Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1335

หลินสวินยิ่งสู้ยิ่งฮึกเหิม ทุกการฝึก ล้วนไม่สู้การต่อสู้ที่แท้จริง

ส่วนวิชาที่หยวนฝ่าเทียนฝึกก็คือเคล็ดวิชาร่างอริยะเก้าพิสุทธิ์เช่นกัน การดวลกับเขาสามารถทำให้หลินสวินเข้าใจความลึกลับของวิชาลับหลอมกายได้มากขึ้น

อีกทั้งเขาเคยเคี่ยวกรำและทดสอบในศิลาโบราณหมื่นลักษณ์ เท่ากับได้รับมรดกของจักรพรรดิสงครามลักษณ์เทพอ้อมๆ

นี่ก็หมายความว่า ในมรรคาหลอมกาย เขาคนเดียวครอบครองมรดกหลอมกายชั้นสูงถึงสองประเภท!

และเพราะชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด ทำให้ในมรรคหลอมกายเขามีความได้เปรียบที่แทบจะเหมือนมีมาแต่กำเนิด

พัฒนาการที่ก้าวกระโดดของการหลอมกาย มีความเกี่ยวโยงที่แยกจากกันไม่ได้กับการเสริมส่งของชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด

ตอนนี้หากหยวนฝ่าเทียนยังคิดว่าหลินสวินเป็นเพียงผู้หลอมกายขั้นเริ่มต้น นั่นก็ผิดมหันต์แล้ว

ในความเป็นจริง ต่อสู้มาถึงตอนนี้หยวนฝ่าเทียนสังเกตเห็นอย่างลึกซึ้งแล้วจริงๆ ว่า ข้อได้เปรียบที่เขาพึ่งพาไม่มีอยู่จริง!

ในการประลองระดับเดียวกัน หลินสวินมีรากฐานและพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าเขา อีกทั้งการหยั่งรู้วิชาต่อสู้หลอมกาย ยังเรียกได้ว่าน่าทึ่งอย่างที่สุด

‘เจ้าหมอนี่… มันตัวประหลาดชัดๆ…’

ในใจหยวนฝ่าเทียนมีความอึดอัดที่พูดไม่ออก

เขานึกถึงอวิ๋นชิ่งไป๋

ยามตอนที่อยู่บนสังเวียนพิฆาตมาร อวิ๋นชิ่งไป๋ถูกหลินสวินใช้พลังมรรคกระบี่ทำลายความเย่อหยิ่ง สร้างความกระทบกระเทือนจิตใจที่หนักหน่วงที่สุดให้

หยวนฝ่าเทียนรู้สึกว่าตนเองในตอนนี้เหมือนอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้น

และทุกครั้งที่คิดถึงคำพูดที่ตนเคยพูดไว้ก่อนต่อสู้ เขาก็รู้สึกอับอายนัก มีความรู้สึกราวกับไม่มีที่ยืนกลางฟ้าดิน

ความรู้สึกเช่นนี้ทรมานเกินไปแล้วจริงๆ

ถ้ารู้แต่แรกก็ไม่ควรตอบรับราชันเผิงปีกทองน้อย ไปดวลกับตัวประหลาดอย่างหลินสวิน!

ในใจหยวนฝ่าเทียนนึกอย่างเดือดดาล

ทันใดนั้นหลินสวินที่อยู่ในสนามประลองชั้นยอดก็หยุดมือ ถอยออกไปไกล

หยวนฝ่าเทียนอึ้งไป พลันเห็นหลินสวินยิ้มพูด “พอประมาณก็พอ หากสู้กันต่อไปเกรงว่าข้าคงต้องใช้วิธีอื่นแล้ว”

ในที่นั้นเสียงฮือฮาดังขึ้นทั้งสี่ทิศ

แต่หยวนฝ่าเทียนกลับอึ้งงัน ครู่ใหญ่ค่อยพูดอย่างซับซ้อน “บุญคุณความแค้นระหว่างเจ้ากับข้าสิ้นสุดโดยสมบูรณ์ เจ้าไม่ติดค้างอะไรข้าอีก”

พูดจบเขาพลันหมุนตัวออกจากสนามประลอง

“พี่ใหญ่ใจดีเกินไป หากเป็นข้า จะตีจนเขาถลอกปอกเปิกไปทั้งตัว”

เจ้าคางคกที่อยู่ในห่างออกไปพึมพำ

เขากับพวกอาหลู่ต่างดูออกว่าหลินสวินจงใจถอยให้ รักษาหน้าหยวนฝ่าเทียน ไม่ถึงขั้นทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ไม่ทันไรผู้ฝึกปราณหลายคนในที่นั้นก็ตอบสนอง สีหน้าซับซ้อนขึ้นมา ในหัวปรากฏคำหนึ่งโดยพร้อมเพรียงกัน

สัตว์ประหลาด

ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างคิดไปตามจิตใต้สำนึกว่า ในมรรคหลอมกาย หลินสวินคิดจะสู้กับหยวนฝ่าเทียนแทบไม่มีโอกาสชนะ

ทว่าแต่ละฉากที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับทำให้พวกเขาตะลึงจนถึงขีดสุด ในระดับหลอมกายหลินสวินอาจจะยังไม่เคยผ่านอมตะเคราะห์

แต่ในระดับนี้ก็เรียกได้ว่าน่าทึ่งอย่างที่สุดแล้ว แข็งแกร่งจนน่ากลัว!

หยวนฝ่าเทียนเป็นถึงทายาทเผ่าวานรจมูกเชิด พรสวรรค์ยอดเยี่ยม พลังกายน่ากลัวผิดปกติ ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ก็เพียงสามารถตีเสมอหลินสวินเท่านั้น

“พี่หลิน ยังมีแรงสู้หรือไม่”

ทันใดนั้นหมีเหิงเจินพูดขึ้น ดวงตาสว่างวาบ แฝงจิตต่อสู้ที่ไม่สามารถปกปิดได้เสี้ยวหนึ่ง

“เชิญ!”

หลินสวินอึ้งไป จากนั้นยิ้มพูด

ชิ้ง!

หมีเหิงเจินกระชับกระบี่ก้าวเข้าสู่สนามประลอง พร้อมพูดอย่าผ่าเผยว่า “พี่หลิน ไม่จำเป็นต้องออมมือ แต่ขอเพียงสู้กันอย่างสะใจสักสนาม”

“ดี!”

หลินสวินยิ้มน้อยๆ

ผู้กล้าในที่นั้นมองหน้ากัน นี่… เป็นศึกวงล้อ[1]แล้วนี่!

เพียงแต่ศึกวงล้อระดับนี้ที่ผ่านมาแทบไม่เคยเห็น ลองดูผู้แข็งแกร่งที่หลินสวินประลองด้วยตั้งแต่ก้าวเข้าสู่สนาม เทพธิดารั่วอู่ ราชันเผิงปีกทองน้อย หยวนฝ่าเทียน ใครบ้างที่ไม่ใช่ระดับนายเหนือหัวที่จัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของกระดานทองคำผู้กล้า

หากเป็นปกติ บุคคลระดับพวกเขาเกรงว่าคงดูหมิ่นศึกวงล้อ!

ถึงอย่างไรทอดสายตามองไปปัจจุบัน คนที่ควรค่าแก่การที่พวกเขาทำเช่นนี้ก็แทบไม่มี

แต่เห็นได้ชัดมากว่าหลินสวินที่เห็นอยู่ตอนนี้เป็นข้อยกเว้น

“นี่มันรังแกกันนี่!”

อาหลู่ที่อยู่ในห่างออกไปขมวดคิ้ว

“เจ้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หากหลินสวินแพ้จะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของเขาหรือไม่”

จ้าวจิ่งเซวียนย้อนถาม

ประโยคเดียวทำให้คิ้วของอาหลู่คลายลงทันที แม้จะแพ้ก็ไม่มีทางทำให้พี่ใหญ่เสียชื่อเสียงแน่!

ใครเล่าจะดูไม่ออกว่าศึกวงล้อนี้น่ากลัวเพียงใด

และอาหลู่ถึงขั้นคิดว่า ถ้าเกิด… พี่ใหญ่ชนะทุกสนาม กลายเป็นราชันไร้พ่ายของสนามประลองชั้นยอดล่ะ

คิดๆ แล้วก็ทำให้อาหลู่เลือดร้อนพลุ่งพล่านทั้งร่าง ตื่นเต้นขึ้นมา

ตูม!

ในสนามการต่อสู้ปะทุขึ้น

หมีเหิงเจินเป็นบุคคลระดับผู้นำในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ย่อมไร้ข้อกังขา หลายปีมานี้ในแดนเก้าบน ทำให้เขาก้าวเข้าสู่แนวหน้าในหมู่บุคคลระดับนายเหนือหัวแล้ว

จากอันดับที่แปดของกระดานทองคำผู้กล้าที่เขาอยู่ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

วิชาที่หมีเหิงเจินฝึกคือ ‘วิชาหลอมแปดสุริยันจันทรา’ สืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล บวกกับวาสนาอื่นที่เขามีในแดนเก้าบน ได้รับมรดกที่ราชันอริยะในสมัยดึกดำบรรพ์ทิ้งเอาไว้ ทำให้พลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก น่าจับตามอง

แต่เวลาหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้น หมีเหิงเจินแพ้แล้ว

พ่ายแพ้ให้กับกระบวนท่า ‘วสันต์สารทชั่วพริบตา’ ของหลินสวิน

“พลังต่อสู้ของพี่หลินถึงขั้นที่พวกข้าทำได้เพียงเลื่อมใส ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ แม้พ่ายแพ้ในมือพี่หลิน แต่กลับทำให้ข้าเกิดการหยั่งรู้ฉับพลันในการต่อสู้ ขอบคุณมาก”

หมีเหิงเจินสีหน้าจริงจัง พูดอย่างชื่นชม

“ออมมือแล้ว”

หลินสวินผงกหัวเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์