Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1334

ในที่นั้นเงียบสงบ สายตาที่มองหลินสวินแฝงความแปลกประหลาดชั่วขณะ ยากจะเชื่อ

เคราะห์มรรคตัดขาด!

น่ากลัวเพียงใด แต่หลินสวินกลับฝึกควบมหามรรคสามสาย เขาไม่กลัวประสบเคราะห์หรือ

บุคคลพลิกฟ้าระดับเขา ในขอบเขตมกุฎก็แทบจะไร้คู่ต่อสู้แล้ว มีอนาคตที่ทำให้ทุกคนรู้สึกไกลเกินเอื้อม

แต่หากถูกเคราะห์มรรคตัดขาดสังหาร จะโชคร้ายเพียงใด

“คนรุ่นเราฝึกปราณ ล้วนเป็นหนทางฝืนฟ้าตัดวิถี ย่อมไม่กลัวอุปสรรคใดๆ”

หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ ในที่นี้แทบไม่มีศัตรูของเขา เขาไม่ถือสาที่จะพูดถึงหลักการแสวงหามรรคที่เขารู้

“และตอนนี้มหายุคปกคลุมดินแดนรกร้างโบราณ เป็นโอกาสทองที่ยากในการลืมตาอ้าปากของคนรุ่นเรา ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนเปลี่ยนไป”

“ในเมื่อแดนมกุฎปรากฏในโลกนี้ เหตุใดเคราะห์มรรคตัดขาดนี่จะถูกทำลายไม่ได้เล่า”

“แดนมกุฎแห่งนี้เป็นดินแดนที่เมธีนับพันคนใช้เลือดเนื้อและจิตใจทั้งหมดสร้างขึ้น ทิ้งไว้ให้พวกเรา ในเมื่อพวกเราก้าวสู่ขอบเขตมกุฎแล้ว เหตุใดต้องกลัวเคราะห์และพิบัติภัย”

น้ำเสียงไม่ได้ฮึกเหิม แต่กลับมีพลังที่สงบและมั่นคงรวมอยู่ภายใน กึกก้องทรงพลัง ทำให้ผู้กล้าทั้งสนามต่างหวั่นไหวในชั่วขณะ

“พี่หลินองอาจมาก!”

ห่างออกไปองค์ชายเซ่าเฮ่าอุทานชื่นชม

ทุกคนต่างเห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง ในใจหวั่นไหว บางทีอาจจะเพราะมีจิตวิญญาณที่ไม่เกรงกลัวอันตรายทั้งปวงเช่นนี้ จึงทำให้เทพมารหลิน ผู้ฝึกปราณจากโลกชั้นล่างคนหนึ่งค่อยๆ ก้าวสู่ความสำเร็จในวันนี้ทีละก้าว

ห่างออกไป จ้าวจิ่งเซวียนยิ้มเปี่ยมเสน่ห์

ตั้งแต่แรกนางก็รู้ว่าหลินสวินเป็นคนเช่นนี้แล้ว

……

“เช่นนั้น… เจ้ากล้าใช้พลังหลอมกายดวลกับข้าสักตาหรือไม่”

ในสนามจู่ๆ หยวนฝ่าเทียนก็ยื่นข้อเสนอ “ไม่ต้องห่วง ข้าเองก็จะใช้ระดับหลอมกายเดียวกันสู้กับเจ้า รับรองว่าจะไม่เอาเปรียบเจ้า”

พูดถึงตรงนี้ระหว่างคิ้วของเขาเผยความมั่นใจออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่

ในด้านหลอมกาย เขาไม่เคยกลัวที่จะประลองกับใคร!

ได้ยินเช่นนี้กลับเป็นสีหน้าของเจ้าคางคก นกทมิฬ อาหลู่ที่แปลกประหลาดขึ้นมา สายตาที่มองไปทางหยวนฝ่าเทียนแฝงความเวทนาเสี้ยวหนึ่ง

เจ้าลิงโง่นี่ คิดจริงๆ หรือว่าในมรรคหลอมกายจะรังแกหลินสวินได้

“เหตุใดพวกเจ้าทำสีหน้าเช่นนี้” จ้าวจิ่งเซวียนฉงนใจ

เจ้าคางคกหัวเราะแฮะๆ สื่อจิตเล่าเรื่องที่อาหลู่เคยดวลกับหลินสวินด้วยมรรคหลอมกาย ผลลัพธ์กลับเป็นเอาเปรียบไม่ได้สักนิดให้จ้าวจิ่งเซวียนฟัง

ทันใดนั้นสีหน้าของจ้าวจิ่งเซวียนเองก็แฝงความแปลกประหลาดเสี้ยวหนึ่ง

‘ตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ในขอบเขตมกุฎระดับราชันของมรรคหลอมกายแล้ว อีกทั้งยังเคี่ยวกรำและทดสอบในศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ ได้รับใจความหลอมกายและประสบการณ์จากการฝึกทั้งชีวิตของจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพ หากหยวนฝ่าเทียนคนนี้คิดว่าด้วยเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์จะมีศักยภาพบดขยี้พี่ใหญ่ได้ นั่นก็ผิดมหันต์แล้ว!’

อาหลู่สกัดกั้นความตื่นเต้น สื่อจิตเอ่ยขึ้นเช่นกัน

จ้าวจิ่งเซวียนอึ้งไปแล้ว สายตาที่มองไปทางหยวนฝ่าเทียนยังแฝงความเวทนาเสี้ยวหนึ่ง เหมือนพวกเจ้าคางคกไม่มีผิด

“เจ้าแน่ใจหรือ”

ในสนามหลินสวินพูดอย่างสนใจ

“หึ วิชาหลอมกายนี้ข้าเป็นคนสอนเจ้า มีหรือข้าจะกลัวเจ้า”

หยวนฝ่าเทียนย่ามใจมาก แค่นเสียงเย็นพูด “ไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่า ดวลกับข้า ได้เปรียบมากกว่าเสียเปรียบ หากได้รับการชี้แนะสักหน่อย รับรองว่าจะทำให้เจ้าสามารถฝึกเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ได้ราบรื่นกว่าเดิม แน่นอน หากเจ้ากังวลว่าจะแพ้ก็ไม่เป็นไร”

ทั้งสนามต่างฮือฮา เพิ่งจะรู้ว่าที่แท้วิชาหลอมกายที่เทพมารหลินฝึกฝน ถึงกับมาจากมรดกชั้นสูงของเผ่าวานรจมูกเชิด

ก็ไม่แปลกที่หยวนฝ่าเทียนกล้ามั่นใจและเย่อหยิ่งเช่นนี้ เขาเป็นทายาทเผ่าวานรจมูกเชิด ย่อมมีคุณสมบัติชี้แนะหลินสวินในวิชาหลอมกายที่ถนัดที่สุด

ทว่าถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการประลองในสนามประลองชั้นยอด หากพ่ายแพ้ก็จะไร้โอกาสได้รับอริยะนำพา

เทพมารหลินจะตอบตกลงหรือไม่

ทุกสายตาล้วนมองไปที่หลินสวิน

“ฉลาดเลิศล้ำ!”

ห่างออกไป ราชันเผิงปีกทองน้อยชูนิ้วโป้งให้หยวนฝ่าเทียน

ต่อให้หลินสวินไม่ได้ใช้มรรคาหลอมกายในการประลอง สุดท้ายเอาชนะหยวนฝ่าเทียนได้ แต่อย่างน้อยภาพจำที่ทิ้งไว้ให้ทุกคนก็คือ บนมรรคหลอมกาย เขาสู้หยวนฝ่าเทียนไม่ได้!

หยวนฝ่าเทียนสีหน้าไร้อารมณ์ สองแขนกอดอก ในสายตากลับแฝงความย่ามใจเสี้ยวหนึ่ง เดิมทีเขาเป็นคนที่ถูกบีบให้เข้าสนาม

แต่ตอนนี้แม้แต่เขาเองยังชื่นชมความฉลาดของตัวเอง

“ดี ข้ากำลังอยากให้เจ้าสอนมรรคหลอมกายอยู่พอดี”

แต่เหนือความคาดหมายของเขา และเหนือความคาดหมายของทั้งสนาม หลินสวินดันตอบตกลง!

ทันใดนั้นทั้งสนามต่างตะลึง

มีเพียงพวกเจ้าคางคกที่สีหน้าแปลกพิกลกว่าเดิม พี่ใหญ่กำลังเก็บงำวางแผนร้ายชัดๆ

“ดี ดี ดี!”

หลังจากหยวนฝ่าเทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง พลันเกิดความภาคภูมิใจ เย่อหยิ่งและย่ามใจ “ไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อข้ารับปากจะชี้แนะเจ้าย่อมไม่หวงความรู้ แต่ถ้าเจ้าแพ้จะโทษข้าไม่ได้”

หลินสวินพยักหน้า “แน่นอน”

ครืน!

เพิ่งจะสิ้นเสียง รอบตัวเขาเลือดลมราวกับหินหนืดที่เดือดพล่าน พุ่งทะลวงฟ้า ผิวหนังทุกกระเบียดล้วนเปล่งประกายระยิบระยับราวกับหยกแก้ว อานุภาพน่าทึ่ง

“หลอมกายระดับมกุฎราชัน!”

ในที่นั้นฮือฮาขึ้นระลอกหนึ่ง ต่างตะลึงอย่างที่สุด ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเทพมารหลินจะมีความสำเร็จระดับสูงในด้านมรรคหลอมกาย

แม้แต่หยวนฝ่าเทียนยังอึ้งงัน ถ้าเขาจำไม่ผิด ตั้งแต่ตอนที่เขาแนะนำวิธีฝึกวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์ ห่างจากตอนนี้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์