Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1336

อันที่จริงหากนับรวมพวกเจ้าคางคก อาหลู่ด้วย ยามนี้ในที่นี้มีผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติท้าดวลหลินสวินไม่ใช่แค่สามคนในตอนนี้

แต่ทุกคนต่างรู้ดี ในเวลานี้พวกเจ้าคางคกไม่มีทางเข้าร่วมประลองเป็นอันขาด ดังนั้นทุกคนต่างพากันเพิกเฉยต่อพวกเขาตั้งนานแล้ว

“ทั้งสองท่าน ใครจะมาก่อน”

เสียงหลินสวินเริ่มแหบพร่าเล็กน้อย เสื้อผ้าของเขาเปื้อนคราบเลือดเป็นริ้ว ใบหน้าขาวซีด เห็นชัดว่าเป็นธนูแกร่งหมดแรงบินไปเรียบร้อยแล้ว แต่น้ำเสียงและสีหน้ายังคงเยือกเย็นอยู่มาก

ผู้แข็งแกร่งสองคนนั้น คนหนึ่งเป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณเผ่ากางเขนวิญญาณ อีกคนเป็นนายน้อยของเผ่าเถาวัลย์ทองเพลิง ล้วนเป็นบุคคลเหี้ยมโหดในระดับนายเหนือหัวแห่งยุคกันทั้งนั้น

เพียงแต่เวลานี้ ทั้งคู่ต่างพากันละล้าละลังอย่างมาก

“ข้าก่อนแล้วกัน!”

พักหนึ่งผู้แข็งแกร่งเผ่ากางเขนวิญญาณก็สูดหายใจลึก เงาร่างพริบไหวเข้าสู่สนามประลอง

เขาคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเป็นที่สุดคนหนึ่ง นัยน์ตาแหลมคมประหนึ่งนกอินทรี ด้านหลังมีปีกเจ็ดสีสดสวยพร่างพราวงอกอยู่คู่หนึ่ง

กางเขนวิญญาณ ได้รับขนานนามว่าเป็นไก่ฟ้าทมิฬ เป็นเผ่าใหญ่สามอันดับแรกในบรรดานกปีศาจบรรพกาล ชายหนุ่มคนนี้นามว่าเวิงเจิง พลังต่อสู้ย่อมแกร่งกล้าอย่างไม่ต้องสงสัย

“เชิญ!”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เรียกดาบหักออกมา

“พี่หลิน ล่วงเกินแล้ว”

นัยน์ตาเวิงเจิงทอแววเย็นเยียบสายหนึ่ง ก่อนโถมทะยานขึ้นไป เงาร่างส่องรัศมีวาบ ปีกเจ็ดสีด้านหลังกระหน่ำยิงรุ้งวิเศษเจิดจ้าออกมาสายแล้วสายเล่า

ประหนึ่งทวนศึกร้อยพันเล่ม ส่งเสียงเคร้งคร้างแผ่ครอบลงไป

วู้ม!

ดาบหักส่งเสียงใส ประกายดาราขาวเจิดจ้าดุจดั่งมายาพวยพุ่ง กลิ่นอายดุกร้าวแผ่ครอบฟ้าคลุมดิน

ชั่วขณะนั้นทั้งคู่ต่างโหมสังหารพร้อมกันอย่างดุเดือด

เวลาหนึ่งถ้วยชาให้หลัง

ฉัวะ!

บนปีกข้างหนึ่งของเวิงเจิงถูกกรีดเฉือนจนเกิดรอยแผลชุ่มเลือดสายหนึ่ง เงาร่างซวนเซ ส่งเสียงร้องอู้อี้อย่างเจ็บปวด

“ขอบคุณพี่หลินมากที่ยั้งมือ ข้าน้อยยอมจำนน”

เวิงเจิงสีหน้าขมขื่น น้ำเสียงกลับเจือความเลื่อมใสจากจริงใจ

เขารู้ดี หากหลินสวินใช้แรงเต็มกำลังในการโจมตีครั้งนี้ ก็เพียงพอจะสังหารตนให้ตายคาที่ได้!

“ออมมือแล้ว”

หลินสวินเก็บดาบหัก เพียงแต่เพิ่งสิ้นเสียงเขาก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง หว่างคิ้วฉายแววอิดโรยที่ยากจะปกปิด

อาการบาดเจ็บของเขาก็ใช่ว่าจะร้ายแรง แต่ประเด็นสำคัญคือต่อสู้มาจนป่านนี้ทำให้พลังกายของเขาหดหายไปมหาศาล เป็นตะเกียงที่ไร้น้ำมันตั้งนานแล้ว

แต่หลินสวินไม่คิดจะยอมรับความพ่ายแพ้!

ครั้งนี้ เขาหมายจะต่อสู้อย่างสะใจ กรำศึกให้ถึงที่สุด เพื่ออริยะนำพาเท่านั้น

เนื่องจากเขาเคยรับปากจ้าวจิ่งเซวียนว่าจะนำของสิ่งนี้ไปมอบให้

ไกลออกไปจ้าวจิ่งเซวียนตั้งท่าจะพูดแล้วหยุดไป ท้ายที่สุดก็ยังกลั้นไว้อยู่

นางรู้ สู้มาจนถึงตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่หลินสวินจะเลือกยอมแพ้

หากไปห้ามปราม กลับจะทำให้เขาผิดหวังเอาได้

ก็เพราะเข้าใจ แม้ว่าภายในจะร้อนรุ่มหาใดเปรียบและหวั่นวิตกอย่างที่สุดก็ตาม แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้ส่งเสียงออกไป

“เหลือแค่สองคนแล้ว ไม่นานก็จะสิ้นสุดเสียที…”

เจ้าคางคกบ่นงึมงำในปาก เขา อาหลู่และนกทมิฬต่างตึงเครียดหาใดเปรียบ และไหวหวั่นอย่างที่สุดด้วย

เพราะความแข็งแกร่งของเจตจำนงต่อสู้ที่หลินสวินแสดงออกมา อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

ไหนเลยจะแค่พวกเขา ยามนี้ผู้แข็งแกร่งในที่นี้ไม่มีใครไม่หวั่นไหวกับเจตจำนงต่อสู้ของหลินสวิน ภายในใจมีความสะเทือนไร้รูปลุกลามแผ่ขยาย

ตัวคนเดียวถูกเหล่านายเหนือหัวแห่งยุคท้าดวลต่อสู้ติดต่อกัน สู้มาจนถึงตอนนี้โดยไม่ยอมร้องจำนน ท่าทางผงาดผยองและแน่วแน่เช่นนั้น ใครจะไม่สะทกสะท้านได้กันเล่า

“ข้ายอมแพ้”

เหนือความคาดหมายของทุกคน ผู้แข็งแกร่งเผ่าเถาวัลย์ทองเพลิงเลือกจะยอมแพ้หลังจากใคร่ครวญ “ข้าหวังเพียงพี่หลินจะสามารถยืนหยัดจนถึงที่สุด!”

หลินสวินประสานมือคารวะ ไม่ได้พูดอะไรมาก

ในที่นั้นเงียบกริบไร้สุ้มเสียง ในใจรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมาโดยธรรมชาติ

ต่อสู้จนถึงยามนี้ แม้แต่คู่ต่อสู้ยังเลือกยอมแพ้เพราะนับถือ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติกาล

ควรรู้ว่าการยอมแพ้เช่นนี้ไม่ได้หมายถึงแค่การต่อสู้ แต่ยังมีความหมายว่าจะพลาดโอกาสยื้อแย่งอริยะนำพาไปด้วย!

“พี่เซ่าเฮ่า เชิญ!”

สายตาหลินสวินมองไปทางองค์ชายเซ่าเฮ่า

ชั่วขณะนั้นสายตาทุกคู่ในที่นั้นต่างก็เคลื่อนไปยังเซ่าเฮ่าด้วยเช่นกัน

หากเอ่ยถึงบรรดาบุคคลแห่งยุคที่พราวตาที่สุดในแดนเก้าบน มีอวิ๋นชิ่งไป๋ มีหลินสวิน เช่นนั้นก็ต้องมีพื้นที่สำหรับองค์ชายเซ่าเฮ่าด้วยเช่นกัน

ความแข็งแกร่งของเขาเป็นที่ประจักษ์ต่อทุกคนมานานแล้ว จากผลงานน่าภาคภูมิอย่างการครองอันดับหนึ่งบนกระดานทองคำผู้กล้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของเขา ก็เป็นหลักฐานชั้นดีแล้ว

และยามนี้ในที่นี้ก็เหลือเขาเพียงคนเดียว ซ้ำยังอยู่ในสถานะเหนือสุดอย่างแท้จริง ขอเพียงออกสนาม ชัยชนะแทบไม่ต้องพะวงเลยสักนิด

อย่างไรเสียไม่ว่าใครก็ดูออก ว่าสภาพของหลินสวินในตอนนี้ย่ำแย่มากจริงๆ

ที่สำคัญคือจนป่านนี้อริยะนำพายังไม่เคยปรากฏ นี่ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้สิ้นสุดลง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอริยะนำพาอาจจะถูกองค์ชายเซ่าเฮาคว้าไป!

ในที่นั้นเงียบกริบ บรรยากาศบีบคั้น

เซาเฮ่านิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยถามว่า “พี่หลิน บังอาจถามสักข้อ เจ้ามุ่งหน้ามาแดนยอดมรดกครั้งนี้ ย่อมต้องเคยร่วมการทดสอบกระดานทองคำผู้กล้าอย่างแน่นอน ไม่ทราบว่าชื่อเจ้าอยู่อันดับที่เท่าไหร่”

ประโยคเดียวพาให้ผู้แข็งแกร่งทั่วลานต่างหัวใจสะท้าน สงสัยใคร่รู้ไม่สิ้น

นั่นสิ เทพมารหลินในตอนนี้ติดอันดับที่เท่าไหร่บนกระดานทองคำผู้กล้ากันแน่

หลินสวินยิ้ม “ไว้ข้าค่อยบอกเจ้าอีกทีหลังการต่อสู้”

ต่อให้จะเป็นธนูแกร่งหมดแรงบินแล้ว เขาก็ยังผ่าเผยไม่ถดถอย ไม่เกรงกลัวสิ่งใด ท่าทางพูดจาหน้ายิ้มนั้นพาให้ทุกคนต่างหันมอง

เซ่าเฮ่ากล่าวงึมงำ “หากดวลกับเจ้าในตอนนี้คงเอาเปรียบเจ้าเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย หากแพร่ออกไปก็จะถูกคนทั่วหล้าหาว่าข้าเซ่าเฮ่านอนกินผลประโยชน์ แต่หากข้ายอมแพ้เสียตอนนี้ ก็เห็นชัดว่าปลิ้นปล้อนและไร้เหตุผล”

กลุ่มคนต่างสบตากันไปมา สถานการณ์ในปัจจุบัน หากวิเคราะห์จากมุมของเซาเฮ่าก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์