คนพูดคือชายที่เย่อหยิ่งมากคนหนึ่งในชุดคลุมสีทอง สง่างามอย่างมาก นามว่าเคอเจิ้นอวิ๋น เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณคนหนึ่ง ได้รับการสืบทอดวิชาจากสำนักใหญ่มรรคดาบบรรพกาล รากฐานพลังหนาแน่นอย่างมาก
บนกระดานทองคำผู้กล้าเขาอยู่ในอันดับที่สิบหก ห่างจากซางเทียนเกอเพียงแค่อันดับเดียวเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขากำลังติดตามการต่อสู้ในสนาม ใคร่ครวญว่าอีกเดี๋ยวจะลงสนามหรือไม่ การสนทนาเมื่อครู่นี้ของหลินสวินกับจ้าวจิ่งเซวียนไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขา
เพียงแต่ตอนที่ได้ยินคำว่า ‘อริยะนำพา’ ก็พลันดึงดูดจิตใจของเขา
โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินหลินสวินคุยโวว่าจะชิงอริยะนำพามามอบให้หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ เขาพลันทนไม่ไหว บนโลกนี้ยังมีคนที่คุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ด้วยหรือ
ดังนั้นเขาจึงเยาะเย้ยเสียงเย็น
แต่พอหันไปเห็นรูปลักษณ์ของหลินสวินชัดแล้ว สีหน้าของเขาแข็งทื่อไปทันที รอยยิ้มเยาะเย้ยตรงมุมปากก็ชะงักไป เกือบจะทรุดลงไปทั้งตัว ท่าทางเหมือนเห็นผีก็ไม่ปาน พลันพูดเสียงหลง “จะ จะ เจ้า… มาได้อย่างไร”
เสียงติดๆ ขัดๆ
หลินสวินอึ้ง พูดอย่างนึกขำ “เหตุใดข้าจึงมาไม่ได้”
“แต่… เจ้า… ข้า…”
เคอเจิ้นอวิ๋นพูดจาไม่ปะติดปะต่อ อัดอั้นจนหน้าแดง ดูทุลักทุเลและย่ำแย่ ไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งเหมือนอย่างเมื่อครู่นี้อีก กลับเหมือนนักเรียนที่ทำผิด ขวนอายและอักอ่วนจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว
กระอักกระอ่วนมากจริงๆ เลย
เขาถึงกับเย้ยหยันว่าเทพมารหลินคุยโว นี่… นี่เป็นการตบหน้าตัวเองชัดๆ!
ตอนนี้การกระทำที่ผิดปกติของเคอเจิ้นอวิ๋นดึงดูดความสนใจของผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้อยู่รอบๆ เช่นกัน ต่างเคลื่อนสายตามองมา
ตอนที่เห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของเคอเจิ้นอวิ๋นต่างอดประหลาดใจไม่ได้ นี่เป็นถึงคนระดับนายเหนือหัวคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เหตุใดจึงดูเสียอาการเช่นนี้
ทว่าเมื่อเห็นหลินสวิน เหล่าผู้แข็งแกร่งอึ้งตาค้างไปทันที ล้วนสูดหายใจเย็นอย่างควบคุมไม่อยู่ เกือบคิดว่าตาฝาดไป
เทพมารหลินหรือ
เขาถึงกับปรากฏตัวในแดนยอดมรดก
สวรรค์!
นี่…
เหล่าผู้กล้าต่างตะลึง
สามวันก่อนแดนยอดมรดกปรากฏ เหล่าผู้กล้านายเหนือหัวทยอยเข้ามา ขาดเพียงบุคคลที่สะดุดตาที่สุดและสมควรจะปรากฏตัวที่นี่มากที่สุด…. หลินสวิน
ตอนนั้นยังมีหลายคนถอนหายใจ การแข่งขันในแดนยอดมรดกครั้งนี้จะต้องหมดความน่าสนใจลงแน่ เพราะเทพมารหลินไม่ได้มา
แต่ก็มีคนแอบดีใจ คิดว่าหลินสวินไม่มาดีที่สุด มิฉะนั้นจะต้องนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาลให้พวกเขาทุกคนแน่
ถึงขั้นที่หลายคนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น คิดว่าหลินสวินบาดเจ็บหนัก ไม่มีวาสนาเข้าร่วม ช่างโชคร้ายจริงๆ
แต่ตอนนี้ในวันที่สามนี้ หลินสวินปรากฏตัวแล้ว!
เมื่อได้เห็นตัวเขากับตา พลังจู่โจมเช่นนั้นใครจะนิ่งได้
ภาพที่ผิดปกติเช่นนี้ไม่นานก็ส่งผลกระทบต่อบริเวณรอบๆ ยามมองเห็นหลินสวิน เหล่าผู้แข็งแกร่งที่เดิมชมการต่อสู้อยู่ต่างเบิกตาโพลง อึ้งจนอ้าปากค้าง
และเรื่องเช่นนี้ไม่นานก็ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งสนามประลองชั้นยอด กลับทำให้การต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นในสนามไร้คนสนใจ
หลินสวินถูกสายตาของทุกคนจับจ้องก็อดลูบจมูกน้อยๆ ไม่ได้ และประหลาดใจสงสัยขึ้นมาระลอกหนึ่ง ก็แค่ตนมาไม่ใช่หรือ ต้องเป็นขนาดนี้เชียว?
“ตอนนี้ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดทุกคนจึงเรียกเจ้าว่าเทพมารหลิน”
จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ข้างๆ เห็นเช่นนี้ก็อดเผยสีหน้าประหลาดไม่ได้ นี่ ก็คืออำนาจบารมีในแดนเก้าบนของเขาในตอนนี้หรือ
“พี่ใหญ่!”
ในสนามอาหลู่ก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนอกสนามแล้ว ตอนที่เห็นหลินสวินพลันตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจ
เพียงแต่ครู่ต่อมาเขาพลันร้องอย่างโศกเศร้า “พี่ใหญ่ ถูกเจ้าแย่งความสนใจไปหมด แม่นางคนนี้ก็ยังมองเจ้า ยังเหลือตัวตนของข้าซะที่ไหน!”
ประโยคเดียวทำให้ซางเทียนเกอหน้านิ่วคิ้วขมวด พูดอย่างเดือดดาล “เจ้าโง่โตแต่ตัว เจ้าควรหุบปากเหม็นๆ ของเจ้าได้แล้ว!”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าปากข้าเหม็นหรือไม่ หรือเจ้าเคยชิม ดูไม่ออกว่าแม่นางน้อยอย่างเจ้าถึงกับเอาเปรียบข้า!”
อาหลู่ตะโกน ท่าทางประหลาดใจและน้อยอกน้อยใจอย่างมาก
ทันใดนั้นซางเทียนเกอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กัดฟันแน่น ดวงตาคู่งามมีเปลวเพลิงลุกโชน ระเบิดออกอย่างสิ้นเชิง ท่าทางเหมือนจะฉีกอาหลู่ทั้งเป็นอย่างไรอย่างนั้น
ในสนามการต่อสู้ปะทุอย่างรุนแรง ดุเดือดกว่าเมื่อครู่แล้ว
เพียงแต่มีน้อยคนมากที่สนใจ ต่างล้วนจิตใจไม่สงบเพราะการปรากฏตัวของหลินสวิน
ช่วยไม่ได้ นี่เป็นถึงคนร้ายกาจแห่งยุคที่โจมตีสังหารอวิ๋นชิ่งไป๋บนสังเวียนพิฆาตมาร และตอนนี้เขาปรากฏตัวที่สนามประลองชั้นยอดนี่แล้ว ความยิ่งใหญ่ของแรงกดดันที่สร้างขึ้น ใครจะยังสงบได้เล่า
“จบสิ้นแล้ว พอเทพมารหลินใครจะสู้ได้”
มีคนถอนหายใจ
“น้อยๆ หน่อยเถอะ คนที่จะรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจริงๆ คือพวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่นู่น อย่างเจ้าก็คู่ควรจะต่อสู้กับเทพมารหลินด้วยหรือ”
มีคนหัวเราะเยาะ
“เหลืออีกเพียงไม่กี่ชั่วยามก็จะสิ้นสุดวันที่สามแล้ว แต่เทพมารหลินดันปรากฏตัวตอนนี้ ไม่ว่าเป็นใคร ถ้าอยากชนะสิบครั้งติดก็คงต้องผ่านด่านเทพมารหลินก่อน เช่นนี้จำนวนคนที่จะได้เข้าสู่การแข่งขันรอบที่สองต้องน้อยลงไปอีกแน่”
มีคนวิเคราะห์อย่างใจเย็น ในใจก็หนักอึ้งเช่นกัน
“เฮ้อ เวลาไม่เคยคอยใคร จะทำอย่างไรได้เล่า”.ไอรีนโนเวล.
หลายคนถอนหายใจ ท่าทางโศกเศร้าเสียใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์