Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ นิยาย บท 1398

เพียงแต่… เมื่อฝ่ามือนี้กดออกไป ราชันไก่ฟ้าโลหิตกลับรู้สึกร่างแข็งทื่อ ถูกอานุภาพน่าสะพรึงไร้ขอบเขตกดทับบนร่าง

พลานุภาพของฝ่ามือนี้ก็พลอยลดฮวบลงทันควัน

ฉึบ!

และยามนี้ ชีชานแทงทวนเล่มนั้นเข้ามา ทำลายพลังฝ่ามือสายนี้ลงอย่างง่ายดาย ทวนแหลมคมดั่งสายฟ้า ไหล่ซ้ายของราชันไก่ฟ้าโลหิตถูกแทงเป็นรูในบัดดล

“เจ้า…”

ราชันไก่ฟ้าโลหิตโกรธจนตัวสั่นทันที แต่ที่มีมากกว่าคือตระหนกหวาดกลัว อานุภาพกดดันน่าสะพรึงนั้นกดทับบนภูเขาอยู่ตลอดราวกับภูเขาเทพ ทำให้เขาไม่อาจต้านทานได้

และเพราะเหตุนี้ ทำให้พลังต่อสู้ของเขาถูกยับยั้งอย่างสมบูรณ์ หาไม่มีหรือจะถูกแทงบาดเจ็บได้

ฉัวะ!

เงาทวนสะบัดโบกราวกับอสนีประกายเขียวคดเคี้ยว ห้วงอากาศถูกฉีกทึ้งเป็นริ้วราวกับผืนภาพ ชีชานเดือดดาลก็เหมือนกับบ้าคลั่ง ท่าทางน่าหวาดหวั่น

ฉึบๆๆ!

เพียงพริบตาสั้นๆ บนร่างราชันไก่ฟ้าโลหิตก็ถูกแทงจ้วงเป็นรูมากมาย แต่ละรอยมีขนาดเท่าปากชาม เลือดสดสาดกระเซ็นไหลนอง

เขาส่งเสียงร้องโหยหวน แม้แต่ตะเกียกตะกายเบี่ยงหลบยังทำไม่ได้

‘สมควรตาย อาศัยแค่พลังกดดันก็ทำให้ข้าดิ้นไม่หลุด ไร้กำลังสำแดงพลังต่อสู้ ความแข็งแกร่งของเจ้าหมอนั่นน่าสะพรึงปานใดกันแน่’

ราชันไก่ฟ้าโลหิตตระหนักถึงความไม่เข้าที ทั่วร่างสั่นเทิ้ม

เขาไม่ได้หวาดกลัวชีชาน แต่หวาดกลัวหลินสวินที่ยืนกลางอากาศไกลๆ ต่างหาก

‘หนี! ต้องหนี!’

ราชันไก่ฟ้าโลหิตดิ้นรนสุดแรงเกิด แสงอสูรมารไหลเวียนทั่วร่าง กลิ่นอายกู่ก้อง บ้าคลั่งอย่างสิ้นเชิงแล้ว

แต่นี่ย่อมเปลืองแรงเปล่า

ไม่ว่าเขาจะสู้สุดแรงอย่างไร อานุภาพกดดันน่าสะพรึงนั่นก็เหมือนภูเขาเทพที่ไม่ขยับเขยื้อน กดดันจนเขาจวนจะหายใจไม่ออก

ข้างหลังหลินสวิน ศิษย์ค่ายกระหายเลือดพวกนั้นต่างตะลึงงัน ถูกเขย่าขวัญจนคำพูด

พวกเขายืนอยู่เหนือห้วงอากาศ เรื่องที่เกิดขึ้นกลางหุบเขาถูกพวกเขาเห็นทั้งหมด แต่พวกเขากลับไม่กล้าจินตนาการ ราชันไก่ฟ้าโลหิตที่กร้าวแกร่งน่าสะพรึงไร้ที่สิ้นสุดในข่าวลือ เหตุใดถึงอ่อนแออย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้ อยู่ต่อหน้าครูฝึกก็แทบไม่มีแรงสู้กลับเลยสักนิด!

พร้อมกันนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าสัตว์อสูรมารในพื้นที่ต่างๆ ของหุบเขานี้ ยามนี้ไม่มีหน้าไหนไม่หมอบราบลงกับพื้น ตัวสั่นงันงก อย่าว่าแต่ช่วยราชันไก่ฟ้าโลหิตเลย แม้แต่แรงยันร่างขึ้นมายังไม่มี

‘ต้องเป็นผู้อาวุโสหลินลงมือแล้วแน่ๆ!’

ชายหญิงเหล่านี้คาดเดาออกมาเช่นเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซ้ำยังแน่ใจไร้กังขาต่อเรื่องนี้อย่างยิ่งยวด

เพราะวิธีการน่าเหลือเชื่อระดับนี้ ก็มีแต่คุณชายหลินที่อำนาจทั่วนครหลวงในตำนานเท่านั้นจึงจะทำได้

ฟุ่บ!

สุดท้ายราชันไก่ฟ้าโลหิตก็นอนคว่ำราบพื้น สีหน้าฉายแววไม่ยินยอม เดือดดาล และหมดอาลัยตายอยาก

ตั้งแต่ต้นจนจบเขาก็เหมือนแมลงที่ติดแหง็กในใยแมงมุม ไร้แรงขัดขืน ไร้แรงต่อต้าน ไร้แรงหนีเอาตัวรอด

การตายเช่นนี้ ช่างน่าอัดอั้นเกินไปแล้วชัดๆ!

ฮู่! ฮู่!

ชีชานพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ แต่สีหน้ากลับไร้แววดีใจที่แค้นใหญ่ได้รับการชำระ

ศัตรูตายแล้วก็จริง แต่ญาติมิตรเหล่านั้นของเขากลับไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีก เมื่อเป็นเช่นนี้ ยังมีความดีใจอะไรให้พูดถึงอีกหรือ

“ขอบคุณยิ่งนัก!”

ชีชานทอดมองหลินสวินที่อยู่ไกลๆ ด้วยสายตาเจือแววซาบซึ้ง

เขารู้ หากไม่มีแรงกดดันจากหลินสวิน แค่พลังของเขาย่อมไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของราชันไก่ฟ้าโลหิตได้แน่นอน

“ไปกันเถอะ”

หลินสวินระบายยิ้ม

คนทั้งขบวนหมุนตัวเดินออกจากหุบเขาแห่งนี้

และหลังจากพวกเขาออกไป สัตว์อสูรมารพวกนั้นที่แต่เดิมหมอบราบกับพื้นต่างก็ตายอนาถไปอย่างเงียบๆ กลายเป็นซากศพเย็นเยียบเกลื่อนพื้น เป็นภาพที่ทำให้ผู้คนสั่นเทิ้มทั้งที่ไม่ใช่หน้าหนาว

“หากเจ้ารู้สึกไม่เบิกบาน ไม่สู้เดินทางไปเทือกเขาผีเผ่นพร้อมกับข้าเสียเลยล่ะ”

เหนือห้วงอากาศหลินสวินเอ่ยถาม

ชีชานกล่าวตกใจ “เจ้าจะไปสังหารราชันค้างคาวดำหรือ”

หลินสวินกล่าวยิ้มๆ “ไม่ได้ตรงไหน”

สี่คำสั้นๆ ราบเรียบสบายๆ แต่เมื่อเข้าหูชีชานและชายหญิงเหล่านั้น กลับเผยกลิ่นอายผงาดกร้าวไร้สิ้นสุด!

ในจักรวรรดิอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ใครจะกล้ามองราชันอสูรมารพวกนั้นราวกับไร้ตัวตนเหมือนอย่างหลินสวินบ้าง

ชีชานรู้สึกเพียงว่าเลือดลมสูบฉีดทั่วร่าง กล่าวโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด “ยินดีอย่างยิ่ง ขอเพียงเจ้าไม่รู้สึกว่าเป็นตัวถ่วงก็พอ”

คำตอบของหลินสวินมีเพียงคำเดียว

“ไป”

……

เขาผีเผ่น

“เร็วเข้า เริ่มเคลื่อนไหวกันได้!”

บนยอดเขา ราชันค้างคาวดำเอามือไพล่หลัง ร้องออกคำสั่ง

ก็เห็นพื้นที่แถวนั้นสัตว์อสูรมารกำลังเดินพล่านราวกับกระแสน้ำเชี่ยว บนไหล่ของสัตว์อสูรมารแต่ละตนต่างมีธงรบสีเลือดปักอยู่หนึ่งอัน

ธงรบสีเลือดแน่นขนัดถูกเสียบเข้าไปในพื้นที่ต่างๆ มีจำนวนมากถึงหลายแสน ปกคลุมแม่น้ำภูเขาละแวกพันลี้เอาไว้ภายใน

“พวกเจ้าคอยดู เมื่อค่ายกลนี้ถูกวาง พื้นที่พันลี้แถบนี้ก็จะกลายเป็นคุกยักษ์สีเลือดแห่งหนึ่ง ตัดขาดกับใต้หล้า มีอานุภาพทำลายล้างภูตผีเทพเซียน พวกอยู่ต่ำกว่าระดับอริยะเข้ามา จะต้องตายสถานเดียว!”

ราชันค้างคาวดำสีหน้าเปี่ยมแววลำพอง

เขารูปร่างผอมสูง ปลายคางแหลม นัยน์ตาแดงก่ำยาวเฉี่ยว ใบหูผึ่งกาง ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น ทั่วร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายดุดันกร้าวแกร่งสะท้านฟ้า

ด้านหลังราชันค้างคาวดำ มีกลุ่มราชันอสูรมารยืนอยู่ ล้วนเป็นลูกน้องคนสำคัญที่ทรงพลังที่สุดใต้บัญชาเขา

เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีเลือด ดวงหน้างดงามหวานละมุนปานหญิงสาวหนึ่งในนั้นก็กล่าวพลางยิ้มน้อยๆว่า “จอมราชัน ค่ายกลนี้น่าสนใจอย่างไรหรือ”

ราชันค้างคาวดำระเบิดหัวเราะลั่น “รู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าคงไม่เข้าใจ เห็นหรือไม่ ธงรบสีเลือดแต่ละอันล้วนใช้เลือดพิสุทธ์ของผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์หลอมขึ้น ธงรบแต่ละอันต่างสูบพลังเลือดพิสุทธิ์ของผู้ฝึกปราณสิบกว่าคน”

“สวรรค์! จำนวนธงรบสีเลือดนี้อย่างน้อยก็มีหลายหมื่นแล้วกระมัง หากคำนวณตามนี้ นั่นไม่ใช่ว่ามีผู้ฝึกปราณจำนวนเกือบแสนถูกฆ่าเลยหรือ!”

ชายหนุ่มชุดเลือดกล่าวอย่างตกใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์