Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1394

พื้นลานทรุดโทรมไปนานแล้ว ขั้นบันไดหินหน้าประตูยังปกคลุมไปด้วยตะไคร่น้ำ บนกำแพงเตี้ยมีวัชพืชงอกขึ้นตามแนว

แต่เวลานี้นัยน์ตาหลินสวินกลับหรี่ลงกะทันหัน สายตาจับจ้องบานประตูไม้ที่ปิดสนิทบานนั้น ในใจกลับผุดความสงสัยขึ้นมา

รอบบริเวณลานนี้ปกคลุมด้วยพลังผนึกต้องห้ามที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง!

พลังนี้ไม่เด่นสะดุดตาอย่างยิ่ง กลมกลืนกับฟ้าดินโดยรอบอย่างสมบูรณ์ ตะไคร่น้ำบนขั้นบันไดหิน วัชพืชบนแนวผนัง แม้แต่ภาพทุกอย่างที่เห็นต่อหน้าล้วนกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังผนึกต้องห้ามนี้ไปได้นานแล้ว

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในมุมมองของหลินสวิน ตะไคร่น้ำ วัชพืช ประตูไม้ ผนังกำแพงนั่น… ต่างเรียกได้ว่าเป็นรอยสลักวิญญาณอย่างหนึ่งที่ผนึกต้องห้ามนี้สร้างขึ้นมา!

นี่… ใครเป็นคนวางเอาไว้กัน

หลินสวินแผ่จิตรับรู้ พริบตาเดียวก็ปกคลุมทั่วหมู่บ้านเฟยอวิ๋น

ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดก็สรุปได้ว่า ทั่วทั้งหมู่บ้านนี้มีเพียงบ้านทรุดโทรมที่ตนเคยอาศัยอยู่นี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่ถูกปกคลุมด้วยผนึกต้องห้ามแปลกประหลาดเช่นนี้

สิ่งนี้ทำให้หลินสวินยิ่งสงสัยไม่แน่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ

ชั่วขณะนั้นเขายืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน เนิ่นนานไม่ยอมก้าวไปไหน

‘จะต้องมีคนเคยมาที่นี่แน่นอน เพียงแต่จะเป็นใครกันแน่ และมาที่นี่เพื่อหาอะไร’

สีหน้าหลินสวินวูบไหวไม่แน่นิ่ง

ท้ายที่สุดเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปผลักประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทนั่น

อี๊ดอาด!

ประตูบานใหญ่ที่ผุพังด่างพร้อยตั้งแต่ต้นถูกผลักออกอย่างง่ายดาย

วู้ม!

แต่ในเวลานี้เอง รอบบริเวณบ้านนี้นับตั้งแต่ร่องรอยตะไคร่น้ำที่หน้าบันไดหิน เรื่อยมาจนถึงวัชพืชบนแนวผนัง จู่ๆ ก็ผุดเกลียวกระเพื่อมแปลกประหลาดราวกับระลอกคลื่นเกลียวแล้วเกลียวเล่าขึ้นมา

ทันใดนั้นหลินสวินสายตาพร่าลาย ปรากฏภาพเหตุการณ์สีสันฉูดฉาดภาพแล้วภาพเล่า ราวกับห้วงเวลาย้อนกลับไปยังหลายปีก่อนในชั่วพริบตา

นั่นเป็นช่วงบ่ายวันหนึ่ง อาทิตย์อัสดงสาดแสงอาบไล้ท่ามกลางเขาเขียวขจีที่อยู่ไกลๆ

ชายชราเงาร่างผอมแห้งคนหนึ่งเดินมาแต่ไกล ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าลานบ้านแห่งนี้ เขาเอามือไพล่หลัง ยืนนิ่วจับจ้องครู่หนึ่ง ก่อนระบายยิ้มเล็กน้อยแล้วผลักประตูเดินเข้าไป

เขาเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง เดินเข้ามาในห้องที่หลินสวินเคยอาศัยอยู่ นั่งลงหน้าโต๊ะที่หลินสวินเคยใช้ นิ่งเงียบเป็นเวลานาน

และจากนั้นเขาหยัดตัวลุกขึ้นเดินมาอยู่กลางลานบ้าน หย่อนตัวนั่งลงใต้ต้นหลิวสีเขียวต้นนั้นอย่างสบายๆ หันหน้าเข้าหาอาทิตย์ตกดิน นั่งเงียบๆ ทอดมองบ้านหลังนี้ด้วยอาการเหม่อลอย

และเวลานี้หลินสวินก็นิ่งค้างอยู่ตรงนั้นเช่นเดียวกัน จิตใจที่หนักแน่นดั่งหินผา ยามนี้กลับตื่นเต้นขึ้นมาอย่างหาได้ยาก

ชายชราคนนั้นผมเผ้าเคราหนวดรุงรัง รอยย่นบนหน้าราวกับหุบเขาเคลื่อนขวาง เงาร่างผอมตอบดั่งลำไผ่ แม้ว่าสีหน้าจะสงบนิ่ง แต่สายตากลับยังคงเปี่ยมแววดื้อแพ่งแข็งกร้าว

หลินสวินรู้สึกคุ้นเคยเหลือเกิน

เพราะนี่คือท่านลู่ที่ชุบเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ ลู่ป๋อหยา!

“ท่านลู่ ยังไม่ตายจริงๆ ด้วย…”

สองกำปั้นของหลินสวินกำแน่นอย่างควบคุมไม่อยู่ สภาพจิตใจปั่นป่วนเดือดพล่าน

ตอนที่เขาออกจากคุกใต้เหมืองในปีนั้น เคยเห็นมือยักษ์สีม่วงที่ราวกับครอบคลุมท้องฟ้าข้างหนึ่งปรากฏขึ้น และตบลงมาอย่างไร้ปรานีกับตาตัวเอง

และก็เคยเห็นสีหน้าฉุนเฉียว เดือดดาล และร้อนรนของท่านลู่ด้วย

ตอนนั้นหลินสวินคิดว่านี่คือครั้งสุดท้ายในชีวิตที่จะได้เห็นท่านลู่

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าท่านลู่จะยังไม่ตาย!

เฮือก!

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พยายามทำให้ตนสงบสติอารมณ์ลง และ ‘ดู’ ต่อไป

เขารู้ ภาพเหตุการณ์แต่ละภาพที่เห็นตรงหน้านี้เป็น ‘รอยประทับ’ ที่ถูกตราตรึงอย่างหนึ่ง เป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตที่ฉายซ้ำเหมือนกับย้อนเวลากลับไป

ยามนี้ท่านลู่หยัดตัวลุกขึ้น หยิบตำราหยกสีดำสนิทอันหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ พร้อมๆ กับเสียงครวญใสที่ดังขึ้น ตำราหยกนั้นแผ่ประกายแสงแปลกประหลาดออกมา สาดละอองแสงงดงามดั่งภาพฝันมายาออกมาสายแล้วสายเล่า

จากนั้นภาพที่น่าตกใจก็ปรากฏขึ้น

บนตำราหยกเริ่มปรากฏภาพขึ้นมาภาพแล้วภาพเล่า เป็นเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันช่วงสมัยเด็กที่หลินสวินอาศัยอยู่ในบ้านแห่งนี้นั่นเอง

ฝึกสลักวิญญาณ เคี่ยวกรำวิชายุทธ์ ฝึกพลังกาย… แล้วยังมีภาพเหตุการณ์มากมายอย่างเช่นก่อไฟทำอาหาร ล้างหน้าแปรงฟันทำความสะอาดเป็นต้น…

ท่านลู่ยืนนิ่งตรงนั้น ทอดมองภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นบนตำราหยกสีดำสนิทนั้นเงียบๆ บนแก้มผอมตอบบ้างก็ฉายแววปิติ บ้างก็ขมวดคิ้ว บ้างก็ปวดร้าว บ้างก็สุขใจ…

และยามนี้ในใจหลินสวินก็ซับซ้อนไม่สิ้นเช่นกัน เขาคาดไม่ถึงเลยว่าตำราหยกสีดำสนิทอันหนึ่ง จะถึงกับฉายร่องรอยในวัยเด็กของตนที่ตราตรึงอยู่ในบ้านแห่งนี้ขึ้นมาทีละเหตุการณ์

ตำราหยกสีดำสนิทนี้เป็นสมบัติแสนมหัศจรรย์ถึงที่สุดอย่างหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย

เนิ่นนานประกายแสงของตำราหยกสีดำสนิทก็หรุบหรู่ ภาพเหตุการณ์ฉากแล้วฉากเล่านั้นอันตรธานหายไป

“ดี ดี ดี…”

ท่านลู่ดูคล้ายไม่อาจระงับอารมณ์ภายในจิตใจลงได้ ริมฝีปากกล่าวพึมพำ “หากคุณหนูได้เห็นเด็กคนนี้เติบใหญ่ขึ้นจะต้องดีใจมากแน่ๆ”

เสียงนี้เจือความปวดร้าวและพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์