Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1349

อริยะ ที่ผ่านมายากจะได้เห็น ราวกับมังกรเทพที่เห็นหัวไม่เห็นหาง

แต่วันนี้กลับมีอริยะมากมายทยอยมาเยือน เพียงเพื่อสังหารหลินสวินคนเดียว ร่วมมือกันปิดล้อมฟ้าดินแถบนี้เอาไว้!

นี่หากแพร่ออกไป จะต้องนำพาความสั่นสะเทือนไปทั่วหล้าอย่างแน่นอน

ความจริงก็เป็นเช่นนี้

ตั้งแต่อริยะเหล่านี้เคลื่อนไหว แม้ผู้ฝึกปราณในดินแดนรกร้างโบราณอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ทุกคน แต่สำหรับเหล่าขุมอำนาจใหญ่เก่าแก่แห่งยุคพวกนั้น ข่าวนี้ปิดไม่อยู่จริงๆ

“เด็กนี่ต้องตาย!”

ขุมอำนาจใหญ่ส่วนหนึ่งตัดสินเช่นนี้

ต่ำกว่าอริยะ ล้วนประหนึ่งมดปลวกอย่างไม่ต้องสงสัย

หลินสวินจะแข็งแกร่งแค่ไหน จะพลิกฟ้าเพียงไร แต่ก็ยังไม่ใช่อริยะ หากจะสังหารเขา อริยะคนเดียวออกหน้าก็สามารถกำจัดได้อย่างง่ายดายราวกับดีดนิ้ว!

นับประสาอะไรกับครั้งนี้ที่อริยะกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหว

“หากอริยะหญิงลึกลับคนนั้นปรากฏตัว เรื่องราวจะพลิกผันหรือไม่”

“ยาก!”

ขุมอำนาจใหญ่ส่วนหนึ่งวิเคราะห์ หากอริยะเพียงแค่ไม่กี่คนเคลื่อนไหว บางทีอาจจะทำอะไรอริยะหญิงคนนั้นไม่ได้

แต่ครั้งนี้ต่างออกไป แค่อริยะที่ปรากฏตัวให้เห็นก็มากถึงสิบกว่าคน อีกทั้งยังเป็นอริยะแท้ที่ปิดด่านมาหลายพันปี!

“หมายหัวคนรุ่นหลังคนหนึ่งเช่นนี้ไม่ยุติธรรมเกินไปหรือเปล่า อริยะกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว ไม่ห่วงหน้ากันแล้วหรือ”

และมีคนดูแล้วขัดหูขัดตา

“บนโลกนี้มีความยุติธรรมเสียที่ไหน ตั้งแต่หลินสวินผงาดขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ลงมืออาละวาดโดยไม่เกรงกลัวตลอดมา เข่นฆ่านับไม่ถ้วน จะโทษก็ต้องโทษที่เขาล่วงเกินขุมอำนาจที่ไม่ควรล่วงเกินมากเกินไป!”

“ไม่ก้มหัวคือการไม่รู้จักเคารพ ไม่เคารพก็ต้องประสบภัย ที่ผ่านมาเรื่องทำนองนี้ก็ใช่จะน้อย”

“แต่ถ้าหลินสวินตายเช่นนี้ก็น่าเสียดายเกินไปจริงๆ ถึงอย่างไรความเลิศล้ำในพรสวรรค์ของเจ้าหมอนี่ ถือว่าหาได้ยากตั้งแต่โบราณ ต่อไปหากสามารถบรรลุอริยะได้ จะต้องโดดเด่นในดินแดนรกร้างโบราณไปช่วงหนึ่งแน่”

“ก็เพราะเช่นนี้ขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นจึงไม่อาจยอมให้เขาเติบใหญ่อย่างไรเล่า ตอนนี้เขาก็ขนาดนี้แล้ว พอเขาบรรลุอริยะจะนำพาเคราะห์สังหารที่รุนแรงแค่ไหนเข้ามา”

“ใช่แล้ว เรื่องสังหารอัจฉริยะเกิดขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หลินสวินในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น”

คำวิพากษ์วิจารณ์มากมายดังขึ้นในขุมอำนาจต่างๆ ของดินแดนรกร้างโบราณในวันนี้ ท่าทีล้วนแตกต่างกัน

มีคนเสียดาย และมีคนเฝ้ามองอย่างเฉยเมย

“ก็รอเพียงผลลัพธ์แล้ว…”

ไม่ว่าอย่างไร ขุมอำนาจใหญ่ทั้งหมดก็กำลังรออยู่

แดนมกุฎสิ้นสุดลงวันนี้แล้ว แต่เช่นเดียวกัน บุคคลอันดับหนึ่งแห่งแดนมกุฎอย่างหลินสวิน จะร่วงหล่นและหายไปจากโลกในวันนี้หรือไม่

……

ด้วยนิสัย หลินสวินเป็นคนที่ไม่มีทางฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คนอื่นเด็ดขาด

เขาเชื่อเพียงแค่ตัวเอง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงทำได้เพียงสู้ทุกวิธี วางแผนยืมผู้อื่นคลี่คลายสถานการณ์ที่พบเจอ หรือไม่ก็เลือกหนีอย่างผู้ถูกกระทำ

เพราะตอนนั้นเขายังอ่อนแอมาก ไม่มีพลังสามารถต่อสู้กับศัตรูบนโลกใบนี้

แต่หลังจากเคี่ยวกรำในแดนมกุฎมาสิบปี เขาไม่ใช่เขาคนเดิมตั้งนานแล้ว!

เขาก้าวสู่ระดับมกุฎราชัน ยิ่งไปกว่านั้นในสิบปีนี้ พลังปราณได้ทะลวงถึงระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด แม้แต่ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ยังเรียกได้ว่าไร้ที่เปรียบในคนรุ่นเดียวกัน

แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด กลับเป็นสภาวะจิตของเขา!

สิบปีแห่งพายุนองเลือด ทำให้เขาเดาออกตั้งแต่ก่อนออกจากแดนมกุฎแล้วว่าจะมีเหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้น

เขาไร้ซึ่งความกลัว!

อีกทั้งครั้งนี้เขาไม่ได้เลือกหนีไป

มิฉะนั้นยามออกจากแดนมกุฎ เขาย่อมสามารถแปลงกายเปลี่ยนรูปลักษณ์ ซ่อนตัวท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่านและจากไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอย

นี่ก็คือสภาวะจิตที่แตกต่างไป!

และความมั่นใจที่ทำให้เขาไร้ซึ่งความกลัวก็มีเยอะมาก

ที่น่าตลกคือ อริยะเหล่านี้ล้วนกำลังระแวงและคาดเดาว่าเขาอาจจะยืมพลังของหญิงลึกลับคลี่คลายสถานการณ์

ฆ่าคนต่ำช้าอย่างพวกเขา จะไปทำให้ผู้อาวุโสคนนั้นลำบากทำไม

เขาคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!

ดังนั้นแม้ถูกเหล่าอริยะปิดล้อม หลินสวินก็ยืนตระหง่านอยู่ตรงริมผาบนยอดเขา สีหน้าไม่เปลี่ยน นิ่งสงบไม่เกรงกลัว

มีเพียงไอสังหารในใจที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เดือดพล่านขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะสกัดกั้นไว้ไม่อยู่

นี่ก็คืออริยะหรือ

ก็แค่สุนัขแก่น่ารังเกียจที่ไร้ยางอายกลุ่มหนึ่งเท่านั้น!

“ทุกท่าน ก่อนลงมืออาตมาขอเตือนสักหน่อย ต้องควบคุมพลังให้ดี อย่าโจมตีเขาให้ตายทันที มรดกของอารามกษิติครรภ์ยังต้องดึงออกจากจิตวิญญาณของเขา”

ฝ่าเจิ้งพูดขึ้น เหมือนเป็นการล้อเล่นและเหยียดหยาม

ทว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น เขาจริงจัง เพราะเขากังวลจริงๆ ว่าหลินสวินจะถูกฆ่า ด้วยเพราะในสายตาอริยะ หลินสวินอ่อนแอเกินไป

ราวกับตัดหญ้าที่เปราะบาง ประหนึ่งมดปลวกที่บดขยี้ได้อย่างง่ายดาย

“อย่าเสียเวลาเลย ส่งเขาลงนรกพร้อมกันเถอะ!”

เสียงของอวี๋ซิวเย็นชา

ตูม!

ชั่วพริบตามือใหญ่หลายข้างยื่นออกมาปกคลุมท้องฟ้า และปกคลุมยอดเขาที่หลินสวินยืนอยู่จนมิด

จากนั้นพลันตบลงอย่างแรง

การกระทำนี้ราวกับตบแมลงวันอย่างไรอย่างนั้น

ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินยังสามารถสกัดไว้ได้ การโจมตีที่เรียบง่ายเช่นนี้ เพียงพอจะบดขยี้มดปลวกทุกตัวที่ต่ำกว่าระดับอริยะแล้ว

สายตาของหลินสวินเย็นเยียบ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยเผยความลนลานแม้แต่เสี้ยวเดียว

เพียงแต่ตอนที่เขากำลังจะลงมือ กลับมีเสียงกระบี่ครวญชิงดังขึ้นก่อน…

ชิ้ง!

หนึ่งกระบี่พุ่งมาจากทิศตะวันตก ราวกับสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ที่พาดเฉือนสิบทิศ

ปราณกระบี่นั่นสว่างไสวและแสบตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ สลายการโจมตีทั้งหมดในชั่วพริบตา ปราณกระบี่อันยิ่งใหญ่ม้วนตัว ทำให้สุริยันจันทราหม่นแสง

ในที่นั้นเหล่าอริยะนัยน์ตาหดรัด สายตามองไกลออกไป

“ความกว้างใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณ กลับไม่มีที่ยืนสำหรับคนรุ่นเยาว์คนหนึ่งหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์