“ใช่แล้วคุณชาย”
ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยปากอย่างเจือแววระวัง
หลายปีมานี้ถึงแม้ปราณของไฉไฉ่จะไม่ได้คืบหน้ามากนัก แต่ประสบการณ์กลับมีเหลือเฟือ
ถึงอย่างไรการที่สามารถมีชีวิตรอดในแดนมกุฎอันเหี้ยมโหดนองเลือดมาจนป่านนี้ ไม่ใช่แค่โชคช่วยสองคำนี้จะทำได้อย่างแน่นอน
นางมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าชายหนุ่มชุดดำตรงหน้านี้คือราชันผู้หนึ่ง แถมปราณยังสูงถึงที่สุด อย่างน้อยก็อยู่ระดับอมตะเคราะห์ด่านห้า!
แดนเผาเซียนในตอนนี้ อมตะเคราะห์ด่านห้าก็เรียกได้ว่าเป็นจอมราชันระดับสูงสุด ไม่มีใครกล้าล่วงเกินแล้ว
“เจ้ามีเท่าไหร่”
ชายหนุ่มชุดดำมองไฉไฉ่อย่างสนอกสนใจ
“ประมาณหนึ่งร้อยจิน”
ไฉไฉ่คำนวณคร่าวๆ และตอบกลับอย่างตั้งใจ
“นี่คือโอสถราชันสิบต้น เชื่อว่าเพียงพอจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงทั้งหมดของเจ้าได้แล้ว”
ชายหนุ่มชุดดำล้วงถุงเก็บของใบหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ไฉไฉ่
ขณะพูดสายตาเขาจับจ้องเด็กสาวเบื้องหน้า ดวงหน้าเกลี้ยงเกลางามงอน สะอาดหมดจดเสียจริง พาให้ผู้คนยิ่งมองยิ่งชอบ
โดยเฉพาะทั่วตัวเด็กสาวมีกลิ่นอายงามบริสุทธิ์โดยเนื้อแท้ สดใหม่ไม่ซ้ำใคร งามล้ำจนอยากกลืนกิน
ชายหนุ่มชุดดำถือดีว่าหลายปีมานี้เคยเห็นหญิงงามล้ำมาไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับเด็กสาวตรงหน้าแล้วต่างดูดาษดื่นพื้นๆ ไปในทันที
“ขอบคุณคุณชายมาก”
ไฉไฉ่พยักหน้า ยื่นโถดินเผาที่กอดไว้ออกมาให้อย่างน่ามอง ส่งมอบไปให้
ชายหนุ่มชุดดำรับมาถือไว้ในมือแต่กลับไม่เหลือบมองสักนิด สายตาเอาแต่จ้องเด็กสาวเบื้องหน้า แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้างกายข้ายังขาดสาวใช้คนสนิทอยู่คนหนึ่ง หากแม่นางยินยอม จากนี้สามารถติดตามอยู่ข้างกายข้าได้”
น้ำเสียงราเรียบ แต่กลับเจือกลิ่นอายจองหองและหยิ่งยโส
เหมือนดั่งการได้ติดตามฝึกปราณอยู่ข้างกายเขาเป็นเกียรติยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง
ไฉไฉ่อึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ล่ะ ขอบคุณความหวังดีของคุณชายอย่างยิ่ง”
คราวนี้นางถึงเข้าใจ อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะซื้อน้ำค้างวิญญาณแสงเพลิง แต่ตั้งใจจะรับตนเป็นสาวใช้ต่างหาก
ชายหนุ่มชุดดำอึ้งไป อาศัยสถานะของเขาบวกกับปราณในปัจจุบัน แค่โบกมือลวกๆ คราเดียวก็มีผู้หญิงมากมายโผเข้าสู่อ้อมกอดแล้ว
แต่ยามนี้เขาถึงกับถูกปฏิเสธ!
ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กสาวที่มีปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งเท่านั้น
ข้างกายชายหนุ่มชุดดำยังมีผู้ชายร่างสูงกำยำคนหนึ่งติดตามมาด้วย หลังจากได้ยินเช่นนี้สีหน้าพลันบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ มองเด็กสาวที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนนี้อย่างเย็นชา
ชายหนุ่มชุดดำโบกมือ ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ข้างกายอย่าได้ข่มขู่เด็กสาวคนงามตรงหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน แม่นางเจ้าลองคิดดูก่อนก็ได้ ข้าไม่อยากบังคับใจเจ้า แต่เจ้ารับโอสถราชันสิบต้นของข้าไปแล้ว หากปฏิเสธข้าทั้งอย่างนี้เกรงว่า… คงไม่ดีกระมัง”
ในใจเขารู้สึกเหยียดหยันยิ่งนัก น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงหนึ่งร้อยจิน อย่างมากสุดก็มีค่าแค่โอสถราชันแปดต้นเท่านั้น เขาเชื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าต้องเข้าใจความหมายของตนอย่างแน่นอน
“คุณชาย คืนให้ท่าน น้ำค้างวิญญาณแสงเพลิงข้าไม่ขายแล้ว”
ไฉไฉ่สูดหายใจลึกๆ หนึ่งเฮือก ดวงหน้าน้อยงามงอนสะอาดหมดจดเปี่ยมด้วยแววจริงจัง ยื่นถุงเก็บของที่เดิมทีเป็นของชายหนุ่มชุดดำกลับคืนไป
ชายหนุ่มชุดดำตะลึง หัวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาน้อยๆ
ปฏิกิริยาของเด็กสาวตรงหน้าทำเอาเขารู้สึกไม่อภิรมย์ ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก นางเห็นว่าตนเป็นคนสำคัญจริงๆ หรือ
“เฮอะ แม่นางน้อย เจ้าทำแบบนี้ดูไม่ค่อยมีหัวคิดเท่าไหร่ ในเมื่อรับของของคุณชายข้าไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เจ้าจะปฏิเสธได้!”
ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป ร้องโพล่งเสียงเย็นชา
แค่เด็กสาวคนหนึ่งที่ยังไม่ได้เหยียบย่างสู่ระดับราชันด้วยซ้ำ การถูกคุณชายหมายตาเป็นเรื่องโชคดีปานใด แต่นางดันไม่รู้จักดีชั่ว!
ดวงหน้างามของไฉไฉ่เริ่มซีด ขบริมฝีปากชุ่มฉ่ำเบาๆ ตื่นกลัวขึ้นมาแล้ว
นางเป็นทายาทเผ่าทอเมฆา ลักษณะของเผ่าพันธุ์นี้ล้วนไม่สุงสิงทางโลก อุปนิสัยใจดีมีเมตตา และถูกมองเป็น ‘พวกขี้ขลาด’ อยู่ร่ำไป
ไฉไฉ่ขบฟันแน่นกล่าวว่า “ข้ากับคุณชายหลินเป็นสหายกัน หากให้เขารู้ว่าพวกท่านทำกับข้าเช่นนี้ต้องโกรธมากแน่ๆ”
เมื่อได้ยินประโยคนุ่มนวลเช่นนี้ ชายหนุ่มชุดดำและข้ารับใช้ข้างกายต่างเบิกบานขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ เห็นชัดว่าแม้แต่ข่มขู่เด็กสาวคนนี้ยังทำไม่เป็น ช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าลองว่ามา เป็นคุณชายหลินที่โผล่มาจากที่ไหน ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน ในแดนเผาเซียนมีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือ”
ชายหนุ่มชุดดำเอ่ยถาม เจือแววล้อเลียนเย้าแหย่เสี้ยวหนึ่ง
“คุณชายหลิน หลินสวิน”
ไฉไฉ่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หลินสวิน!
พอเอ่ยชื่อนี้ออกมา สองนายบ่าวต่างใจสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปน้อยๆ
เทพมารหลิน ใครจะไม่รู้จักบ้าง
ตอนที่เข้าเมืองเผาเซียนมาปีแรก เขาก็เข่นฆ่าจนในเมืองเผาเซียนเลือนนองเป็ยสายน้ำ
อาณาเขตของขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าอีกาทอง เขาวิญญาณหมื่นอสูร สำนักยุทธ์นครนิล เผ่าวิญญาณสมุทร ล้วนถูกเขาถอนรากถอนโคน ทำเอาทั่วแดนเผาเซียนยังสั่นสะเทือนแตกตื่นกันหมด
ต่อมาเทพมารหลินยิ่งใช้ปราณระดับมกุฎราชันเข้าสู่แดนเก้าบน!
พวกชายหนุ่มชุดดำสองนายบ่าวย่อมไม่มีทางไม่รู้จักความน่ากลัวของหลินสวิน
ถึงจะบอกว่าเก้าปีมานี้แดนเผาเซียนไม่มีข่าวคราวของหลินสวินมานานแล้ว แต่ในด้านชื่อเสียงของเขา จวบจนบัดนี้ก็ยังโจษจันอยู่ในแดนเผาเซียน
ในช่วงหลายปีมานี้คนมากมายต่างคาดเดา ว่าเทพมารหลินที่มุ่งหน้าสู่แดนเก้าบนต้องประสบเคราะห์แน่ เพราะศัตรูคู่แค้นของเขามากมายเหลือเกิน เป็นไปไม่ได้สักนิดที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจโบราณพวกนั้นได้
และก็มีคนที่ไม่ได้คิดเช่นนี้เหมือนกัน
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ในแดนเผาเซียนหลินสวินก็เป็น ‘คนดัง’ คนหนึ่งแน่นอน
“น่าขัน หลินสวินถือได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดคนหนึ่ง แต่คนระดับนี้จะมาเป็นสหายกับสาวน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้าได้อย่างไร”
ข้ารับใช้ร่างกำยำคนนั้นทำหน้าหยามเหยียด คิดว่าไฉไฉ่กำลังเขียนเสือให้วัวกลัว ข่มขู่พวกเขาอยู่ ช่างเป็นลูกไม้ตื้นๆ ยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์