไป๋ มองเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจมาตั้งแต่เริ่มฝึกปราณจนถึงปัจจุบัน
แต่เมื่อกระบี่นี้ซัดออกมา หลินสวินถึงได้ตระหนักว่าอวิ๋นชิ่งไป๋แข็งแกร่งกว่าที่ตนคาดเดานัก
ขณะคิดในใจเช่นนี้ การเคลื่อนไหวของหลินสวินก็ไม่ได้ช้าลงเพียงนิด
ตูม!
หมัดหนึ่งซัดออกไป เรียบง่ายไม่ซับซ้อน ไม่มีอานุภาพหมัดแม้แต่น้อย ถึงขั้นไม่มีคมประกายแม้เศษเสี้ยว แต่ทันทีที่ออกหมัดกลับทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีโดยพร้อมเพรียง
หมัดนี้มีท่วงทำนองแห่งกระจ่างจิต ไม่อาจพรรณนา บางทีอาจแข็งแกร่งถึงขั้นเรียกได้ว่า ‘มรรค’ !
ฟ้าดิน มีความงามที่ไม่อาจอธิบาย
หมื่นลักษณ์ ซ่อนอยู่ในความไร้รูป
เมื่อวิชาต่างๆ บนโลกบรรลุถึงขั้นหลุดพ้นสูงสุด จะกลับเป็นว่าไม่มีกลิ่นอายสะท้านฟ้าสะเทือนดิน หรือลักษณ์ภายนอกที่พร่างพรายละลานตา
สิ่งที่มีคือ ‘ความจริง’ เพียงอย่างเดียว
ความจริงนี้สอดคล้องกับมรรค
ผู้แข็งแกร่งมากมายเห็นแล้วหน้ามืดตามัวเคลิบเคลิ้ม หากกล่าวว่ากระบี่นี้ของอวิ๋นชิ่งไป๋เชื่อมต่อฟ้าดิน แข็งแกร่งหาใดเปรียบ เช่นนั้นหลินสวินก็เหมือนดั่งเดินตามครรลองมรรค ต่างมีความสง่างามที่สามารถสั่นสะเทือนไปชั่วกาลนาน!
ครืน!
วังวนกระบี่ที่ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบพาดขวางกลางฟ้าดิน ดูดกลืนใต้หล้า ทำให้สรรพสิ่งต่างบิดเบี้ยว
แต่เมื่อหมัดนี้ปล่อยออกไปกลับมีอานุภาพไม่อาจต้าน กดอัดทลายปราณกระบี่มากมายนั้นจนส่งเสียงปะทะอึกทึกสนั่นหู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์