Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1371

สรุปบท ตอนที่ 1371 หายนะของสัตว์อสูรมาร: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1371 หายนะของสัตว์อสูรมาร – Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ โดย Internet

บท ตอนที่ 1371 หายนะของสัตว์อสูรมาร ของ Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หลินสวินใคร่ครวญก่อนกล่าว “ดี เช่นนั้นก็ยึดเวลาครึ่งปี ถึงตอนนั้นหากเจ้ายังไม่มาหาข้าที่นครต้องห้าม ข้าก็จะไปหาเจ้าที่สุสานสมุทรฝังมรรค”

ต่อให้ยามนี้จะมีฐานะเป็นระดับมกุฎราชันอมตะเคราะห์ด่านเจ็ด แต่สำหรับสถานที่แปลกพิสดารอย่าง ‘สุสานสมุทรฝังมรรค’ ก็ยังทำให้หลินสวินรู้สึกมองไม่ค่อยทะลุนัก

ที่นั่นเร้นลับเกินไป มีสิ่งแปลกพิสดารและอัปมงคลมากมายอาศัยอยู่

“วางใจเถิด ข้าโตมาจากสถานที่เฮงซวยนั่นเชียวนะ ไปล่ะ!” เจ้าคางคกหัวเราะร่วนพลางโบกมือ แล้วกระโจนโฉบทะยานพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ชุดสีเขียวโบกสะบัดกลางสายลม ดูอิสระเสรียิ่งยวด

“อวดดี” จ้าวจิ่งเซวียนหัวเราะหยัน

หลินสวินก็อดหัวเราะไม่ได้ เจ้าคางคกนี่ก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด

“กลับนครต้องห้ามครั้งนี้ เจ้าจะไปเยี่ยมพ่อแม่ข้าหรือไม่”

บนยานสมบัติเหลือเพียงหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนสองคน จ้าวจิ่งเซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากออกมา นัยน์ตาสุกใสเจือแววไม่เป็นตัวเองอยู่เสี้ยวหนึ่ง

นางงดงามพิสุทธิ์ดุจภาพวาด โครงหน้าขาวเนียนประณีต เรือนผมยาวสีดำสนิทโบกพลิ้วตามแรงลม ดุจดั่งเทพเซียนบนฟากฟ้า

หลินสวินอึ้งไป กล่าวว่า “นี่ย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ข้ากลับมาครานี้ ยังมีเรื่องบางอย่างอยากขอคำชี้แนะจากท่านลุงจ้าวด้วย”

จ้าวจิ่งเซวียนร้องอืมหนึ่งครา และไม่พูดมากความอีก

จู่ๆ หลินสวินก็ยื่นมือกุมมือปานหยกงามทั้งสองข้างของจ้าวจิ่งเซวียน กล่าวอย่างจริงจังว่า “จิ่งเซวียน ข้าอยากรอให้ซย่าจื้อกลับมาค่อยใคร่ครวญเรื่องของเราสองคน อืม เจ้าเองก็รู้ เด็กคนนี้นิสัยพิเศษมากเสมอมา หาก…”

จ้าวจิ่งเซวียนกล่าว “ไม่ต้องพูดมากความหรอก ข้าเข้าใจ”

ใบหน้างามดุจหยกขาวของนางร้อนผ่าวเล็กน้อย หน้าผากมนก้มต่ำ ไม่กล้าสบสายตากับหลินสวิน สองมือถูกหลินสวินกอบกุมเอาไว้ ร่างอรชรแข็งทื่อ ไม่ทันตั้งตัวอยู่บ้าง

หากนางจำไม่ผิด นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินเป็นฝ่ายรุกก่อนเช่นนี้…

หลินสวินสังเกตได้อย่างว่องไวว่าใบหูแวววาวน่ารักของจ้าวจิ่งเซวียนเริ่มแดงเถือกขึ้นมา เหมือนย้อมแสงสีแดงอันงดงาม แพขนตาไหวระริก เห็นได้ชัดว่าประหม่าเล็กน้อย

จู่ๆ ในใจหลินสวินก็เกิดแรงกระตุ้น โน้มตัวเข้าไปจุมพิตบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาขาวผ่องของจ้าวจิ่งเซวียนหนึ่งครา

ชั่วพริบตานั้นจ้าวจิ่งเซวียนพลันแข็งทื่อไปทั่วร่าง นัยน์ตาสุกใสเบิกกว้าง ภายในใจประหนึ่งมีกระแสไฟฟ้าสายหนึ่งไหลผ่าน ถึงกับอึ้งงันอยู่ตรงนั้น สับสนงุนงงเหมือนห่านสมองตื้อ

หลินสวินอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวจิ่งเซวียนที่มีมาดผ่าเผยพิสุทธิ์เสมอมา ถึงกับยังมีมุมน่ารักเช่นนี้ด้วย

ปึง!

ทันใดนั้นจ้าวจิ่งเซวียนดึงมือสองข้างออก กำปั้นนวลเนียนทุบลงบนแผ่นอกหลินสวิน กล่าวง้ำงอด “เจ้ายังขำอีก น่าขันมากนักหรือ”

หลินสวินรีบหุบรอยยิ้มทันควัน กล่าวเคร่งขรึมว่า “ไม่น่าขัน ไม่น่าขันสักนิด”

จ้าวจิ่งเซวียนจ้องหลินสวินตาเขียว จากนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ กล่าวค่อนแคะ “เจ้านี่นะ… ที่แท้ก็หน้าไม่อายเช่นนี้นี่เอง!”

กล่าวพลางนางหยัดกายขึ้นเต็มความสูง ใบหน้างามแดงระเรื่อ พุ่งเข้าไปในห้องโดยสารด้วยความเร็วประหนึ่งเหาะเหิน

หลินสวินอดหัวเราะออกมาอีกครั้งไม่ได้ กล่าวในใจว่า ไร้ยางอายหรือ หากข้าไม่เป็นฝ่ายรุกสักหน่อย ยังเป็นผู้ชายอยู่อีกหรือ

เวลาหนึ่งก้านธูปต่อมา ในที่สุดหลินสวินก็รับรู้ถึง ‘ความปั่นป่วน’ ภายในเขตชายแดนจักรวรรดิ

ที่นั่นเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทว่ากลับมีแต่ร่องรอยหายนะ มีศพตายอนาถให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งคนแก่ เด็กสตรี คนหนุ่มสาว… ล้วนนอนระเนระนาดเกลื่อนพื้น

สภาพการตายของพวกเขาอนาถยิ่ง บ้างก็ถูกแหวกอกคว้านท้อง บ้างก็ถูกฉีกทึ้งร่างกาย บ้างก็ถูกควักหัวใจ บ้างก็ถูกตัดหัวขาด…

แสงอาทิตย์ยามสนธยาสาดส่อง

แร้งหลายตัวพุ่งโฉบลงมาจากฟ้าจิกกินซากศพ บนกิ่งไม้ อีกาสองสามตัวกำลังส่งเสียงร้องระงม

สวบ!

ยานขนส่งอวกาศหยุดตรงห้วงอากาศเหนือหมู่บ้านแห่งนี้ หลินสวินยืนตระหง่านตรงหัวยาน มองจากมุมสูงลงไปด้านล่างพริบตาเดียวก็ระบุได้ทันที ชาวบ้านทั้งหมดภายในหมู่บ้านแห่งนี้ล้วนถูกอสูรมารฆ่า

แม้จะเห็นความเป็นความตายจนชิน แต่เมื่อเห็นคนทั่วไปในโลกปุถุชนที่ไร้ความผิดเหล่านี้ประสบการเข่นฆ่านองเลือดปานนี้ หลินสวินก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นัยน์ตาฉายแววเยียบเย็นวูบหนึ่ง

ฮู้ม!

หลินสวินโบกแขนเสื้อหนึ่งครา ภายในหมู่บ้านเปลวเพลิงลุกโหมคุโชน ทำให้ซากศพเกลื่อนพื้นล้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน หายลับไร้ร่องรอย

ออกจากหมู่บ้านแถบนี้ไม่ทันไร ในระยะไกลเค้าโครงของเมืองแห่งหนึ่งก็ปรากฏชัดแก่สายตา

ทว่าหลินสวินทอดมองออกไปไกลๆ ก็สัมผัสได้ว่าในเมืองแห่งนั้นมีคาวเลือดพวยพุ่งทะยานฟ้า ซ้ำยังปะปนด้วยไออสูรมารที่รุนแรงคับฟ้า

เขานึกถึงคำที่จ่างซุนสยงเคยบอก ‘หลายปีมานี้ พร้อมๆ กับฟ้าดินแปรผันฉับพลัน ภายในชายแดนจักรวรรดิปรากฏอสูรมารมากมายหลากหลาย เข่นฆ่าปล้นชิง ก่อกรรมทำชั่ว กลายเป็นหายนะภายในอย่างหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิ เมืองมากมายล้วนถูกอสูรมารยึดครอง!’

‘ดูเหมือนว่า เรื่องราวจะร้ายแรงกว่าที่คิดไว้อยู่หน่อย…’

หลินสวินขมวดคิ้ว

“ไปดูกัน”

ด้านข้าง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่จ้าวจิ่งเซวียนเดินออกมาจากห้องโดยสาร ใบหน้างามเจือแววเยียบเย็น

“ดี”

หลินสวินตอบรับ เสียงสวบดังขึ้นหนึ่งครา ยานขนส่งอวกาศพุ่งโฉบ หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็มาถึงเบื้องหน้าเมืองแห่งนั้น

กำแพงเมืองทรุดครืนพังพินาศ เปื้อนคราบเลือดสีแดงฉาน

ซากศพนับร้อยพันกองอยู่ใกล้ๆ กับกำแพงเมือง พอจะระบุได้เลาๆ ว่าเป็นซากศพของผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์

ในหัวหลินสวินปรากฏภาพเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ สัตว์อสูรมารนับไม่ถ้วนอาละวาด ซัดโถมดุจกระแสน้ำหลาก พุ่งเข้าสู่เมืองแห่งนี้

ผู้ฝึกปราณในเมืองต้านสุดแรงเกิด แต่กลับไม่เกิดผล ถูกเข่นฆ่าอย่างไร้ปรานี…

หลังจากนั้นเมืองก็ย่อยยับ

ที่หนีก็หนี ที่ตายก็ตาย

“บัดซบ!”

จ้าวจิ่งเซวียนกำสองมือแน่น นัยน์ตาสุกใสฉายไอสังหารขึ้นมา นางเป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจักพรรดิองค์ปัจจุบันแห่งจักรวรรดิจื่อเย่า เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ แต่คิดก็รู้ว่าภายในใจจะเคืองแค้นปานใด

“ไปกัน เข้าเมืองไปดูเสียหน่อย”

“เห มีคนมา!”

ทันใดนั้นอสูรมารน้อยหัวเสือดาวนั่นก็ตะโกนลั่นขึ้นมา ฉับพลันสายตามากมายล้วนมองมาทางหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนที่พรวดพราดเข้ามา

“เป็นผู้ฝึกปราณ!”

ชายหนุ่มผอมแห้งที่สวมชุดคลุมยาวหรูหรานัยน์ตาหดรัด คล้ายประหลาดใจอยู่บ้าง เพราะเมืองแห่งนี้ถูกล้างบางเกลี้ยงตั้งแต่หลายวันก่อนนู่นแล้ว ถูกอสูรมารอย่างพวกเขายึดครอง

กลับคิดไม่ถึงว่าในวันนี้ ถึงกับยังมีคนกล้าปรากฏตัวที่นี่อีก!

“แม่นางน้อยผู้งดงาม ก็ไม่รู้ว่ากินเข้าไปแล้วรสชาติจะ…”

อสูรมารที่ดูหิวโหยตัวนั้นเบิกตากว้างจ้องมองจ้าวจิ่งเซวียน น้ำลายเกือบไหลออกมา

พูดยังไม่ทันจบจ้าวจิ่งเซวียนก็ลงมือแล้ว!

เพลิงโทสะในใจของนางพริบตานี้ถูกจุดอย่างสิ้นเชิง ทั้งตัวแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงออกมา แผ่กว้างครอบคลุมทั่วทั้งคฤหาสน์ประหนึ่งปิดครอบฟ้าดินก็ไม่ปาน

“พวกเดรัจฉาน สมควรตายให้หมด!”

สีหน้าจ้าวจิ่งเซวียนดุจน้ำค้างแข็ง พูดเน้นทีละคำ เสียงตึงดังหนึ่งครา แสงอสนีระฟ้าร่วงหล่นมาจากนภา ถูกนางบังคับควบคุม โหมฆ่าไปทางอสูรมารพวกนั้น

บทสรุปไม่มีสิ่งใดให้ต้องเป็นกังวล

ด้วยพลังระดับมกุฎราชันอมตะเคราะห์ด่านสองของจ้าวจิ่งเซวียน ลำพังแค่อานุภาพที่แผ่ซ่านรอบกาย ก็กดข่มจนจิตใจอสูรมารทั้งหมดในลานแตกสลาย ตัวสั่นระริก

อย่าว่าแต่หนีเลย แม้แต่กำลังต่อต้านยังงัดออกมาไม่ได้

ท้ายที่สุดนอกจากชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมยาวหรูหราคนนั้น สัตว์อสูรมารทั้งหมดล้วนถูกฆ่าด้วยวิธีการเลือดเย็นเป็นที่สุด แม้แต่เศษซากก็ยังไม่มีเหลือ

แต่จ้าวจิ่งเซวียนดูเหมือนยังไม่หายแค้น สีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง

“บอกมา ผู้นำของพวกเจ้าเป็นใคร”

หลินสวินเอ่ยถาม ชายหนุ่มที่สวมชุดหรูหราข้างๆ เขาทรุดตัวคุกเข่าลง สีหน้าซีดเผือด ถูกทำให้ตกใจจนมึนงงอย่างสมบูรณ์ ขนาดพูดยังพูดไม่ออก

‘นายท่าน ให้ข้าจัดการ’

เสี่ยวอิ๋นพุ่งออกมาดังสวบ เจาะเข้าไปในสมองของชายหนุ่มคนนี้

ให้หลังเสี่ยวอิ๋นก็โฉบออกมากล่าวว่า “พวชั่วกลุ่มนี้เป็นสมุนของคนที่ตั้งตัวเป็น ‘ราชันเถาวัลย์เพลิง’ พำนักอยู่ในส่วนลึกของภูเขาใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปสามพันลี้จากเมืองนี้ ในมือควบคุมกลุ่มอสูรมารจำนวนสามหมื่น ครองภูผาเป็นราชัน…”

ไม่นานเสี่ยวอิ๋นก็บอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับ ‘ราชันเถาวัลย์เพลิง’ ทีละข้อ

พรวด!

หลินสวินฆ่าชายหนุ่มชุดหรูหราคนนั้นโดยไม่ลังเล ฝ่ายหลังเผยร่างเดิมออกมา ถึงกับเป็นจิ้งจอกเทาหน้าลายตัวหนึ่ง

“อยากจะไปพบราชันเถาวัลย์เพลิงนี่สักหน่อยหรือไม่”

สายตาหลินสวินมองไปทางจ้าวจิ่งเซวียน

…………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์