บนเวิ้งฟ้า เงาร่างของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนค่อยๆ เลือนราง มลายกลายเป็นละอองแสง
ทุกคนต่างรู้ว่านี่เป็นเพียงประทับเจตจำนงสายหนึ่งเท่านั้น แต่ในใจยังคงเกิดความเคารพยำเกรงและเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
นี่ก็อาจจะเป็นบารมีของผู้เป็นจักรพรรดิ
จนกระทั่งเนิ่นนาน เหล่าผู้กล้าถึงได้สงบจิตใจจากความตกตะลึงและปิติยินดี
เพิ่งได้สติตระหนักขึ้นมาได้ตอนนี้เองว่า คราวนี้พวกเขาได้รับอริยะนำพาที่ซุกซ่อนปริศนาแห่งการบรรลุมกุฎอริยะอย่างแท้จริง!
“พี่หลิน ดูท่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินต่อไปแล้ว”
ภายในสนามประลองชั้นยอด องค์ชายเซ่าเฮ่าเอ่ยปาก สีหน้าดูแปลกไปเล็กน้อย
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างพากันทอดสายตามองมา ในใจรู้สึกทอดถอนใจไม่หายเช่นกัน การแข่งขันชิงชัยรอบที่สอง เทพมารหลินต่อสู้ชโลมเลือด สู้มาจนถึงตอนนี้เอาชนะบุคคลระดับนายเหนือหัวแห่งยุคทั้งหมด
แต่ท้ายที่สุด อริยะนำพาก็ปรากฏขึ้นจริงๆ แต่กลับถูกทุกคนในที่นั้นได้ไปครอบครองคนละส่วน เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เทพมารหลินทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ ดูเหมือน… ไม่มีความหมายใดๆ
แน่นอน ภายในใจของพวกเขายังคงเลื่อมใสหลินสวินมาก เพียงแต่เพราะว่าผลลัพธ์เช่นนี้มาเยือนแบบเหนือความคาดหมายมากเกินไป
ทันใดนนั้นหลินสวินก็กล่าวว่า “พี่เซ่าเฮ่า ข้าเองก็บังอาจถามสักข้อ เจ้าสังเกตเห็นตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นใช่หรือไม่”
เซ่าเฮ่าหัวเราะลั่น “พี่หลินสายตาแหลมคมดั่งดวงโคม ปิดเจ้าไม่อยู่จริงๆ ด้วย”
ชั่วขณะนั้นทั่วลานต่างตะลึงอึ้งค้าง ประหลาดใจกันไปหมด เซ่าเฮ่าถึงกับเดาได้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่จะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้วหรือ
“พี่หลินก็รู้ ตอนที่ข้าเก็บตัวในยุคดึกดำบรรพ์ได้ถูกบรรพบุรุษเผ่าข้าผนึกไว้ในไข่แห่งกลุ่มดาว ในตอนนั้นข้าก็ได้ทำความเข้าใจถึงความลับส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับแดนมกุฎแล้ว”
“ส่วนอริยะนำพา ข้าเองก็เคยได้ยินบรรพบุรุษเผ่าข้าบอกว่า มีผู้อาวุโสไท่เสวียนที่ถูกเรียกว่าจักรพรรดิกระบี่คนแรกแห่งยุคดึกดำบรรพ์ รวบรวมใจความการบรรลุอริยะของผู้มากความสามารถมากกว่าพันคนแล้วเก็บไว้ที่นี่ เพื่อทำให้ในวันนี้เวลานี้ พวกเราอาศัยความบากบั่นพากเพียรให้ได้มาซึ่งมรดกในนี้”
“บททดสอบในสนามประลองชั้นยอดนี้เป็นแค่ประเด็นรอง การทดสอบทางจิตใจต่างหากที่เป็นประเด็นหลัก”
“เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกที่จะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้”
เซ่าเฮ่าพูดจาฉะฉาน อธิบายต้นสายปลายเหตุอย่างหมดเปลือก
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นต่างพากันสีหน้าแปลกไป ชั่วขณะนั้นพลันสะท้านใจไม่หยุด เซ่าฮ่าคนนี้สมกับเป็นองค์ชาย รากฐานแน่นหนา ความลับที่กุมไว้มากมาย อยู่เหนือจินตนาการของผู้คน
“เพียงแต่เหตุใดสหายยุทธ์เซ่าเฮ่าถึงไม่เตือนกันหน่อย ต้องรอให้เรื่องแดงเอาป่านนี้ถึงพูดความจริงระดับนี้ออกมาหรือ”
ทันใดนั้นก็มีคนโพล่งขึ้นอย่างไม่พอใจ
คำพูดนี้เรียกให้คนมากมายเออออไปด้วย
เซ่าเฮ่าสีหน้าเปลี่ยนเป็นเมินเฉย มองคนที่พูดปราดหนึ่งก่อนกล่าว “หากข้าเตือนก่อน ทุกท่านยังยินดีเข้าสู่สนามประลอง และงัดเรี่ยวแรงทั้งหมดมาแข่งขันชิงชัยกันอยู่หรือไม่”
“ยิ่งไปกว่านั้น คนอย่างข้าเซ่าเฮ่าทำการใดเปิดเผยโปร่งใสเรื่อยมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าต้องเปิดเผยความลับที่กุมไว้ทั้งหมดต่อหน้าทุกคนกระมัง”
คนผู้นั้นเงียบกริบหมดคำพูดทันที
ก็จริง ทำไมต้องให้เซ่าเฮ่าเตือนด้วย
“ฝึกปราณเหมือนฝึกใจ ถ้าคิดแต่จะพึ่งพาคำเตือนจากผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งศุภโชคท่าเดียว เกรงว่าครั้งนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกท่านจะได้รับอริยะนำพาอย่างง่ายดายเช่นนี้”
ทันทีที่เซ่าเฮ่าเอ่ยคำพูดนี้ ทั่วลานต่างเงียบงัน
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เรื่องในวันนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะโทษเซ่าเฮ่าเลยสักนิด
กลับกัน ก็เป็นเพราะเขาไม่เตือนถึงทำให้พวกเขาเข้าต่อสู้ แข่งขันชิงชัยในมหามรรคสุดกำลัง ดังนั้นในช่วงจังหวะสุดท้ายนี้ ทุกคนต่างได้รับศุภโชคที่ไม่คาดฝันกันถ้วนหน้า!
จะว่าไป พวกเขาถึงขั้นยังต้องขอบคุณที่เซ่าเฮ่าไม่เตือนด้วยซ้ำ
เมื่อคิดสิ่งเหล่านี้กระจ่างแล้ว ในใจหลินสวินก็อดทอดถอนใจไม่ได้ นี่เท่ากับเซ่าเฮ่าได้ซื้อใจเหล่าผู้กล้าในที่นั้นอีกครั้งอย่างไร้สุ้มเสียงแล้ว
ไม่ว่าใครต่างก็ต้องยอมรับ!
สติปัญญาและวิธีการระดับนี้ เรียกได้ว่าน่าทึ่งอย่างสิ้นเชิง
‘พี่ใหญ่ เจ้าต้องระวัง เจ้าหมอนี่แผนการลึกล้ำเกินไปแล้ว ทำให้ผู้อื่นแทบเดาไม่ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ จากนี้ไปพวกเราติดต่อกับเขาให้น้อยลงไว้ดีกว่า’
เจ้าคางคกสื่อจิต เจือความหวั่นวิตกเสี้ยวหนึ่ง
หลินสวินรับฟังอย่างไม่แสดงท่าที
“พี่หลิน ตอนนี้เจ้าก็ควรเปิดเผยอันดับในกระดานทองคำผู้กล้าได้แล้วกระมัง”
เซ่าเฮ่าเอ่ยถามยิ้มๆ
“ข้ากลัวแต่ว่าพอเจ้าฟังแล้วจะไม่สุขใจเอาได้”
หลินสวินกล่าวพลางยิ้ม
เซ่าเฮ่าอึ้งไป นัยน์ตาหดรัดลงทันที จากนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มขื่น “เฮ้อ รู้แต่แรกก็ไม่ถามเจ้าหรอก หาเรื่องใส่ตัว ช่างพาให้คนหมดสนุกเหลือเกิน”
และทุกคนในที่นั้นก็พากันรู้ชัด เซ่าเฮ่าเป็นที่หนึ่งในกระดานทองคำผู้กล้า คำตอบที่สามารถทำให้เขา ‘หาเรื่องใส่ตัว’ ได้ ย่อมชัดเจนในตัวมันเองแล้ว
ที่หนึ่ง!
เทพมารหลินเข้ามาในแดนยอดมรดกด้วยอันดับที่หนึ่งในกระดานทองคำผู้กล้า ก่อนที่แดนมกุฎใกล้จะสิ้นสุดลง!
ชั่วขณะทั่วลานต่างหันสายตา เหล่าผู้กล้าสะทกสะท้าน
ที่หนึ่งนี้ ความหมายไม่ค่อยเหมือนกันนัก
ในช่วงหลายปีมานี้ที่แดนเก้าบนปรากฏ เริ่มจากอวิ๋นชิ่งไป๋ใช้ท่วงท่าไร้เทียมทานครอบครองตำแหน่งที่หนึ่งในกระดานทองคำผู้กล้ามานานหลายปี
แต่สุดท้ายบนสังเวียนพิฆาตมารมาร อวิ๋นชิ่งไปก็พ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือหลินสวิน!
และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาองค์ชายเซ่าเฮ่าก็ครอบครองตำแหน่งที่หนึ่งบนกระดานทองคำผู้กล้ามาจนบัดนี้ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ ชื่อเสียงโด่งดังทั่วแดนเก้าบน
ทว่าตอนนี้ อันดับของเขาถูกหลินสวินทำลายในคราเดียว!
เบื้องหน้ามีอวิ๋นชิ่งไป๋ เบื้องท้ายมีองค์ชายเซ่าเฮ่า คนหนึ่งย่อยยับคามือหลินสวินในการต่อสู้ อีกคนหนึ่งถึงจะไม่เคยประมือกับหลินสวิน แต่อันดับกลับถูกหลินสวินโค่นลง
อันดับที่หนึ่งเช่นนี้ จะมีความหมายทั่วไปได้อย่างไรกัน
เมื่อลองนึกถึงผลงานการต่อสู้ที่ไม่เคยแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าของหลินสวิน นึกถึง ‘ศึกวงล้อ’ ที่อลังการไร้ใดเปรียบที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
ชั่วขณะนี้ทำเอาสายตาของทุกคนที่มองไปทางหลินสวิน ล้วนเจือแววซับซ้อนที่ไม่อาจปกปิดได้
เสื้อผ้าของเขาเปื้อนเลือด สีหน้าขาวซีด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดูเหมือนอ่อนแอและเหนื่อยล้าเต็มที แต่ยามนี้ในสายตาของผู้คนกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
นี่คือบุคคลที่สามารถทำให้คนรุ่นเดียวกันใจสะท้าน ไม่อาจมองข้ามได้ เป็นเหมือนกับตำนาน นับตั้งแต่เหยียบแดนเก้าบนจนบัดนี้ยังไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้ง!
“แดนมกุฎในวันนี้ เคารพยกย่องเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์