Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1350

สรุปบท ตอนที่ 1350 ไพ่ตาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอน ตอนที่ 1350 ไพ่ตาย จาก Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1350 ไพ่ตาย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ลงมือเถอะ”

เห็นว่าเยี่ยจิ่วเซียวกับอวี๋ซิวดวลกันอยู่ ขู่หยาที่อยู่ห่างออกไปพลันพูดเสียงเย็น

ได้ยินเช่นนี้เหล่าอริยะที่มาจากเผ่าวิญญาณสมุทร ลัทธิบูชาจันทร์ เผ่าอีกาทองต่างพยักหน้า แต่ละคนต่างเคลื่อนสายตาไปมองเหวยฉางอวิ๋นและเซี่ยวปู้กุย

ชั่วขณะนี้ฟ้าดินราวกับมืดมนลง กดดันอย่างที่สุด

เหล่าอริยะเคลื่อนไหว อานุภาพดุจสวรรค์ ตอนนี้เผยไอสังหารพร้อมกัน ทั่วสิบทิศล้วนตกอยู่ท่ามกลางความน่าสะพรึงครั้งใหญ่!

เหวยฉางอวิ๋นกับเซี่ยวปู้กุยขมวดคิ้วน้อยๆ ต่างตระหนักได้ว่าศึกนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง พลันสูดหายใจเข้าลึก สีหน้าเด็ดเดี่ยว

แต่ตอนนี้เองหลินสวินที่ยืนอยู่บนยอดเขาพูดขึ้นกะทันหัน “ผู้อาวุโสทั้งสาม เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้าคนเดียว โปรดให้ข้าจัดการโดยลำพัง!”

ประโยคเดียวทำให้ตะลึงไปทั่ว อริยะอย่างพวกขู่หยา ฝ่าเจิ้งอดชะงักไม่ได้ จากนั้นต่างเผยรอยยิ้มราวกับรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งนานแล้ว

“ไม่เลว แม้เป็นมดปลวกแต่ก็ถือว่ามีความรับผิดชอบ เสียสละตัวเองเพียงคนเดียวก็สามารถคลี่คลายเรื่องวันนี้ได้ ถือว่าเจ้ามีสำนึก”

ขู่หยาพยักหน้า

อริยะคนอื่นๆ เองก็ยิ้มขึ้นมา

การต่อสู้ยังไม่ทันปะทุอย่างสมบูรณ์หลินสวินก็ชิงยอมแพ้ก่อน นี่ทำให้พวกเขาประหลาดใจ แต่คิดดูอย่างละเอียดแล้วก็สมเหตุสมผล

“เจ้าหนู เจ้าดูถูกพวกเราสามคนหรือ”

เยี่ยจิ่วเซียวและเซี่ยวปู้กุยที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดต่างขมวดคิ้ว ไม่พอใจกับท่าทีของหลินสวินนัก พวกเขามาครั้งนี้ก็เพื่อสนับสนุนเขา ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะหักหน้ากับเหล่าอริยะ

แต่ตอนนี้เด็กนี่กลับยอดแพ้เป็นคนแรก นี่ทำให้พวกเขาต่างผิดหวังอยู่บ้าง หรือว่า… พวกเขามองเด็กคนนี้ผิดไป

บนหน้าผาหลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ “รู้สำนึก? ไม่ พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าหมายความว่า การฆ่าเดรัจฉานเฒ่าอย่างพวกเจ้า ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!”

“อะไรนะ”

ในที่นั้นไม่ว่าจะเป็นพวกขู่หยาหรือพวกเหวยฉางอวิ๋น ล้วนแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

และตอนนี้เอง เงาร่างของหลินสวินก้าวขึ้นบนห้วงอากาศ!

ตูม!

ในร่างของเขา ซุ้มธรรมทองอร่ามดุจหล่อจากทองศักดิ์สิทธิ์กู่ก้อง ถูกเปิดผนึกอันคลุมเครือนั่นออก

ในเวลาเดียวกันเสียงสวดยิ่งใหญ่สายหนึ่งดังกังวาน

ก็เห็นในซุ้มธรรมนั่น หัวใจที่โปร่งใสพร่างพราวซึ่งถูกอักษรสันสกฤตแน่นขนัดปิดผนึกอยู่ดวงหนึ่งพุ่งเข้าไปในร่างกายของหลินสวิน

ตึง! ตึง! ตึง!

เสียงเป็นจังหวะที่รุนแรงดั่งฟ้าร้องเริ่มดังก้องบนตัวหลินสวิน การรับรู้ จิตวิญญาณ เส้นปราณโลหิต พลังของเขา…

ล้วนถูกพลังชั้นยอดไร้ใดเปรียบปกคลุมในชั่วพริบตา

‘ปล่อยให้จิตสถูปปลิดชีพของข้า ทลายวิถีเกิดดับในตัวเจ้า!’

เสียงที่ราวกับเทพไท้ดังขึ้นในใจหลินสวิน

เสียงนี้ มาจากอริยพุทธซิงเจียในสมัยดึกดำบรรพ์ จิตสถูปปลิดชีพดวงนี้ เป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่หลินสวินได้รับในสามพันสถูปเจดีย์!

เมื่อเผชิญสถานการณ์ความเป็นความตาย คลี่คลายผนึกซุ้มธรรม ก็จะได้รับพลังแห่ง ‘จิตสถูปปลิดชีพ’ สังหารหนทางความเป็นความตาย!

ทั้งหมดนี้พูดแล้วเหมือนช้า ความจริงนั้นสร็จสิ้นในชั่วพริบตา

มองหลินสวินที่ยืนอยู่กลางอากาศ เหล่าอริยะอย่างพวกขู่หยา ฝ่าเจิ้งต่างตกใจในตอนแรก จากนั้นล้วนเผยสีหน้าเวทนาออกมา

มดปลวกตัวนี้ คิดจะเป็นศัตรูกับพวกเขาจริงๆ หรือ

ผู้ไม่รู้ย่อมไม่รู้จักกลัวจริงๆ ไม่รู้ดีชั่วนัก!

และมีคนสัมผัสได้อย่างฉับไวว่ากลิ่นอายของหลินสวินเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปเหมือนเหวลึกที่ไม่อาจคาดเดา ให้ความรู้สึกลึกลับคลุมเครือที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

แต่ว่า ไม่มีใครเกรงกลัว!

พวกเขาคืออริยะ แม้หลินสวินเล่นตุกติกอะไร ก็ไม่เพียงพอจะทำให้พวกเขารู้สึกเกรงกลัว

“เจ้าหนู เจ้าคิดจะรนหาที่ตายจริงๆ หรือ”

เซี่ยวปู้กุยขมวดคิ้วแน่น ไม่พอใจการกระทำของหลินสวินอย่างมาก

“ผู้อาวุโส พวกท่านรอดูความครื้นเครงก็พอแล้ว”

บนอากาศ สีหน้าของหลินสวินนิ่งสงบ ท่าทางเคร่งขรึม

“เสแสร้งแกล้งทำ เป็นมดปลวกตัวหนึ่งยังกล้าอวดดีอีกหรือ ตายซะ!”

ทันใดนั้นบนห้วงฟ้าบริเวณนั้นมีเสียงกึกก้องแฝงความโบราณเก่าแก่ ไอชั่วร้ายทะลวงฟ้า ซย่าโหวเสวี่ยแห่งลัทธิบูชาจันทร์ออกโจมตีพร้อมเสียงหัวเราะเยาะ

เงาร่างของเขาพร่ามัวทั้งตัว ห่อหุ้มอยู่ท่ามกลางหมอกดำ ในมือถือทวนศึกหลั่งเลือดเล่มหนึ่ง ฟันสังหารออกไป

วู้ม!

แสงเลือดสายหนึ่งโฉบพุ่ง แดงสดราวกับนรกมาเยือนโลก ผีร่ำไห้เทพโหยหวน

“หึ!”

แม้ไม่พอใจการกระทำของหลินสวิน แต่เห็นภาพนี้เหวยฉางอวิ๋นก็ยังคงอดไม่ได้ เรียกกระบี่มรรคเล่มหนึ่งออกมาหมายจะออกโจมตี

แต่จู่ๆ กลับแข็งทื่อไปทั้งตัว มองเห็นภาพที่เหลือเชื่อ

ระหว่างที่หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เงาทวนสีแสงเลือดสายนั้นก็ถูกทำลายกลายสภาพเป็นไร้รูป ง่ายดายราวกับปัดเศษฝุ่น!

“นี่…”

เหวยฉางอวิ๋นนัยน์ตาหดรัด ในใจสั่นสะท้าน

ความแข็งแกร่งแห่งพลังต่อสู้ของซย่าโหวเสวี่ย เขารู้เป็นอย่างดี การโจมตีนี้ซัดออกไป อย่าว่าแต่คนรุ่นเยาว์ระดับอมตะเคราะห์อย่างหลินสวิน แม้แต่อริยะยังต้องรับมืออย่างจริงจัง!

แต่ตอนนี้ การโจมตีนี้ของซย่าโหวเสวี่ยกลับถูกหลินสวินสลาย

เพียงสะบัดแขนเสื้อ ลบล้างจนไร้รูป!

ไม่เพียงแค่เหวยฉางอวิ๋น เหล่าอริยะอย่างพวกซย่าโหวเสวี่ยก็ตกตะลึง แววตาวูบไหวเช่นกัน พวกเขาต่างตระหนักได้ว่าหลินสวินจะต้องใช้พลังแปลกพิสดารบางอย่าง

มิฉะนั้นไม่มีทางสลายการโจมตีนี้ได้แน่!

สวบ!

ไม่รอทุกคนตอบสนอง เงาร่างของหลินสวินก็หายไปกลางอากาศ

เหนือฟ้าสูงห่างออกไป เยี่ยจิ่วเซียวและอวี๋ซิวต่อสู้อย่างดุเดือดมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เองจู่ๆ เงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏขึ้นกะทันหัน ชิงตบฝ่ามือหนึ่งออกไปก่อนเยี่ยจิ่วเซียว

ตูม!

อวี๋ซิวปลดปล่อยปราณกระบี่สีทองเต็มฟ้า ล้วนรัดพันด้วยกฎเกณฑ์อริยมรรคที่น่ากลัว เพียงพอจะสังหารผีฆ่าเทพ น่าหวาดหวั่นอย่างที่สุด

แม้เป็นเยี่ยจิ่วเซียวก็ต้องรับมืออย่างสุดกำลัง

แต่ภายใต้หนึ่งฝ่ามือนี้ของหลินสวิน ปราณกระบี่สีทองเต็มท้องฟ้านั่นกลับถล่มทลายโดยพลัน!

“นี่…”

เยี่ยจิ่วเซียวตกตะลึงเช่นกัน สีหน้าเผยความตกใจ รับรู้ได้ว่ากลิ่นอายของหลินสวินเปลี่ยนเป็นลึกล้ำจนทำให้เขาไม่สามารถมองทะลุได้!

ปราณกระบี่ราวกับห้อทะยานนั่นประหนึ่งหิมะหลอมละลายเป็นน้ำ หายไปอย่างไร้สุ้มเสียง ส่วนทั้งร่างของอวี๋ซิวกลับถูกกลบมิดอยู่ภายในวังวนแห่งกาลสมัย!

ตูม!

ภายใต้เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นของแสงอริยะ ละอองแสงระเบิดกึกก้อง อวี๋ซิวร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด เงาร่างของเขาพุ่งออกไป แต่กลับสะบักสะบอมอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อมองดูสภาพของเขา ผิวหนังทุกส่วนบนร่างกายล้วนกำลังหลั่งเลือด เนื้อตัวแตกยับ!

เหล่าอริยะในที่นั้นต่างหวั่นไหวตกตะลึง

แม้เดาออกได้นานแล้วว่าหลินสวินใช้พลังภายนอกที่ลึกลับอย่างหนึ่ง แต่ตอนนี้เมื่อเห็นสภาพย่ำแย่ของอวี๋ซิวกับตา ก็ยังคงทำให้พวกรู้สึกยากจะเชื่อ

อวี๋ซิว อริยะกระบี่แห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้าที่ชื่อเสียงเลื่องลือ ใช่ว่าพวกอริยะเทียมจะเทียบได้

แต่ตอนนี้ แค่การโจมตีเดียวก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว!

และคู่ต่อสู้ ยังเป็นเพียงคนรุ่นเยาว์ระดับอมตะเคราะห์ด่านเจ็ดคนหนึ่งเท่านั้น…

นี่เหลือเชื่อเกินไป!

พอมองหลินสวินอีกครั้ง สายตาของพวกเขาต่างจริงจังและเคร่งขรึมขึ้นมา ไม่ใช่ว่ากลัวหลินสวิน แต่กลัวพลังที่หลินสวินยืมใช้!

ไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ ว่าเป็นบุคคลที่น่ากลัวแค่ไหน แค่พลังที่หลงเหลือไว้เท่านั้น กลับทำให้คนรุ่นเยาว์ระดับอมตะเคราะห์คนหนึ่งเสมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

“ให้ข้าลองฝีมือของเดรัจฉานน้อยนี่สักหน่อย”

เมื่อเห็นว่าหลินสวินโจมตีไปทางอวี๋ซิว ซย่าโหวเสวี่ยแห่งลัทธิบูชาจันทร์ก็พุ่งออกไป เงาร่างออกจากรถศึก กวัดแกว่งทวนวงเดือนที่หลั่งเลือดจู่โจมไปทางหลินสวิน

ตูม!

ฟ้าถล่มดินสลาย สุริยันจันทราอับแสง

การโจมตีเดียวของอริยะน่ากลัวปานใด แต่เผชิญหน้ากับการเข่นฆ่าของซย่าโหวเสวี่ย หลินสวินเพียงสะบัดแขนเสื้อครั้งเดียวก็สลายมันได้แล้ว

ส่วนเงาร่างของซย่าโหวเสวี่ยกลับเหมือนถูกภูเขาเทพดึกดำบรรพ์ชน เซถอยออกไปหลายก้าวโดยพลัน!

“ผิดปกติ!”

ขู่หยาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย รับรู้ได้ถึงความไม่เข้าที เงาร่างพริบไหวกลางอากาศไปปรากฏตรงหน้าหลินสวินโดยพลัน นิ้วมือดุจกระบี่ แทงเข้าใส่หลินสวิน

เขาไม่สามารถทนเห็นอวี๋ซิวถูกไล่ฆ่าโดยไม่ทำอะไรได้!

“ไสหัวไป!”

หลินสวินไม่หันกลับไปด้วยซ้ำ ด้านหลังรุ้งเทพสายหนึ่งปรากฏขึ้น กดข่มออกไปพร้อมเสียงครืนโครมปานครอบฟ้าคลุมดิน

ขู่หยาก็ถูกซัดถอยไปเช่นเดียวกับซย่าโหวเสวี่ย!

พริบตานั้นสีหน้าของอริยะในที่นั้นพลันเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่อยู่

ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เห็นหลินสวินในสายตา เรียกว่า ‘เดรัจฉานน้อย’ ‘เด็กเมื่อวานซืน’ ‘มดปลวก’ ไม่ขาดปาก ดูถูกอย่างที่สุด

แต่ตอนนี้พวกเขาต่างไม่สามารถสงบได้แล้ว

ส่วนเยี่ยจิ่วเซียว เหวยฉางอวิ๋นและเซี่ยวปู้กุยมองหน้ากัน ในใจนอกจากความโล่งอกก็อดตะลึงไม่ได้

เป็นพลังเสริมที่แข็งแกร่งเพียงใด จึงทำให้คนรุ่นเยาว์ระดับอมตะเคราะห์คนหนึ่ง ครอบครองอานุภาพน่ากลัวที่สามารถทำร้ายอริยะได้

พวกเขา…

ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน!

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์