Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1371

หลินสวินใคร่ครวญก่อนกล่าว “ดี เช่นนั้นก็ยึดเวลาครึ่งปี ถึงตอนนั้นหากเจ้ายังไม่มาหาข้าที่นครต้องห้าม ข้าก็จะไปหาเจ้าที่สุสานสมุทรฝังมรรค”

ต่อให้ยามนี้จะมีฐานะเป็นระดับมกุฎราชันอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด แต่สำหรับสถานที่แปลกพิสดารอย่าง ‘สุสานสมุทรฝังมรรค’ ก็ยังทำให้หลินสวินรู้สึกมองไม่ค่อยทะลุนัก

ที่นั่นเร้นลับเกินไป มีสิ่งแปลกพิสดารและอัปมงคลมากมายอาศัยอยู่

“วางใจเถิด ข้าโตมาจากสถานที่เฮงซวยนั่นเชียวนะ ไปล่ะ!” เจ้าคางคกหัวเราะร่วนพลางโบกมือ แล้วกระโจนโฉบทะยานพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ชุดสีเขียวโบกสะบัดกลางสายลม ดูอิสระเสรียิ่งยวด

“อวดดี” จ้าวจิ่งเซวียนหัวเราะหยัน

หลินสวินก็อดหัวเราะไม่ได้ เจ้าคางคกนี่ก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด

“กลับนครต้องห้ามครั้งนี้ เจ้าจะไปเยี่ยมพ่อแม่ข้าหรือไม่”

บนยานสมบัติเหลือเพียงหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนสองคน จ้าวจิ่งเซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากออกมา นัยน์ตาสุกใสเจือแววไม่เป็นตัวเองอยู่เสี้ยวหนึ่ง

นางงดงามพิสุทธิ์ดุจภาพวาด โครงหน้าขาวเนียนประณีต เรือนผมยาวสีดำสนิทโบกพลิ้วตามแรงลม ดุจดั่งเทพเซียนบนฟากฟ้า

หลินสวินอึ้งไป กล่าวว่า “นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ข้ากลับมาครานี้ ยังมีเรื่องบางอย่างอยากขอคำชี้แนะจากท่านลุงจ้าวด้วย”

จ้าวจิ่งเซวียนร้องอืมหนึ่งครา และไม่พูดมากความอีก

จู่ๆ หลินสวินก็ยื่นมือกุมมือปานหยกงามทั้งสองข้างของจ้าวจิ่งเซวียน กล่าวอย่างจริงจังว่า “จิ่งเซวียน ข้าอยากรอให้ซย่าจื้อกลับมาค่อยใคร่ครวญเรื่องของเราสองคน อืม เจ้าเองก็รู้ เด็กคนนี้นิสัยพิเศษมากเสมอมา หาก…”

จ้าวจิ่งเซวียนกล่าว “ไม่ต้องพูดมากความหรอก ข้าเข้าใจ”

ใบหน้างามดุจหยกขาวของนางร้อนผ่าวเล็กน้อย หน้าผากมนก้มต่ำ ไม่กล้าสบสายตากับหลินสวิน สองมือถูกหลินสวินกอบกุมเอาไว้ ร่างอรชรแข็งทื่อ ไม่ทันตั้งตัวอยู่บ้าง

หากนางจำไม่ผิด นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินเป็นฝ่ายรุกก่อนเช่นนี้…

หลินสวินสังเกตได้อย่างว่องไวว่าใบหูแวววาวน่ารักของจ้าวจิ่งเซวียนเริ่มแดงเถือกขึ้นมา เหมือนย้อมแสงสีแดงอันงดงาม แพขนตาไหวระริก เห็นได้ชัดว่าประหม่าเล็กน้อย

จู่ๆ ในใจหลินสวินก็เกิดแรงกระตุ้น โน้มตัวเข้าไปจุมพิตบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาขาวผ่องของจ้าวจิ่งเซวียนหนึ่งครา

ชั่วพริบตานั้นจ้าวจิ่งเซวียนพลันแข็งทื่อไปทั่วร่าง นัยน์ตาสุกใสเบิกกว้าง ภายในใจประหนึ่งมีกระแสไฟฟ้าสายหนึ่งไหลผ่าน ถึงกับอึ้งงันอยู่ตรงนั้น สับสนงุนงงเหมือนห่านสมองตื้อ

หลินสวินอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวจิ่งเซวียนที่มีมาดผ่าเผยพิสุทธิ์เสมอมา ถึงกับยังมีมุมน่ารักเช่นนี้ด้วย

ปึง!

ทันใดนั้นจ้าวจิ่งเซวียนดึงมือสองข้างออก กำปั้นนวลเนียนทุบลงบนแผ่นอกหลินสวิน กล่าวง้ำงอด “เจ้ายังขำอีก น่าขันมากนักหรือ”

หลินสวินรีบหุบรอยยิ้มทันควัน กล่าวเคร่งขรึมว่า “ไม่น่าขัน ไม่น่าขันสักนิด”

จ้าวจิ่งเซวียนจ้องหลินสวินตาเขียว จากนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ กล่าวค่อนแคะ “เจ้านี่นะ… ที่แท้ก็หน้าไม่อายเช่นนี้นี่เอง!”

กล่าวพลางนางหยัดกายขึ้นเต็มความสูง ใบหน้างามแดงระเรื่อ พุ่งเข้าไปในห้องโดยสารด้วยความเร็วประหนึ่งเหาะเหิน

หลินสวินอดหัวเราะออกมาอีกครั้งไม่ได้ กล่าวในใจว่า ไร้ยางอายหรือ หากข้าไม่เป็นฝ่ายรุกสักหน่อย ยังเป็นผู้ชายอยู่อีกหรือ

เวลาหนึ่งก้านธูปต่อมา ในที่สุดหลินสวินก็รับรู้ถึง ‘ความปั่นป่วน’ ภายในเขตชายแดนจักรวรรดิ

ที่นั่นเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทว่ากลับมีแต่ร่องรอยหายนะ มีศพตายอนาถให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งคนแก่ เด็กสตรี คนหนุ่มสาว… ล้วนนอนระเนระนาดเกลื่อนพื้น

สภาพการตายของพวกเขาอนาถยิ่ง บ้างก็ถูกแหวกอกคว้านท้อง บ้างก็ถูกฉีกทึ้งร่างกาย บ้างก็ถูกควักหัวใจ บ้างก็ถูกตัดหัวขาด…

แสงอาทิตย์ยามสนธยาสาดส่อง

แร้งหลายตัวพุ่งโฉบลงมาจากฟ้าจิกกินซากศพ บนกิ่งไม้ อีกาสองสามตัวกำลังส่งเสียงร้องระงม

สวบ!

ยานขนส่งอวกาศหยุดตรงห้วงอากาศเหนือหมู่บ้านแห่งนี้ หลินสวินยืนตระหง่านตรงหัวยาน มองจากมุมสูงลงไปด้านล่างพริบตาเดียวก็ระบุได้ทันที ชาวบ้านทั้งหมดภายในหมู่บ้านแห่งนี้ล้วนถูกอสูรมารฆ่า

แม้จะเห็นความเป็นความตายจนชิน แต่เมื่อเห็นคนทั่วไปในโลกปุถุชนที่ไร้ความผิดเหล่านี้ประสบการเข่นฆ่านองเลือดปานนี้ หลินสวินก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็นวูบหนึ่ง

ฮู้ม!

หลินสวินโบกแขนเสื้อหนึ่งครา ภายในหมู่บ้านเปลวเพลิงลุกโหมคุโชน ทำให้ซากศพเกลื่อนพื้นล้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน หายลับไร้ร่องรอย

ออกจากหมู่บ้านแถบนี้ไม่ทันไร ในระยะไกลเค้าโครงของเมืองแห่งหนึ่งก็ปรากฏชัดแก่สายตา

ทว่าหลินสวินทอดมองออกไปไกลๆ ก็สัมผัสได้ว่าในเมืองแห่งนั้นมีคาวเลือดพวยพุ่งทะยานฟ้า ซ้ำยังปะปนด้วยไออสูรมารที่รุนแรงคับฟ้า

เขานึกถึงคำที่จ่างซุนสยงเคยบอก ‘หลายปีมานี้ พร้อมๆ กับฟ้าดินแปรผันฉับพลัน ภายในชายแดนจักรวรรดิปรากฏอสูรมารมากมายหลากหลาย เข่นฆ่าปล้นชิง ก่อกรรมทำชั่ว กลายเป็นหายนะภายในอย่างหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ เมืองมากมายล้วนถูกอสูรมารยึดครอง!’

‘ดูเหมือนว่า เรื่องราวจะร้ายแรงกว่าที่คิดไว้อยู่หน่อย…’

หลินสวินขมวดคิ้ว

“ไปดูกัน”

ด้านข้าง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่จ้าวจิ่งเซวียนเดินออกมาจากห้องโดยสาร ใบหน้างามเจือแววเยียบเย็น

“ดี”

หลินสวินตอบรับ เสียงสวบดังขึ้นหนึ่งครา ยานขนส่งอวกาศพุ่งโฉบ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็มาถึงเบื้องหน้าเมืองแห่งนั้น

กำแพงเมืองทรุดครืนพังพินาศ เปื้อนคราบเลือดสีแดงฉาน

ซากศพนับร้อยพันกองอยู่ใกล้ๆ กับกำแพงเมือง พอจะระบุได้เลาๆ ว่าเป็นซากศพของผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์

ในหัวหลินสวินปรากฏภาพเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ สัตว์อสูรมารนับไม่ถ้วนอาละวาด ซัดโถมดุจกระแสน้ำหลาก พุ่งเข้าสู่เมืองแห่งนี้

ผู้ฝึกปราณในเมืองต้านสุดแรงเกิด แต่กลับไม่เกิดผล ถูกเข่นฆ่าอย่างไร้ปรานี…

หลังจากนั้นเมืองก็ย่อยยับ

ที่หนีก็หนี ที่ตายก็ตาย

“บัดซบ!”

จ้าวจิ่งเซวียนกำสองมือแน่น นัยน์ตาสุกใสฉายไอสังหารขึ้นมา นางเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจักพรรดิองค์ปัจจุบันแห่งจักรวรรดิจื่อเย่า เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ แต่คิดก็รู้ว่าภายในใจจะเคืองแค้นปานใด

“ไปกัน เข้าเมืองไปดูเสียหน่อย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์