ผิดจากที่คาด จ้าวจิ่งเซวียนส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ไปหรอก ฆ่าราชันเถาวัลย์เพลิงคนหนึ่ง ก็เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่จักรวรรดิเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่ได้ ตรงข้ามมีแต่จะแหวกหญ้าให้งูตื่นเพราะเรื่องนี้”
นางสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง นัยน์ตาสุกใสแน่วแน่กล่าวว่า “รอให้กลับสู่นครต้องห้าม ข้าจะทำความเข้าใจข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับหายนะอสูรมารของจักรวรรดิโดยเร็วที่สุด ไม่ลงมือก็ว่าไปอย่าง แต่เมื่อได้ลงมือย่อมต้องใช้วิธีกวาดล้างกำจัดมารเดรัจฉานพวกนี้สิ้นซาก!”
นัยน์ตาหลินสวินฉายแววชื่นชม กล่าวว่า “ข้าสนับสนุนเจ้า”
ในเวลาเช่นนี้จ้าวจิ่งเซวียนยังรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้ มองสถานการณ์โดยรวม ช่างหายากยิ่งจริงๆ
“ไปเถอะ”
จ้าวจิ่งเซวียนรีบร้อนอยากกลับนครต้องห้าม
“ดี”
จากนั้นทั้งคู่ก็ออกเดินทาง
บนเส้นทางหลังจากนั้น พวกเขาก็พบกับอาณาเขตของสัตว์อสูรมารดุร้ายส่วนหนึ่งอย่างต่อเนื่อง เมืองบางแห่งถึงกับถูกทำลายย่อยยับ เหลือเพียงซากปรักหักพังเกลื่อนพื้น
กล่าวว่าสิ่งมีชีวิตจมสู่ห้วงทุกข์ ก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้
เพียงแต่ยิ่งเข้าใกล้พื้นที่จุดศูนย์กลางจักวรรดิ ระหว่างทางก็เริ่มไม่ค่อยปรากฏร่องรอยการปรากฏตัวของสัตว์อสูรมารอีกแล้ว
นี่ก็เพราะในแต่ละเมืองล้วนมีทัพใหญ่ของผู้ฝึกปราณในจักรวรรดิที่เก่งกาจ และขุมอำนาจตระกูลใหญ่ส่วนหนึ่งร่วมมือกัน ทำการต่อต้านและตอบโต้
สิ่งนี้ทำให้หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนต่างลอบถอนหายใจโล่งอก สถานการณ์โดยรวมสำหรับจักรวรรดิแล้วยังไม่ถือว่าเลวร้ายเกินไปนัก
เพียงแต่ทุกสิ่งที่ได้เห็นตามทางยังคงทำให้ทั้งคู่รับรู้ได้ว่า ในเงามืดของความพลุกพล่านจอแจนั้น มีกระแสมืดทึบตึงเครียดและเคร่งขรึมพวยพุ่งอยู่
หายนะของสัตว์อสูรมาร หากไม่กำจัดก็เกรงว่าจักรวรรดิจะไม่มีวันสงบสุข!
…
หนึ่งวันให้หลัง
ไกลออกไปในสถานที่ตั้งเมืองอันเก่าแก่ใหญ่ตระหง่านแห่งหนึ่ง ไอสีม่วงคละคลุ้งพวยพุ่งอยู่เหนือเมือง ภายใต้แสงอาทิตย์ เมืองทั้งเมืองย้อมด้วยสีม่วงทองที่งดงามและพิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ กว้างใหญ่ไพศาล คล้ายกับมีมาตั้งแต่อดีตกาลก็ไม่ปาน
นครต้องห้าม!
เวลาผ่านไปสิบกว่าปี ยามที่ย้อนกลับมาและมองเห็นนครอันดับหนึ่งของจักรวรรดิแห่งนี้อีกครั้ง ในใจหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนต่างก็อดเลื่อนลอยไม่ได้
“ตอนนี้ข้าเพิ่งสังเกต ว่าเมืองแห่งนี้มีไอม่วงอ่อนเชื่อมสวรรค์ ด้านล่างยึดด้วยโชควาสนาแห่งสี่สุดยอดฮวงจุ้ย ครอบคลุมแปดทิศ เชื่อมต่ออานุภาพสิบทิศ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ศุภโชคแห่งฟ้าดิน สวรรค์สรรค์สร้าง”
หลินสวินเอามือไพล่หลัง นัยน์ตาดำทอแสงวาววับ ปราณของเขาในยามนี้ต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง มองปราดเดียวก็ดูออก นครต้องห้ามอันกว้างขวางแห่งนี้ ความจริงก็เป็นถ้ำสวรรค์แดนมงคลที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง ซ้ำยังจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ซ่อนแฝงนัยเร้นลับมากมาย ดึงดูดอานุภาพแห่งฟ้าดิน วิเศษสุดประเสริฐ
“นั่นย่อมแน่อยู่แล้ว ที่นี่เป็นถึงเมืองหลวงของจักรวรรดิ หัวใจแห่งทั้งจักวรรดิ ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”
จ้าวจิ่งเซวียนเม้มปากยิ้มกล่าว
“ไปกันเถอะ”
หลินสวินสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ในที่สุดก็กลับมาแล้ว ทำให้เขารู้สึกปิติและผ่อนคลายเหมือนได้หวนสู่บ้านเกิดรังนอน
จ้าวจิ่งเซวียนร้องอืมหนึ่งครา พุ่งโฉบเคียงไหล่หลินสวินออกไปยังที่ไกลๆ
ระหว่างทางความคิดหลินสวินดุจลอยล่อง นึกถึงสหายเก่าอย่างพวกหลินจง เสี่ยวเคอ พญาแร้ง จูเหล่าซาน
และนึกถึงเพื่อนรักสมัยเด็กอย่างหนิงเหมิง สืออวี่ เย่เสี่ยวชี
พวกเขา ยามนี้ยังสบายดีกันหรือไม่
และช่วงหลายปีมานี้ บนภูเขาชำระจิตจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
เมื่อเข้าประตูสูงตระหง่านเก่าแก่ที่สูงร้อยจั้ง สิ่งที่พุ่งสู่สายตาก็คือท้องถนนที่พลุกพล่านดุจสายน้ำนั่น ผู้คนที่เบียดเสียดแน่นขนัด รวมถึงคลื่นเสียงที่เอ็ดอึงเซ็งแซ่
เหมือนเช่นที่ผ่านมา นครต้องห้ามยังคงครึกครื้นและพลุกพล่านเช่นนี้อยู่เสมอ
หลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนต่างเก็บงำกลิ่นอาย เดินเคียงบ่ากันบนท้องถนน มองดูภาพที่แสนคุ้นเคยภาพแล้วภาพเล่า ความคิดล่องลอย
“ข้าจะกลับบ้านแล้ว”
ไม่ทันไรจ้าวจิ่งเซวียนก็ชะงักเท้า นัยน์ตาสุกใสทอดมองไปไกลๆ ตรงนั้นคืออาคารเก่าแก่ที่ตั้งเรียงราย กำแพงมุกกระเบื้องทอง แผ่กลิ่นอายอร่ามเจิดจ้าออกมา
ที่นั่นคือวังหลวง
“ไปเถอะ ข้าเองก็ควรกลับไปดูสักหน่อยเช่นกัน มีเรื่องอะไรจำไว้ว่าไปหาข้าที่ภูเขาชำระจิต”
หลินสวินกล่าวยิ้มๆ
“ได้”
จ้าวจิ่งเซวียนพยักหน้า หลังจากนั้นก็ยิ้มพลางโบกมือแล้วหันตัวจากไป
มองส่งจ้าวจิ่งเซวียนจากไป หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ยืนอย่างสันโดษ ก่อนเดินเข้าสู่ท้องถนนที่พลุกพล่านดุจสายน้ำเพียงลำพัง มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่ตั้งในความทรงจำ
ภูเขาชำระจิตของตระกูลหลิน เป็นหนึ่งในเจ็ดสิบสองยอดเขาตระกูลทรงอิทธิพล หนึ่งในแดนมงคลถ้ำสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของนครต้องห้าม
ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่หลินสวินจะจำตำแหน่งผิด
เพียงแต่เพิ่งอยู่ระหว่างทาง ตอนที่ผ่านหอสุราแห่งหนึ่ง ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงระลอกหนึ่งดึงความสนใจของหลินสวิน
“ตระกูลหลินใกล้จบสิ้นแล้ว โทษขายชาติหากได้รับการยืนยัน ทุกคนทั้งบนล่างในตระกูลเกรงว่าต้องถูกประหารกันหมดแน่!”
“ไม่ขนาดนั้นกระมัง ไม่ใช่แค่ว่าอสูรมารบำเพ็ญตนหนึ่งที่ตระกูลหลินชุบเลี้ยงทรยศหลบหนีไปหรือ จะไปหาว่าทั้งตระกูลหลินขายชาติได้อย่างไร”
“เฮอะๆ นี่เจ้าไม่เข้าใจแล้วล่ะ หากคิดยัดเยียดโทษจะต้องพูดให้มากความไปทำไม”
“เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่”
“ได้ยินว่าเพราะคนใหญ่คนโตที่มีอำนาจล้นฟ้าเพ่งเล็งภูเขาชำระจิตของตระกูลหลิน ฟ้าดินแปรผันฉับพลัน ทำให้ภูเขาแห่งตระกูลทรงอิทธิพลเจ็ดสิบสองแห่งต่างกลายเป็น ‘แดนสมบัติถ้ำสวรรค์’ ที่เลื่องชื่อลือชา ใครจะไม่ตาร้อนกันบ้าง”
“และมีข่าวลือว่า เป็นเพราะก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มผู้นำตระกูลหลินคนนั้นล่วงเกินขุมอำนาจใหญ่มากมายเกินไป”
“ก็ไหนว่าตระกูลหลินได้รับการคุ้มครองจากราชวงศ์ของจักรวรรดิไม่ใช่หรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์